สีเสื้อมงคล ความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต

“สีเขียว เหนี่ยวทรัพย์” คำพูดที่ใครหลาย ๆ คน ต่างก็เคยได้ยิน แต่รู้หรือไม่ว่า ความเชื่อเรื่องสีเสื้อมงคลนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เห็นได้จาก “สวัสดิรักษาคำกลอน” ที่สุนทรภู่ได้แต่งถวายสมเด็จเจ้าฟ้าอาภรณ์ในรัชกาลที่ 2 โดยสันนิษฐานว่า ได้แต่งขึ้นเมื่อปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ความเชื่อเรื่องการใส่เสื้อสีมงคลเพื่อเสริมดวงนั้น ก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกแชร์ในสื่อโซเซียลกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากชีวิตคนเราขับเคลื่อนไปได้ด้วยความเชื่อ ความเชื่อเรื่องสีมงคลหรือสีเสื้อมงคลนั้น จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนในสังคมต่างก็เชื่อว่าใส่แล้วจะโชคดี หรือใส่เพื่อที่จะเสริมดวงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อสีมงคลเพื่อเสริมด้านความรัก เสริมด้านหน้าที่การงาน เสริมด้านการเงิน หรือเสริมด้านเมตตา มหาเสน่ห์ ความเชื่อเรื่องสีเสื้อมงคลจึงเป็นสิ่งที่ยังถูกส่งต่อกันมาอย่างเรื่อย ๆ ในสังคมไทย

หลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นเครื่องยืนยันว่า การนุ่งห่มสีเสื้อตามวันนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ก็คือผลงานของสุนทรภู่ที่ได้แต่ง สวัสดิรักษาคำกลอน เพื่อถวายสมเด็จเจ้าฟ้าอาภรณ์ โดยคำกลอนได้กล่าวไว้ ดังนี้

อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รบ ให้มีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี

วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล

เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว จะยืนยาวชันษาสถาผล

อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี

เครื่องวันพุธสุดดีด้วยสีแสด กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี

วันพฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม

วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม

หนึ่งพาชีขี่ขับประดับงาม ให้ต้องตามสีสันจึงกันภัย ฯ

จากคำกลอนดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อเรื่องสีเสื้อมงคลนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และได้ปรากฏอยู่ในสวัสดิรักษาคำกลอนของสุนทรภู่ โดยถอดความได้ดังนี้

• วันอาทิตย์ ใส่เสื้อสีแดง จะเป็นมงคลแก่ชีวิต
• วันจันทร์ ใส่เสื้อสีขาว อายุจะยืนยาว
• วันอังคาร ใส่เสื้อสีม่วง หรือสีคราม จะสู้รบชนะ
• วันพุธ ใส่เสื้อสีแสด ร้ายจะกลายเป็นดี
• วันพฤหัสบดี ใส่เสื้อสีเขียว จะโชคดี
• วันศุกร์ ใส่เสื้อสีน้ำเงิน เหมาะกับการออกสงคราม หรือออกรบ
• วันเสาร์ ใส่เสื้อสีดำ จะดียิ่ง จะประเสริฐ

สีเสื้อมงคล จึงเป็นความเชื่อที่ได้ถูกส่งต่อมาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้คนในสังคมที่มีความเชื่อและยังได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา