เปิดประวัติหลวงปู่พุทธะอิสระ
ประวัติหลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม (ฉายาปัจจุบัน) ท่านเป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด แต่บรรพบุรุษตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดนครปฐม โยมพ่อชื่อนายชมภู โยมแม่ชื่อนางอัมพร นามสกุล ทองประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2499 แต่ได้ไปแจ้งเกิดช้า ดังนั้นในใบสุทธิพระจึงระบุว่าเกิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2502
การศึกษาเล่าเรียนทางธรรมนั้นจบนักธรรมเอก ท่านเริ่มบวชเรียนครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี โดยบวชที่วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยมี พระครูธีราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดคลองเตยใน เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชได้เพียงพรรษาเดียวก็สึกออกไปเป็นทหาร 2 ปี
หลังเสร็จภารกิจทางทหาร ก็กลับมาบวชใหม่ที่วัดเดิม คือ วัดคลองเตยใน เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2526 โดยมี พระครูธีราภินันท์ เจ้าอาวาสวัดคลองเตยใน เป็นพระอุปัชฌาย์ เช่นเดิม และ พระครูวรกิจวิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดภาษี เขตคลองเตย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรสมพงษ์ วัดคลองเตยใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ธมฺมธีโร แปลว่า ปราชญ์ทางธรรม"
ช่วงที่อยู่วัดคลองเตยใน มีผู้คนมากมายมาฟังท่านแสดงธรรม จนมีครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสแสดงธรรมที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี การแสดงธรรมครั้งนั้นจับใจผู้ฟัง ซึ่งไม่คิดว่าพระหนุ่มพรรษาไม่มากจะแสดงธรรมได้ดีถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นพระอาวุโสมากกว่า จึงเรียกท่านว่า "หลวงปู่" แล้วก็เรียกกันต่อๆ มา
แม้มีคนเคยมาถามหลวงปู่ว่า ทำไมหลวงปู่จึงยังดูหนุ่ม แต่คนเรียกหลวงปู่ ท่านมักตอบตามสุภาษิตโบราณว่า "คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวยรวยศีลทานใช่บ้านโต"
ท่านอยู่วัดคลองเตยในได้ประมาณ 6 ปี ก็มาสร้างวัดอ้อน้อย ที่ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ในปี 2532 โดย อุบาสิกาทองห่อ วิสุทธิผล เป็นผู้บริจาคที่ดินผืนนี้ให้ สร้างวัดเสร็จเป็นรูปเป็นร่างภายใน 3 ปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ยกฐานะขึ้นเป็นวัด ชื่อว่า "วัดอ้อน้อย" (เดิมได้ทำเรื่องขอใช้ชื่อวัดว่า "วัดธรรมอิสระ" แต่ก็มีเหตุขัดข้องบางประการ) เมื่อสร้างวัดเรียบร้อยท่านก็ให้พระลูกศิษย์ดูแลวัด ส่วนท่านก็ออกธุดงค์เพื่อฝึกฝนปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเป็นเวลากว่า 5 ปี
หลวงปู่พุทธะอิสระกลับมาปกครองดูแลวัดอ้อน้อยอีกครั้ง เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2538 ท่านได้ทำนุบำรุงวัดจนเจริญเรื่อยมาและเมื่อพระอุโบสถสร้างเสร็จเรียบร้อย จึงได้จัดพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2542 โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย ในพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตของพระอุโบสถ
กิจการการงานที่ผ่านมาของหลวงปู่พุทธะอิสระ
ตั้งแต่บวชอยู่ที่วัด คลองเตยใน ท่านก็แสดงธรรมให้ญาติโยมที่มาทำบุญได้ฟังธรรมจนเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้คน รวมทั้งได้จัดอุปสมบทพระเณรภาคฤดูร้อนขึ้นด้วย เมื่อมาเป็นเจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย และเจ้าคณะตำบลห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ท่านได้ริเริ่มจัดทำโครงการต่างๆ มากมาย และบางงานก็ยังสืบเนื่องจนถึงปัจจุบันดังนี้
1. การแสดงธรรม ท่านได้ไปแสดงธรรมโปรดญาติโยมและพุทธศาสนิกชน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สถานศึกษา โรงพยาบาล วัด มากกว่า 100 แห่ง รวมทั้งการแสดงธรรมทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนเป็นประจำที่วัดอ้อน้อย
2. โครงการเผยแผ่ธรรม ด้วยหนังสือธรรมะและเทปเสียง ซึ่งประกอบด้วยหนังสือธรรมะประมาณ 40 เรื่อง และเทปเสียงประมาณมากกว่า 500 กว่าเรื่องแล้ว
3. โครงการเผยแผ่ธรรม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดทำเวปไซต์ วัดอ้อน้อย www.onoi.org เพื่อนำเสนอธรรมะและกิจกรรมทางพุทธศาสนาของวัดอ้อน้อย
4. โครงการเผยแผ่ธรรม ทางหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา รายเดือน เพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ และเพื่อเผยแพร่ผลงานของพระสงฆ์ดีๆ ที่ยังมีอีกมากมายในสังคม โดยส่วนหนึ่งได้จัดส่งให้กับวัด สถานศึกษา ห้องสมุด ทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
5. โครงการอบรมพระวิปัสสนาจารย์ โดยท่านได้รับเลือกให้เป็นเลขานุการของศูนย์พระวิปัสสนาจารย์ จังหวัดนครปฐม ทำหน้าที่ดำเนินการจัดฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ของจังหวัดนครปฐม ซึ่งท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและกำลังทรัพย์ให้กับงานนี้ เพราะเป็นงานที่ท่านรักมากที่สุดในชีวิต (ปัจจุบันท่านได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวนี้แล้ว)
6. โครงการศากยบุตรกู้วิกฤต เนื่องจากท่านเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจของบ้านเมืองทำให้ผู้คนหมดหวัง หมดที่พึ่ง ดังนั้นท่านจึงเปิดรับคนเข้ามาบวชในโครงการศากยบุตรกู้วิกฤต และอบรมให้มีความรู้มีวิชาชีพ จากนั้นจึงส่งไปเผยแผ่ธรรมและให้ความรู้แก่ประชาชนในชนบท
7. โครงการบรรพฃาและอุปสมบทพระภิกษุ สามเณร ภาคฤดูร้อน ซึ่งท่านเคยทำมาตั้งแต่อยู่วัดคลองเตยใน ท่านก็สานต่อโครงการนี้เรื่อยมา โดยผู้เข้าร่วมโครงการไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
8. โครงการธรรมศึกษาในโรงเรียน ได้ดำเนินการร่วมกับศึกษาธิการอำเภอกำแพงแสน โดยจัดส่งพระภิกษุไปสอนตามโรงเรียนต่างๆ สนับสนุนการสอบธรรมศึกษาสนามหลวง และจัดตั้งกองทุนค่าพาหนะแก่พระสงฆ์ที่ไปสอน
9. โครงการค่ายจริยธรรม ท่านได้ให้พระเณรในวัดอ้อน้อย จัดค่ายอบรมจริยธรรมคุณธรรม ให้กับนักเรียนนักศึกษา ในช่วงปิดเทอม มีผู้มาเข้าค่ายปีละ 3,000 กว่าคน
10. โครงการมอบทุนการศึกษา ท่านได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนในโครงการธรรมศึกษา นักเรียนที่ยากไร้ รวมทั้งพระนักศึกษาในสถาบันการศึกษาของสงฆ์ เป็นประจำทุกปี
11. โครงการกลุ่มออมทรัพย์วัดอ้อน้อย เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนได้เรียนรู้อาชีพ มีทุนประกอบอาชีพพึ่งตนเองได้ในท้องถิ่น
12. โครงการแจกมหาทานแก่ครอบครัวผู้ยากไร้ โดยจัดมอบข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค และเงินจำนวนหนึ่ง เนื่องในโอกาสต่างๆ เช่น วันสำคัญทางศาสนา หรือเมื่อประชาชนประสบปัญหา เช่น อุทกภัย
13. กองทุนดูแลพระสงฆ์อาพาธจังหวัดนครปฐม โดยบริจาคเงินกองทุนเริ่มแรก 500,000 บาท
14. โครงการอนุรักษ์อุทยานธรรมชาติและศาสนา จัดให้มีการปลูกป่าในวันสำคัญต่างๆ ณ สถานที่ปฏิบัติธรรมหลายแห่ง
15. โครงการศูนย์การเรียนรู้ชุมชนธรรมอิสระ ด้วยเล็งเห็นว่ายังมีเด็กที่เรียนดีแต่ขาดโอกาสอีกมากมายท่านจึงได้ตั้ง ศูนย์การเรียนชุมชนธรรมอิสระขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กยากจนได้รับการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ทุกคนพึ่งตนเองได้ และเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้
16. โครงการสถานบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพด้วยธรรมชาติ และศูนย์พัฒนาจิตวิญญาณเชิงท่องเที่ยว เพื่อให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย โดยใช้วิธีธรรมชาติบำบัด และเป็นสถานที่พักผ่อน เรียนรู้ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และเรียนรู้การฝึกจิตวิญญาณของต้นด้วยการปฏิบัติธรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาสถานที่ ที่อำเภอทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี
จนมาถึงในปัจจุบันเราคงได้เห็นหลวงปู่ได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยหลวงปู่นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในแกนนำที่ไปปรากฏตัวบนเวทีการชุมนุมของ กปปส. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และชักชวนให้พระสงฆ์ทั่วประเทศออกมาช่วยชาติเรื่องนี้ เรื่องราวจะจบลงอย่างไรคงต้องรอติดตามกันต่อไป...
ขอบคุณข้อมูลแและภาพประกอบจาก www.kanlayanatam.com, http://board.palungjit.org/, www.facebook.com/buddha.isara, http://www.onoi.org/