การผูกดวงชะตาคืออะไร?
เราจะมาเริ่มเข้าโหราศาสตร์ด้วยเรื่องการ "ผูกดวงชะตา" หรือที่เราคุ้นหูกับคำว่า "ผูกดวง" หลายคนส่งสัยว่าแท้จริงแล้วคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร? Sanook! Horoscope มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
ดวงชะตา (horoscope หรือ chart) หมายถึงผังแสดงตำแหน่งดาวเคราะห์บนท้องฟ้าขณะใดขณะหนึ่ง ถ้าเป็นขณะบุคคลเกิดเราจะเรียกว่า ดวงชะตากำเนิด (natal chart) ถ้าเป็นขณะเกิดเหตุการณ์สำคัญก็เรียกว่า ดวงชะตาเหตุการณ์ (event chart) ปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังโหราศาสตร์คือ มีความเชื่อว่าตำแหน่งดวงดาวต่าง ๆ ที่เราสังเกตเห็นบนโลก สามารถสะท้อนความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกได้ เนื่องจากสรรพสิ่งในโลกล้วนดำเนินไปด้วยกฎเกณฑ์เดียวกัน การเปลี่ยนแปลงในส่วนหนึ่ง ย่อมสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอีกส่วนหนึ่งได้ โหราศาสตร์จึงสามารถอธิบายสิ่งต่าง ๆ ในโลกได้ ด้วยคำที่กล่าวมาแต่โบราณว่า "เบื้องบนเป็นอย่างไร เบื้องล่างย่อมเป็นอย่างนั้น" (As above, so below.) นักจิตวิทยาสมัยใหม่มักจะอธิบายความสอดคล้องของธรรมชาตินี้ด้วยคำว่า ซิงโครนิซิตี (synchronicity)
การผูกดวงชะตาก็คือการคำนวณตำแหน่งดวงดาวขณะที่สนใจ สมัยก่อนวิชาโหราศาสตร์มีการศึกษากันอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากการคำนวณตำแหน่งดวงดาวนี้ต้องใช้ความรู้ความสามารถและความพยายามสูง การศึกษาโหราศาตร์เมื่อก่อนจะต้องศึกษาโหราศาสตร์ภาคคำนวณด้วย แล้วต่อด้วยภาคพยากรณ์ ต่อมามีการทำ ปฏิทินดาว (ephemeris) ทำให้ไม่ต้องคำนวณเอง ลดภาระไปได้อีกระดับหนึ่ง แต่ก็นับว่ายุ่งยากอยู่ในการผูกดวง ปัจจุบันเราโชคดีที่มีเครื่องคำนวณช่วย ภาระในการผูกดวงเรามีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยแบกไว้ การศึกษาโหราศาสตร์ภาคคำนวณหรือการผูกดวงด้วยปฏิทินดาวจึงไม่มีความจำเป็น แต่เราจะต้องรู้จักและเรียนรู้การใช้งานโปรแกรมโหราศาสตร์ นั่นคือสิ่งที่ผมจะพูดถึง ก่อนที่จะไปสู่การพยากรณ์
สัญลักษณ์ที่ใช้ในโหราศาสตร์
ก่อนอื่นใดทั้งหมด ผมขอให้การบ้าน ให้ทุกคนศึกษาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโหราศาสตร์สากล ดังที่แสดงในรูปที่ 1 ท่องจำให้ได้ทุกสัญลักษณ์ เป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะถ้าจำไม่ได้ก็จะดูไม่รู้เรื่อง ให้พยายามเขียนด้วยมือ จะจำได้ดี อย่างน้อยให้จำสัญลักษณ์ของดาวเคราะห์และของราศีให้ได้ ดาวมฤตยูกับดาวพลูโตเขียนได้ 2 แบบ สัญลักษณ์ของดาวเคราะห์ประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน 3 อย่างคือ 1) วงกลม หมายถึง วิญญาณ หรือแหล่งของพลังชีวิตที่ไม่สิ้นสุด 2) กากบาท หมายถึง สสารและสิ่งไม่มีชีวิต 3) ส่วนโค้งหรือครึ่งวงกลม หมายถึง จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก
ข้อมูลที่ใช้ในการผูกดวง
ในการผูกดวงเพื่อพยากรณ์ดวงชะตาด้วยโหราศาสตร์สากลจะต้องใช้ข้อมูลจำเป็นดังนี้
1. วัน เดือน ปี ที่เกิด - เป็นข้อมูลปกติที่คนส่วนใหญ่รู้กัน
2. เวลาเกิด หรือเวลาตกฝาก - สำหรับคนที่เกิดในโรงพยาบาลตั้งแต่ประมาณพ.ศ. 2505 มามักจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีการบันทึกเป็นระบบ สำหรับคนที่ไม่รู้เวลาแน่นอนรู้เวลาประมาณก็ยังพอใช้ได้ แล้วมาปรับปัจจัยเดินเร็วอย่างลัคนา ผู้ที่ไม่รู้เลยแบบมืดตึ๊บ ให้ใช้ที่ 12.00 น. แล้วไม่ต้องสนใจปัจจัยเดินเร็วอย่างลัคนา ส่วนจันทร์อาจต้องทดลองปรับเอา เรื่องการปรับแก้เวลาเกิดอย่างง่ายนี้ผมจะเขียนเป็นเรื่องต่างหาก
3. สถานที่เกิด - มีผลต่อการคำนวณลัคนา ถ้าเกิดในประเทศไทยใช้ความละเอียดระดับจังหวัดก็พอ เว้นแต่คนที่เกิดในอำเภอที่ไกลจากตัวจังหวัดมาก ๆ ก็ให้ใช้จังหวัดใกล้เคียง หรือบางโปรแกรมสามารถระบุได้ถึงระดับอำเภอ ส่วนผู้ที่เกิดในต่างประเทศจะต้องมีข้อมูลพิกัดละติจูด ลองจิจูดของสถานที่ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเวลา ได้แก่ อยู่ในเขตเวลาใด เป็นช่วงทดเวลาประหยัดแสงแดดหรือไม่
องค์ประกอบของดวงชะตา
เมื่อเรานำข้อมูลข้างต้นไปคำนวณหาตำแหน่งดวงดาวต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า "ผูกดวง" เราจะได้ดวงชะตาบุคคลออกมา ในทางสากลจะใช้แผนภาพรูปวงกลมในการแสดง วงกลมนี้จะแทนเส้นทางการโคจรของปัจจัยต่าง ๆ หรือแถบจักรราศี แล้วจะแทนปัจจัยด้วยสัญลักษณ์วางลงตามตำแหน่งที่คำนวณได้ ทำให้เรารู้ว่าแต่ละปัจจัยกำลังโคจรอยู่ ณ ตำแหน่งใด โดยทั่วไปจะรายการปัจจัยแสดงตำแหน่งโดยละเอียดบอกไว้ด้วย ตำแหน่งปัจจัยนี้ศัพท์โหรเรียกว่า "สัมผุส" นอกจากตำแหน่งบนจักรราศีแล้ว ดวงชะตายังบอกเรือนชะตาด้วย
โดยมีเส้นแบ่งเป็น 12 ส่วนซ้อนลงไปอีกชั้น โดยทั่วไปจะนิยมแสดงลัคนาหรือเส้นแบ่งเรือนที่ 1 ไว้ด้านซ้าย ทำให้มิดเฮเวนอยู่ด้านบน เป็นการแสดงเลียนแบบธรรมชาติ คือ แกนซ้ายขวาเป็นจุดตัดของเส้นสุริยวิถีกับเส้นขอบฟ้าทางตะวันออกและตก ด้านบนสุดเป็นจุดอาทิตย์เที่ยงวัน และด้านล่างสุดเป็นจุดตรงข้ามมิดเฮเวน ลัคนากับมิดเฮเวนบางครั้งก็ไม่ตั้งฉากกัน บางโปรแกรมไม่ได้แสดงจุดลัคนากับมิดเฮเวนแต่แสดงเป็นเส้นแกนกากบาท สรุปองค์ประกอบอย่างน้อยที่สุดที่ดวงชะตาจะต้องมี คือ บอกตำแหน่งจักรราศี บอกตำแหน่งปัจจัยต่าง ๆ และบอกตำแหน่งเรือนชะตา ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่เราจะต้องใช้ในการพยากรณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก www.astrosimple.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com