ทำนายทายทัก : ชักแถวเปลี่ยนยกชุด ชื่อเล่น ชื่อจริง นามสกุล

 

คาดว่าน่าจะเป็นกระแส "ฮิต" ติดลมบนของคนในสังคม ที่ "ชักแถว" เดินทางถือเอกสารไปที่สำนักงานเขตกันอย่างล้นหลาม เพื่อขอเปลี่ยนชื่อกันยกใหญ่ หลายคนบอก "ไม่เห็นแปลก" การเปลี่ยนชื่อใหม่มีกันมานมนาน แล้วถ้าจะบอกว่า ที่ชักแถวกันไปน่ะ เขาเปลี่ยนกันทั้งชื่อและนามสกุลกันเลย บางคนถึงขั้นเปลี่ยน "ชื่อเล่น" อีกต่างหาก แหม่ม นิมมิดา วรนิธิศ

อายุ 29 ปี สาวนักประชาสัมพันธ์บริษัทแห่งหนึ่ง ที่เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ทั้งชื่อและนามสกุล บอกว่าสาเหตุของการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็นเพราะคุณพ่อป่วย และตลอดเวลาที่ดูดวง หมอดูก็มักจะทักว่า ชื่อเก่านั้นไม่ดี เก็บเงินไม่อยู่ แต่ไม่เคยใจอ่อนเปลี่ยนชื่อสักที เพราะมีความรู้สึกว่าชื่อเก่า นามสกุลเก่า ที่พ่อแม่ให้มา ก็ดีอยู่แล้ว สอบที่ไหนก็ผ่าน สมัครงานที่ไหนก็ได้ แทบจะไม่เคยมีปัญหา แต่จุดที่ทำให้ต้องเปลี่ยนคือพ่อ ซึ่งก็คิดว่าลองเปลี่ยนดูก็ได้ เพราะอยากให้พ่อหายป่วย "บังเอิญว่ามีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและท่านมีความรู้ด้านศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ ดิฉันจึงปรึกษาท่าน หลังจากที่ท่านนำวันเดือนปีเกิดคำนวณทางโหราศาสตร์แล้ว จึงตั้งชื่อและนามสกุลให้ใหม่ ซึ่งเห็นครั้งแรกก็ถูกใจ เพราะเป็นชื่อไม่โหล แต่ก็ไม่ใช่ชื่อแปลกจนเกินไป" การขอเปลี่ยนชื่อไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สำหรับการเปลี่ยนนามสกุลอาจยุ่งยากไม่น้อย เรื่องนี้นิมมิดารีบบอกว่าไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องทำ 2 ครั้ง คือ เปลี่ยนชื่อก่อน จากนั้นค่อยเขียนคำร้องขอเปลี่ยนนามสกุล และเจ้าหน้าที่ก็มิได้ซักไซ้ไล่เลียงเหตุผล เพียงแต่ต้องดูความหมายของชื่อและสกุลใหม่ว่าเป็นอย่างไร หลังจากเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่ แหม่มยอมรับว่าคุณพ่อของเธอมีอาการดีขึ้น จากที่เคยเดินไม่ได้ ก็กลับมาเดินได้ และยังขับรถได้อีกด้วย ขณะที่ตัวเธอเองนั้น ชีวิตการงานก็ดีขึ้น ไม่ค่อยมีอุปสรรค กระนั้น สาวนักประชาสัมพันธ์คนนี้บอกทิ้งท้ายว่า ขณะนี้นับว่าการเปลี่ยนชื่อนามสกุลนั้นกำลังจะกลายเป็นแฟชั่น เพราะคนรอบข้างตัวเธอก็มีคนเปลี่ยนมาแล้วนับสิบคน รวมถึงยังมีคนที่กำลังจะเปลี่ยนอีกหลายคน ซึ่งการเปลี่ยนชื่อนั้น ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วก็ไม่ควรจะเปลี่ยน อีกคนหนึ่ง "พรีม" ธีรตีพิศา เตวีชพศุตม์

สาวทนายความที่ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 2 ครั้ง และในครอบครัวของเธอ คือ แม่ เธอ และน้องสาว ยังมีชื่อและนามสกุลต่างกันด้วย ก็ร่วมยืนยันกระแสการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลว่า กำลังมาแรงจริงๆ... สำหรับตัวเธอนั้น เธอบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า เธอไม่ได้เกาะกระแส แต่เธอต่างหากที่เป็น "ผู้นำเทรนด์" สาวมั่นยินดีบอกเล่าถึงเหตุผลที่ต้องทิ้งชื่อเก่า นามสกุลเก่า ด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ตั้งแต่เด็กเธอมักจะเป็นโรคที่เด็กทั่วไปไม่เป็น เช่น ซีสที่คิ้ว หน้าอก ปวดเข่าอย่างรุนแรงจนไม่สามารถยืนได้ เธอตระเวนไปพบแพทย์ทั้งไทย จีน ฝรั่ง แพทย์แผนโบราณ หมอนวด จับเส้น แต่ก็ไม่พบสาเหตุของอาการ "มันเป็นกรรม" พรีมอ้างคำพูดของแพทย์แผนปัจจุบันในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเธอรู้จักกับอาจารย์ที่แนะนำให้เธอเปลี่ยนชื่อ และตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจากจารุชา สุทธิพันธ์ มาเป็นนภัสสร สุทธิพันธ์ นามสกุลเดิมยังไม่เปลี่ยนด้วยเหตุผลที่ว่า "เกรงใจคุณพ่อ" การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ ทำให้อาการที่ว่าดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหายเป็นปลิดทิ้ง พรีมก็พูดอย่างไม่สนิทปากว่า 100% เป็นเพราะการเปลี่ยนชื่อ หลังจากนั้นไม่นาน คุณพ่อของพรีมเสียชีวิต ขณะที่ชีวิตการงานของพรีมก็มีปัญหา อาจารย์คนเดิมจึงแนะนำให้เธอ เปลี่ยนชื่ออีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เธอต้องเปลี่ยนนามสกุลจากสุทธิพันธ์ มาเป็นเตวีชพศุตม์ และชื่อเล่นจากแต้วเป็นพรีมอีกด้วย เมื่อเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทุกอย่างในชีวิตของเธอก็ราบรื่นขึ้น เมื่อชีวิตเธอ "ดีขึ้น" ก็มีทั้งเพื่อน พี่ น้อง แห่กันมาปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนชื่อ นามสกุลกันเป็นแถว "นับคร่าวๆ 11 เดือนแล้วที่เปลี่ยนชื่อ นามสกุล มีไม่ต่ำกว่า 30 คนที่เปลี่ยนตาม ถามว่ามันเป็นเทรนด์ไหม แง่หนึ่งมันก็ใช่ แต่ดิฉันจะไม่แนะนำให้คนที่ดีอยู่แล้วไปเปลี่ยนชื่อเด็ดขาด เพราะถามว่า ถ้าคุณพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปเปลี่ยน และที่สำคัญ พื้นฐานการที่ชีวิตจะดีขึ้น คือการทำบุญ นั่งสมาธิ ดิฉันพูดได้เต็มปากว่าเป็นคนอยู่ในศีลในธรรม ชื่อจะมาเสริมดวงหรือไม่คงพูดยาก แต่ที่แน่ๆ คือ การที่เราคิดดี ทำดี พูดดี จะส่งผลให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน" จะเป็น "เทรนด์" หรือไม่ คงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนเปลี่ยนใจเป็นคนใหม่ แต่ที่สำคัญ เปลี่ยนชื่อ นามสกุล แล้วอย่าเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีก็แล้วกัน