ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล

ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล

ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ได้ผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับชาวสนุก!ดูดวง คนไหนที่ชอบการทำบุญไหว้พระ ขอพรเสริมดวง แต่การขอพรนั้นย่อมมีองค์ประกอบที่หลากหลาย โดยการเริ่มต้นบูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะให้ได้ผลนั้น ต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ ผ่องใส และมีสมาธิตั้งจิตให้แน่วแน่และทำร่างกายให้บริสุทธิ์โดยการชำระร่างกายให้สะอาด มีความเชื่ออย่างแรงกล้าต่อสิ่งที่ขอไว้ จึงจะได้ผลตามที่ปรารถนาไว้ ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้

ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ผลขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ผล

1. การตั้งจิตให้มีสมาธิ มีพลังแข็งแกร่งตั้งมั่นด้วยแรงศรัทธาอธิษฐานอย่างแรงกล้าในสิ่งที่ปรารถนาไว้ จะส่งผลให้มีพลังมหาศาลทำให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง เนื่องจากจิตใจที่ตั้งมั่นจะเป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพลังขั้นแรกในการส่งไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พลังจิตเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละบุคคล จะมีมากหรือน้อยจะส่งผลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ขอไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด และฐานกำลังจิตที่มาจากกรรมดี ที่เคยทำมาในอดีตชาติ หรือมีกรรมร่วมกันมากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นหรือไม่ การทำสมาธิที่เป็นการตั้งจิตให้แน่วแน่และมีความปลอดภัยที่สุดคือการทำสมาธิแบบ "อานาปานสติ" โดยการกำหนดลมหายใจเข้าออก โดยการภาวนาตามลมหายใจ เมื่อจิตนิ่งไม่วอกแวกคิดเรื่องอื่น จิตก็มีความบริสุทธิ์

2. การทำร่างกายให้บริสุทธิ์ ผู้บูชาต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้อยู่ในทาน ศีลและภาวนา นึกถึงบุญคุณความดีที่ได้กระทำมา ถึงจะเริ่มจะบูชาหรือสวดคาถาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากไม่มีบุญของตัวเองเป็นที่ตั้ง บุญจากที่อื่นก็ไม่สามารถช่วยได้ ควรต้องรักษาศีลอย่างน้อยสุดคือศีล 5 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเรื่องของกรรมวาจา ซึ่งหมายถึง ต้องเป็นคนที่พูดจาเป็นมงคล เพราะการพูดมงคลนั้นเป็นการนำสิ่งที่ดีเข้าใส่ตัว แต่การพูดไม่ดีนั้นจะขัดแย้งกับมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมา

การเบียดเบียนผู้อื่นเป็นสิ่งที่ต้องไม่ทำอย่างเด็ดขาด เพราะกรรมนั้นจะขัดแย้งกันกับสิ่งที่เราปรารถนาจะได้มา การขอพรต้องขออย่างมีสติ ต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเรา มีศีลอะไรบ้าง มีความดีอะไรบ้าง เมื่อปฏิบัติดีอยู่ในศีลด้วยความดี ตั้งใจมั่นศรัทธา ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นกับเรา

3. เหตุจากกรรมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ สิ่งที่จะต้องทำก่อนคือ ต้องสร้างกรรมดีขึ้นมาใหม่ ต้องทำให้สม่ำเสมอมากพอและนานพอ เป็นบุญใหม่เพื่อนำไปชดเชยหรือลดกรรมเก่าเพราะถ้าหากมีกรรมเก่ามากและเป็นวิบากกรรมหนักนั้นจะส่งผลต่อชีวิตในปัจจุบัน ทำให้การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งมงคล ส่งผลกับแรงอธิษฐานได้น้อยมาก

จึงจะต้องขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเสียก่อน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรนั้นยกโทษให้ และมาอนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ไปให้เจ้ากรรมนายเวรก่อน เพื่อคลายวิบากกรรมไม่ดีออกไป เมื่อรู้จักการบูชาอนุโมทนาน้อมนำพระคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว พลังอำนาจเหล่านั้นก็จะหลั่งไหลรวมกันเข้าหาตัว ทำให้เกิดโชคลาภโดยเร็ว

4. การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกต้อง การที่จะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะช่วยดลบันดาลให้มีอานุภาพสูงสุดนั้น จะต้องรู้จักวิธีการบูชาที่ถูกต้องเสียก่อน เพราะดวงจิตวิญญาณที่สถิตย์หรือรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น มีเจตจำนงในความต้องการแตกต่างกัน แล้วแต่พลังจิตวิญญาณนั้นๆ ว่าท่านอยู่ในระดับชั้นใด แต่ที่เหมือนกันก็คือท่านทรงไว้ด้วยคุณความดีและมีพลังบุญ บางองค์นั้นท่านเป็นพระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พรหมเทพเทวา หรือ เทพเจ้าต่างๆ วิญญาณบรรพบุรุษ หรือผู้ที่เคยมีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดิน

ก่อนการบูชาต้องจัดวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตำแหน่งที่เหมาะสม อยู่ในทิศทางที่เป็นมงคลถูกต้อง การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางครั้ง การถือศีล หรือเจริญภาวนา ทำสมาธิ ก็เพียงพอในการส่งบุญบารมี แต่ในบางครั้ง อาจจะต้องมีเครื่องเซ่นไหว้บูชาประกอบด้วย

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเครื่องเซ่นไหว้ใด ก็จะต้องเป็นสิ่งของที่บริสุทธิ์ ซื้อมาจากเงินที่บริสุทธิ์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ด้วยจิตใจที่พากเพียรน้อมนำในการจัดหา ในเวลาที่กำลังขอพรอยู่นั้นจะต้องรวมจิตให้แน่วแน่กับสิ่งที่ขอพรเพื่อให้มีพลังเชื่อมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้รับรู้ในสิ่งที่ปรารถนาซึ่งจะส่งผลให้ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น

5. อำนาจบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละท่านแต่ละองค์มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านต่างๆ กัน จึงไม่สามารถช่วยบันดาลสิ่งที่ขอพรได้ในทุกด้าน จึงควรระลึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีกำลังสูงเป็นพิเศษในด้านที่ขอ แต่สิ่งที่มีพลังอานุภาพสูงสุดในภูมิโลกนี้ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใด เกินคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

จึงควรตั้งนะโมฯ ขอกำลังคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ให้เป็นองค์ประธานในการอธิษฐานจิตขอพรใดๆ แล้วจึงต่อด้วยการขอบารมีพระสยามเทวาธิราช เทพพรหมเทวดาครูบาอาจารย์ทั้งหมดทั่วสากลโลกที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกให้ระลึกถึงอานุภาพพระคุณของท่านทั้งหลาย

6. สิ่งที่ขอ การที่จะขอพรให้ศักดิ์สิทธิ์นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่ดีไม่เบียดเบียนหรือเป็นเรื่องที่เอาเปรียบใคร กุศลกรรมดีที่ทำไว้จะหนุนนำให้เกิดผลโดยเร็ววัน หากขอในช่วงเวลาที่เหมาะสมและดวงขึ้นก็จะส่งผลให้พรประสบผลสำเร็จได้ง่ายและเร็วขึ้น หากขอพรในสิ่งใดต้องขยันทำกรรมดีในเรื่องนั้นๆ ด้วย และการอธิษฐานในด้านกิจธุระต่างๆ ถ้าทำในจังหวะเวลาที่คนหมู่มากร่วมด้วย ก็จะยิ่งบังเกิดผลสำเร็จได้ง่าย

7. อธิษฐานเผื่อแผ่ แรงอธิษฐานที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่มุ่งเน้นประโยชน์ความต้องการของตนเองเพียงอย่างเดียว เมื่อได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้วควรจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นไปด้วยเพื่อให้คนที่เรารักและมีความปรารถนาดีมีความสุขไปพร้อมๆ กัน เรียกว่าเป็นพรหมวิหารธรรม คือ เมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขเหมือนกับที่ตนได้รับการอธิษฐานเพื่อหวังผลประโยชน์สุขของผู้อื่นด้วยจะยังก่อให้เกิดความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริงด้วย

ดังนั้นผู้หวังผลเลิศจากการอธิษฐาน จึงควรชำระจิตใจตนเองให้บริสุทธิ์ ดังนี้

ทานบารมี : ก่อนอธิษฐานจิตควรให้ทานแบบไม่หวังผลตอบแทน
ศีลบารมี : ก่อนอธิษฐานจิต สำหรับฆราวาสควรสมาทานศีล 8 แบบ 3 ชั้นคือจะไม่ทำลายศีล 8 ด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้ผู้อื่นทำลายศีล และไม่ยินดีที่ผู้อื่นได้ทำลายศีลของเขาแล้ว
เนกขัมมะบารมี เมตตาบารมี : ก่อนอธิษฐานจิตควรขจัดนิวรณ์ 5 ประการออกจากใจ โดยการสวดมนต์ แผ่เมตตาไม่มีประมาณ เพื่อให้เป็นจิตของผู้ถือบวชที่เรียกว่าเนกขัมมะ
ปัญญาบารมี : ก่อนอธิษฐานจิตควรพิจารณาปลดสังโยชน์ให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อ เพื่อให้จิตบริสุทธิ์เทียบเคียงพระโสดาบันคือ

- คิดว่าวันนี้เราอาจจะต้องตาย ตายเมื่อไรก็ช่างมัน เราขอไปนิพพานจุดเดียว (ตัดสักกายทิฏฐิ)
- คิดว่าวันนี้ ก่อนที่จะตาย เราขอเคารพจริงใจในคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ไม่ยอมปล่อย (ตัดวิจิกิจฉา)
- คิดว่าวันนี้ ก่อนที่จะตาย เราจะยอมตัวตายดีกว่าศีลขาด (ตัดสีลัพพตปรามาส)

วิริยะบารมี : ให้ตั้งใจว่าเราจะเพียรคิดดี พูดดี ทำดี ทรงอารมณ์พระโสดาบันให้ได้เต็มความสามารถที่เรามี
ขันติบารมี : ให้ตั้งใจว่า อะไรที่จะมาขวางให้เราทรงอารมณ์พระโสดาบันไม่ได้ เราจับไล่อารมณ์นั้นออกไปอย่างเต็มความสามารถที่เรามี
สัจจะบารมี : ให้ตั้งใจว่า เราจะไม่ยอมให้จิตละไปจากอารมณ์พระโสดาบันเด็ดขาด
อธิษฐานบารมี อุเบกขาบารมี : ให้ตั้งใจว่า ถ้าเราตายเมื่อไรก็ขอไปพระนิพพาน


ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook