ขันติธรรมของพระดาบส

ขันติธรรมของพระดาบส

ขันติธรรมของพระดาบส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในอดีต มีชายหนุ่มในตระกูลพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อ กุณฑลกุมาร เมื่อชายหนุ่มผู้นี้จบการศึกษาจากนครตักสิลาแล้ว เขาก็กลับมาทำงานรวบรวมเงินทองจนตั้งตัวได้ กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อบิดามารดาล่วงลับไปแล้ว ทิ้งสมบัติไว้ให้มากมาย เขากลับคิดขึ้นมาว่า บรรพบุรุษล้วนจากไปตัวเปล่า ไม่มีใครเอาสมบัติติดตัวไปได้เลย เขาน่าจะนำสมบัติเหล่านี้ไปทำบุญ คิดแล้วจึงนำสมบัติออกไปบริจาคทานแล้วไปบวช เป็นดาบสอยู่ในป่ากินผลไม้เป็นอาหาร

อยู่มาวันหนึ่ง เขาอยากกินอาหารมีรสชาติ จึงเดินทางมายังเมืองพาราณสี และพักอยู่ในพระราชอุทยาน เช้าวันรุ่งขึ้นขณะออกไปเที่ยวภิกขาจาร เขาได้เดินผ่านหน้าประตูบ้านของเสนาบดี เสนาบดีเห็นเข้าเกิดความเลื่อมใสในกิริยาของดาบส จึงนิมนต์ให้นั่งในเรือน เมื่อได้สนทนากันและทราบประวัติการสละสมบัติออกบวชก็ยิ่งเลื่อมใส ขอร้องให้ดาบสพักอยู่ต่อไปในอุทยานของพระเจ้ากรุงพาราณสี พระนามว่ากลาปุ

วันหนึ่ง พระเจ้ากลาปุทรงเมาน้ำจันฑ์(เหล้า) ขณะเสด็จประพาสพระราชอุทยาน พร้อมด้วยนางสนมจำนวนมาก ทรงบรรทมหนุนตักของนางสนมที่ทรงโปรดปรานมากผู้หนึ่ง พวกนางสนมอื่น ๆ ก็ขับร้องฟ้อนรำถวาย จนพระราชาบรรทมหลับไป เมื่อพระราชาหลับแล้ว หญิงเหล่านั้นจึงพากันเดินเที่ยวในอุทยาน

ขณะนั้น ดาบสนั่งสง่างามด้วยความสุขอยู่ใต้ต้นสาละ ที่กำลังมีดอกบานสะพรั่ง เหล่านางสนมแลเห็นท่านก็เลื่อมใส พากันเข้าไปหาและขอให้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง ดาบสซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ จึงแสดงธรรมให้ฟัง

 



ฝ่ายนางสนมที่พระราชาบรรทมหนุนตักอยู่ เกิดความความเมื่อยล้าจึงพลิกตัว ทำให้พระราชาทรงตื่นจากบรรทม ครั้นทอดพระเนตรไม่เห็นเหล่านางสนมจึงตรัสถาม นางสนมคนโปรดกราบทูลว่า หญิงเหล่านั้นนั่งแวดล้อมดาบสอยู่ ได้ยินดังนั้น พระราชาก็ทรงพิโรธมากผุดลุกขึ้นถือพระขันธ์ เสด็จไปโดยเร็ว ตรัสว่าเราจะตัดศีรษะชฎิลโกงนั่นเสีย

ครั้นเหล่านางสนมเห็นพระราชาเสด็จมาด้วยพระอาการเช่นนั้นก็ตกใจ คนที่สนิทสนมมากก็วิ่งเข้าไปแย่งพระขรรค์จากพระหัตถ์ และทูลขอให้พระองค์สงบระงับอารมณ์

พระราชาตรัสว่า "เฮ้ย สมณะแกสรรเสริญธรรมเรื่องอะไร"
"มหาบพิตร อาตมาภาพสรรเสริญขันติธรรม" ดาบสทูลตอบ
"ขันติธรรมเป็นอย่างไร" พระเจ้ากลาปุทรงซัก
"ขันติธรรมคือความไม่โกรธ เมื่อเขาด่า เขาว่า หรือเขาประหาร"
"เราอยากรู้ว่าแกมีขันติธรรมหรือเปล่า" ตรัสแล้วรับสั่งให้เรียกเพชฌฆาตมา

พระราชารับสั่งให้เพชรฌฆาต จับดาบสให้คว่ำลงแล้วเฆี่ยนด้วยหวายมีหนาม 2,000 ครั้ง ที่แขนขา ข้างละ 500 ครั้ง ผิวหนังและเนื้อของดาบสโพธิสัตว์แตกขาดไป เลือดแดงฉานไปทั่วกาย พระราชาตรัสถามว่า แกสรรเสริญธรรมอะไร

"อาตมาภาพสรรเสริญขันติธรรม" ดาบสตอบ "พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่า ขันติอยู่ที่ผิวหนังเช่นนั้นหรือ หามิได้ มันอยู่ในใจของอาตมาภาพต่างหาก"

หลังจากนั้น พระราชารับสั่งให้ตัดมือและเท้าของดาบส แล้วตรัสถามอีกว่าแกสรรเสริญธรรมอะไร ดาบสยืนยันว่าสรรเสริญขันติธรรม แต่ขันติไม่ได้อยู่ที่มือและเท้า พระราชาให้ตัดหูและจมูก ดาบสก็ว่าขันติธรรมไม่ได้อยู่ที่นั่น

พระเจ้ากลาปุ จึงตรัสว่า "เฮ้ยปฎิลโกง แกสรรเสริญขันติของแกไปเถิด" แล้วเอาพระบาทกระทืบยอดอกของพระโพธิสัตว์แล้วเสด็จไป

เมื่อพระราชาเสด็จไปแล้ว เสนาบดีผู้อุปัฏฐากได้เข้ามาเช็ดเลือดให้ ค่อย ๆ ประคองให้นั่งแล้วกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ ถ้าท่านจะขุ่นเคืองก็ขอให้ขุ่นเคืองพระราชาองค์เดียวเถิด อย่าได้ขุ่นเคืองผู้อื่นเลย"

พระโพธิสัตว์ กล่าวว่า "พระราชาใดให้ตัดมือ เท้า หู และจมูกของเรา ขอพระราชานั้น จงมีพระชนมายุยืน คนเช่นเราย่อมไม่โกรธ"

ฝ่ายพระราชา พอเสด็จไปลับจากสายตาของดาบสเท่านั้น แผ่นดินใหญ่ก็แยกออกเหมือนผ้าขาดออกจากกัน เปลวไฟพุ่งจากอเวจีมหานรก หอบเอาพระราชาให้ไปเสวยผลแห่งกรรมในอเวจีมหานรกนั้น

ส่วนพระดาบสโพธิสัตว์ ไม่อาจทนต่อพิษบาดแผลได้ จึงถึงมรณภาพในวันนั้นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook