มองหาสิ่งดีในชีวิต สิงโต นําโชค ทะนัดรัมย์

มองหาสิ่งดีในชีวิต สิงโต นําโชค ทะนัดรัมย์

มองหาสิ่งดีในชีวิต สิงโต นําโชค ทะนัดรัมย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพิ่งมีซิงเกิ้ลใหม่จากอัลบั้มเพลงชุดที่ 3 ให้ได้ฟังกัน กับเพลง ป.ล. คิดถึงที่ทำให้แฟนคลับได้คลายความคิดถึงเสียงเพลงเพราะ ๆ ของสิงโต นําโชค ทะนัดรัมย์ นักร้อง นักดนตรี ผู้ชัดเจนในเส้นทางความฝันมาตั้งแต่วัยเด็ก นอกจากทํางานเพลงแล้ว สิงโตยังสนุกกับการทํางานในวงการบันเทิงอีกหลายอย่าง ทั้งเป็นนักแสดง เป็นพิธีกร ล่าสุดเขามาเป็นโค้ชคนใหม่ของรายการประกวดแข่งขันร้องเพลงยอดนิยม เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ ซี่ซั่น 4 ซึ่งทําให้คนทั่วประเทศได้รู้จักเขามากขึ้น และถ้าคุณได้รู้จักตัวตนความคิดของผู้ชายอารมณ์ดีคนนี้จริง ๆ แล้วละก็ เชื่อแน่ว่าคุณจะชื่นชอบเขาเพิ่มขึ้น

ช่วงที่ผ่านมาในโซเชี่ยลมีเดียมีข่าวคราวของสิงโต ที่คนพูดถึงมากทีเดียว ทั้งกระแสของการเป็นโค้ชเดอะวอยซ์คนใหม่ และการให้สัมภาษณ์ BBC RADIO ที่อังกฤษ รู้สึกอย่างไรบ้างกับประเด็นข่าวที่ออกมา
จริง ๆ ข่าวมันก็มีเรื่อย ๆ ทุกอาทิตย์ เราต้องมีสติในการรับข่าวสาร เพราะเป็นข่าวตรง ๆ ถึงเรา ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เราต้องกรองดูว่าแก่นแท้ที่เขาอยากแนะนําเราคืออะไร และเอาตรงนั้นมาพัฒนาต่อในการงานของเรา ซึ่งคนเราต้องมีโดนตําหนิมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว พอตําหนิเราก็พัฒนา คําตําหนิที่เราโดนมาถึงทุกวันนี้ ทําให้เราโตขึ้น

ถ้าในแก่นเรื่องรายการเดอะวอยซ์มองว่าสิ่งที่คนดูอยากบอกคือเรื่องอะไร
เขาคงอยากให้เราดูสมูธขึ้น ธรรมชาติขึ้น ดูสนุกขึ้น เราก็มานั่งดูว่าเป็นเพราะอะไร แล้วค่อยพัฒนาต่อในแบบของเรา

ตอนที่ได้มานั่งเก้าอี้โค้ชของรายการเดอะวอยซ์ ช่วงแรก ๆ รู้สึกตื่นเต้นบ้างไหมคะ
จริง ๆ รู้ก่อนหน้าประมาณปีกว่า ทางทีมงานติดต่อมาเราก็ไปทําการบ้าน รู้ว่ามีการเปลี่ยนโค้ช ก็ตื่นเต้นที่จะได้ทําเพราะไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรมากกว่า แต่ถามว่ากดดันเรื่องที่ต้องไปเปรียบเทียบ ไปแทนที่พี่แสตมป์ไหม อันนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะคนเราไม่มีใครแทนกันได้ ไม่มีใครเป็นพี่แสตมป์ดีเท่าพี่แสตมป์ ถ้าคิดจะไปเป็นพี่แสตมป์ เราคิดผิด เหมือนติดกระดุมผิดเม็ด และมันจะผิดไปเรื่อย เราทําในแบบของเราอีกแบบหนึ่งแค่นั้นเอง

แล้วสำหรับคลิปที่ให้สัมภาษณ์กับ BBC ของคุณ ที่มีคนแชร์เยอะมากล่ะคะ คิดว่าเป็นเพราะอะไร

ผมว่าคงเป็นเพราะภาษาอังกฤษที่ผมพูดเป็นภาษาอังกฤษที่คนไทยฟังแล้วเข้าใจ ฝรั่งรู้เรื่อง เลยเกิดแรงบันดาลใจอะไรสักอย่าง ที่ทําให้คนไทยรู้สึกว่าภาษาอังกฤษพูดง่ายๆ ด้วยสําเนียงแบบนี้ก็ได้ คนเลยแชร์ต่อๆ กัน เพื่อเสริมสร้างกําลังใจในการฝึกภาษาอังกฤษ เพราะคนไทยกลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษ แต่จริง ๆ พูดในแบบเราก็ได้ และให้คิดว่าเป็นการสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษ

หลาย ๆ คนแซวว่าเพราะมีภรรยาเป็นฝรั่งเลยพูดได้คล่อง
(หัวเราะ) เป็นไปได้ เพราะเราได้พูดทุกวัน แต่ก่อนที่เราจะจีบฝรั่ง เราต้องพูดฝรั่งให้ได้ก่อนใช่ไหม ซึ่งผมก็เรียนเพิ่มเติมสมัยที่มีสตางค์เอง ทํางานแล้ว ไปเรียนพิเศษให้เพื่อนสอนบ้าง เล่นดนตรีแถวถนนข้าวสารได้เจอชาวต่างชาติ เราได้คุย ผมว่าการได้คุยสําคัญกว่า อย่างตอนเรียนภาษาไทยเราก็ไม่รู้ว่าคําเป็นมีกี่คํา คําตายมีกี่คํา จําไม่ได้เหมือนกัน แต่พูดภาษาไทยได้ คงเหมือนบางคนแกรมม่าเขาไม่ได้เป๊ะ ๆ แต่เขาก็พูดภาษาอังกฤษได้

สําหรับคุณเพราะอะไรถึงทําให้อยากพูดภาษาอังกฤษได้
เพราะเราเล่นดนตรีไทยสากล ที่เขาเรียกว่าสตริง มันมีแรงบันดาลใจมาจากเพลงตะวันตก ทีนี้เราต้องไปฟังเพลงฝรั่ง ต้องเล่นเพลงฝรั่งเยอะ ๆ ฝึกร้องเพลงฝรั่งพอฝึกร้องเพลงฝรั่งปุ๊บ ร้านที่เราไปเล่นมีฝรั่ง ต้องมีการสื่อสาร ผมว่าน่าจะเริ่มต้นจากเพลงมากกว่า

ตอนที่เริ่มต้นฝึกร้องเพลงฝรั่งพยายามร้องให้เป็นเหมือนสําเนียงที่เราฟังด้วยไหมคะ
ใช่เพลงไทยก็ด้วยนะ ตอนแรกที่เริ่มฝึก เราทําให้เหมือนต้นฉบับก่อน ก่อนจะไปนอกกรอบ ต้องรู้ก่อนว่าในกรอบมีอะไรบ้าง คือนอกกรอบได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าในกรอบมีอะไรเลย พอออกไปเลย หารู้ไม่ว่าในกรอบมีความรู้เยอะแยะมากมายให้เราเป็นวิชาชีพในการดําเนินชีวิต ผมจะไม่ใช่วิธีนั้น ผมจะอยู่ในกรอบก่อน ศึกษาก่อน เขาร้องแบบไหน ยังไง พอรู้แล้ว ค่อยออกนอกกรอบไปหาตัวตนของตัวเอง

ทราบว่าเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์อยู่บุรีรัมย์กี่ปีคะ
ย้ายไปย้ายมา อยู่บุรีรัมย์บ้าง ยโสธรบ้าง แม่อยู่ยโสธร พ่ออยู่บุรีรัมย์ ย้ายไปย้ายมาจนจบ ป.6 พ่อแม่เขาแย่งกันครับ เขาอยากเลี้ยงผม น่าอิจฉานะ ผมเลยย้ายที่เรียนเยอะหน่อย จริง ๆ มันก็ที่เดิมแหละ โรงเรียนเดิม อ้าว...เจอไอ้นี่ตอน ป.2 ย้ายไปยโสธรตอน ป.3 กลับมาบุรีรัมย์ตอน ป.4 เจอมันอีก แต่ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าย้ายโรงเรียนไปมาจะเป็นยังไงนะ จริง ๆ ผมว่าการย้ายที่อยู่ไปมาของผมมีข้อดีนะตอนเด็ก ๆ ครูบอกเด็กอพยพ โดนเพื่อนล้อ ไปอีสานคือยโสธร เพื่อนก็ล้อว่าไอ้เขมร ๆ พอกลับมาเขมรคือบุรีรัมย์ เขาก็ล้อไอ้ลาว ๆ เราอยากเถียงแทบตาย ตอนกูอยู่ลาวกูเถียงแทนมึงนะโว้ย เราเจอบ่อย ๆ เลยรู้สึกเป็นเรื่องปกติ จนเราเป็นคนแบบไม่ได้น้อยใจกับเรื่องอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ

การเป็นลูกชายคนโตของนักร้องลูกทุ่ง(ชายทุ่ง รุ่งโรจน์) ได้ซึมซับอะไรมาบ้าง
แนวเพลงของผมกับพ่อก็ไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสายเลือดไหม ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ได้ชอบร้องเพลงเลยตอนนั้นจําได้ พอพ่อร้องเพลงปุ๊บก็ให้เราร้องตาม เราก็ไม่เอา ไม่ใช่เด็กอยากร้องเพลง แต่แกบังคับ อายด้วยเดี๋ยวต้องขึ้นบนเวที แค่เพื่อนเอาไมโครโฟนคาราโอเกะยื่นให้เราก็หนีแล้ว เด็ก ๆ ผมกลัวการขึ้นเวที คนเยอะแยะมามองคิดว่าไม่กล้าทำ ทําไม่ได้

แล้วก้าวข้ามความกลัวตอนไหน
ตอนอายุ 13 รู้สึกอยากเป็นนักร้อง นักดนตรี เลยหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่น และฝึกเล่นดนตรีเอง ผมเล่าให้ฟังเสมอเวลาให้สัมภาษณ์ว่า แรงบันดาลใจหนึ่งของผมมาจากดูพี่โบ-สุนิตา ให้สัมภาษณ์ในรายการทไวไลท์โชว์ เขาบอกว่า เขาส่งเทปเพลงไปหลายค่ายเทปมากแต่ไม่มีใครรับ เขาเลยเดินไปที่ค่ายเอง เราดูแล้วอยากทําบ้าง มันดูมีความฝันยิ่งใหญ่เลยฝึกร้องเพลง และทําอะไรเหมือนเขา ไปซื้อตลับเทปมาเพื่อจดเบอร์โทร.ค่ายเพลงเอาไว้ข้างฝา รู้ว่าตัวเองยังไม่พร้อมหรอกตอนนั้น ต้องฝึกก่อน ถ้าพร้อมลองโทร.ไปหาค่าย เหมือนเรามีเป้าหมายอยู่ไกล ๆ ว่าจะทําอัลบั้ม หลังจากนั้นก็ฝึกด้วยตัวเองมาเรื่อย ๆ ออกจากโรงงานก็ไปเล่นดนตรีในผับ พอเล่นดนตรีในผับเสร็จ ก็รู้จักเพื่อนมากมาย ได้ทําอัลบั้มกับเพื่อนวงโมโนตอนอายุ 19 …

อ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมได้ที่นิตยสารขวัญเรือน no.1054 vol.45 October 2015

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook