6 สถานที่ขึ้นชื่อ ที่คนนิยมไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ถ้าจะพูดถึงเรื่องของการ “บนบานศาลกล่าว” คงเป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย เพราะการบนบานศาลกล่าวนับเป็นตัวช่วยสุดท้าย ที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณกันมา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของด้านการเรียน ความรัก การงาน สุขภาพ สิ่งไหนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะมาขอพรอธิฐานให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลพรนั้นให้เกิดกับเรา

คราวนี้เลยได้นำเสนอเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนไปสักการะบูชาตามความเชื่อด้านต่างๆมาฝากกัน ...

 พระพรหมเอราวัณ

ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/

1.พระพรหมเอราวัณ

ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ พระพรหมเป็นผู้สร้างในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น โลก สวรรค์ และมนุษย์ พระพรหมเป็น 1 ใน 3 ของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับมนุษย์ โดยมีความเชื่อที่ว่าพระพรหมเป็นมหาเทพที่ยิ่งใหญ่จะคอยรับฟังคำอธิฐานของผู้ศรัทธาอยู่เบื้องบน

ถ้าผู้ไหนทำดีพระพรหมก็บันดาลพรให้สมความปรารถนา และวันที่ 9 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันเกิดพระพรหมเอราวัณ ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงที่หน้าโรงแรมเอราวัณ และในวันนั้นจะมีผู้ศรัทธาทั้งไทยและเทศมาร่วมพิธีกันอย่างหนาตา

บนบานศาลกล่าว : เรื่องของการเรียน การงาน ค้าขาย พระพรหมเอราวัณยังเลื่องชื่อในด้านของธุรกิจขนาดชาวฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ยังบินมาไหว้สักการะบูชากันเลยทีเดียว

สิ่งสักการะ : ธูป 12 ดอก, เทียน 1 เล่ม, พวงมาลัยดาวเรือง 4 พวง จะไหว้ทั้ง 4 ด้านเนื่องจากพระพรหมมี 4 หน้า

แก้บน : ละครรำ ใช้นางรำ 4 หรือ 8 คน หรือจะเป็นช้างไม้ เพราะมีความเชื่อว่าช้างเอราวัณเป็นช้างของท่านท้าวมหาพรหม

สถานที่ตั้ง : หน้า รร.แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ ปทุมวัน กทม. ตั้งแต่เวลา 06.00 - 22.30 น.

 หลวงพ่อโสธร

ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/

2.หลวงพ่อโสธร

ประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวรารามวรวิหารเป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับเมืองแปดริ้วมาช้านาน มีชื่อเสียงในด้านการบนบานศาลกล่าวในเรื่องของการขอบุตร แต่ต้องระมัดระวังในการขอข้อนี้ให้ดีๆ ต้องขอให้บุตรอยู่ในโอวาท ตักเตือนและตีได้ ไม่เช่นนั้นเวลาเราไปตีลูกเรา ลูกจะเจ็บป่วยโดยไม่รู้สาเหตุตามความเชื่อของโบราณ

ส่วนเรื่องที่ใครๆมาขอแล้วกลับไม่ได้ตามที่ตั้งใจอธิฐานไว้ ก็คงจะเป็นเรื่อง ขออย่าให้ถูกเลือกเป็น ทหาร ด้วยเถิด! เป็นที่รู้กันดีของคนแปดริ้วถ้าใครมาขอพรนี้ทีไร มักจะเป็นตรงกันข้ามเสมอ ต้องจับได้ใบแดงทุกทีไป เพราะหลวงพ่อจะโกรธเอามากๆ หลวงพ่อชอบให้คนได้เป็นทหารได้ช่วยดูแลปกป้องบ้านเมือง

บนบานศาลกล่าว : การขอบุตร โชคลาภ โรคภัยไข้เจ็บ การเดินทาง

สิ่งสักการะ : ธูป 16 ดอก เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัย

แก้บน : ส่วนมากเค้าจะบนด้วยไข่ต้ม ผลไม้ ละครชาตรีหรือลิเก

สถานที่ตั้ง : อยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ถ.มรุพงษ์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จ.-ศ. 7.00-16.30น. / ส.-อา. 7.00-17.00น.

 พระบรมรูปทรงม้า

ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/

3.พระบรมรูปทรงม้า

เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งขึ้นเมื่อสมัยที่ท่านยังทรงอยู่ คนไทยส่วนใหญ่จะเรียกท่านว่า "เสด็จพ่อ ร.5" และคนทั่วไปมีความเชื่อว่าการขอพรที่นี่ เราห้ามเรียกว่าการบนบาน เราต้องเรียกว่าการขอพรจากท่าน ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราอธิฐานขอพรจะไม่บังเกิดผล

บนบานศาลกล่าว : การเรียน ด้านทหาร ตำรวจ มีโชคลาภในการประกอบอาชีพ

สิ่งสักการะ : จุดธูป 16 ดอก (ครั้งแรกจุดธูป 16 ดอก ครั้งต่อไป 9 ดอก) ดอกกุหลาบสีชมพู น้ำมะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า ทองหยิบ ทองหยอด บรั่นดี ซิการ์ ข้าวคลุกกะปิ คนส่วนใหญ่มักจะไปสักการะบูชาท่านทุกวันอังคารเพราะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ และทุกวันพฤหัสบดีถือว่าเป็นวันครู

แก้บน : ตามที่บนไว้ ส่วนใหญ่มักจะใช้กุหลาบสีชมพู

สถานที่ตั้ง : หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ข.ดุสิต จ.กทม. ตลอด 24 ชม.

 พระตรีมูรติ

ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/

4.พระตรีมูรติ

เทพเจ้าแห่งความรักที่ช่วยดลบรรดาลพรให้กับหนุ่มสาวที่มาวิงวอนขอพรความรักจากท่านให้สมหวังในความรัก ตรีมูรติ แปลว่า รูปสาม 

พระตรีมูรตินั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพสูงสุดที่รวมเทพทั้งสามองค์ไว้ในองค์เดียว คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระอิศวร ซึ่งมีพลังทั้งสามคือ สร้าง รักษาและทำลายโลก เป็นผู้ปรารถนาความสำเร็จสมหวังในทุกสิ่งทุกอย่าง

บนบานศาลกล่าว : ความรัก ความเมตา ชีวิต การงาน

สิ่งสักการะ : ธูปแดง 9 ดอก , เทียนแดง 1คู่ (ถ้าคนที่มีคู่ให้เทียบวางติดคู่กัน) ดอกกุหลาบแดง 9 ดอก ผลไม้สีแดง น้ำอ้อย และนมสด (ห้ามถวายอาหารคาวเด็ดขาด) เวลาที่ดีที่สุด คือ วันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00น. เชื่อกันว่าพระตรีมูรติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อรับคำวิงวอนขอพรจากเรา

แก้บน : น้ำเปล่า ผลไม้ กุหลาบแดง พวงมาลัยกุหลาบ ช้าง สุนัข และโค

สถานที่ตั้ง : หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ถนนราชประสงค์ จ.กทม. ตั้งแต่ 9.00-21.30 น.

 พระแม่มหาอุมาเทวี

ขอบคุณภาพจาก http://www.siamganesh.com/parvati.html

5.พระแม่มหาอุมาเทวี

เป็นเทพองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู ชื่อเต็มๆเรียกว่า “องค์พระแม่ศรีมหามารีอัมมัน” ทรงเป็นมารดาของพระพิฆเนศและเป็นชายาของพระศิวะ พระแม่อุมาเป็นเทพแห่งความเมตตากรุณาและงามสง่า

และในทุกปีจะมีพิธีบวงสรวงพระแม่อุมาเทวีครั้งยิ่งใหญ่ ขึ้นช่วง 1-9 ค่ำเดือน 11 ประมาณช่วงเดือนตุลาคม รวม 10 วัน 10 คืน พร้อมกันทั่วโลก จะเรียกพิธีนี้ว่า "นวราตรี" ในวันสุดท้ายของการจัดงานจะมีพิธีแห่องค์เทวรูปพระแม่อุมาเทวีและเทพองค์อื่นๆทั่วทั้งสีลมอีกด้วย

บนบานศาลกล่าว : สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ อำนาจ อาชีพการงาน

สิ่งสักการะ : พวงมาลัยดาวเรือง หรือดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ มะพร้าวอ่อน และกล้วยน้ำว้า เครื่องมังสวิรัติ

แก้บน : ตามที่บนไว้ และการทานมังสวิรัติ

สถานที่ : วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ถนนปั้น บางรัก จ.กทม. เวลา 06.00 - 20.00 น.

พระรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

 ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/

6.พระรูปกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

หรือที่รู้จักกันในนามของ “เสด็จเตี่ย” ในวันที่ 19 ธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงานบวงสรวงระลึกถึงกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้คนที่เคารพนับถือจะไปสักการะบูชาตามอนุสาวรีย์และศาลของเสด็จเตี่ย

บนบานศาลกล่าว : ส่วนใหญ่คนจะไปขอเรื่องการเรียน การเดินทางความปลอดภัย และความสุขสมหวังต่างๆ

สิ่งสักการะ : ธูป 9 ดอก /19 ดอก, เทียน 1 คู่ , ดอกกุหลาบสีแดงเท่ากับจำนวนธูปที่เราไหว้ หรือพวงมาลัยที่มีกลิ่น

วิธีแก้บน : ตามสิ่งตนเองบนไว้ หรือประทัด หมากพลู บุหรี่ เหล้าโรง 28 ดีกรี ถ้าเป็นอาหารก็จำพวก ทองหยอด กาแฟดำ ปลาช่อนแป๊ะซะ แต่ห้ามถวายพะแนงเนื้อเด็ดขาด เพราะ “เสด็จเตี่ยไม่โปรด”

สถานที่ตั้ง : หน้าวิทยาเขตพณิชยการพระนคร ถ.พิษณุโลก ข.ดุสิต จ.กทม.

ที่นำเรื่องนี้มาเล่า ไม่ได้อยากให้งมงายอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่จะสอบ ไม่ยอมอ่านหนังสือ วันๆเอาแต่วิ่งไปบนบานศาลกล่าว อย่างนี้เทพเจ้าองค์ไหนก็ช่วยไม่ได้หรอก สุดท้ายนี้คนเราต้องรู้จักพึ่งตัวเองก่อน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

หมั่นทำความดี ไม่ทำชั่วให้คนอื่นเดือดร้อน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่เราจะได้สิ่งที่เราปรารถนาไว้แล้ว อย่างที่เค้าว่ากันว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว” สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้เรามีกำลังใจและความเชื่อมั่นที่จะก้าวต่อ แต่ถ้าเราได้รับพรนั้นจริงๆก็ถือว่าเป็น โบนัสก้อนโต ของชีวิตแล้วกัน

บทความโดย ปุ๋มปิ๋ม-ณัฐวลัยพรรณ ไชยโชติ