ธรรมะสไตล์วู้ดดี้ พิธีกรที่ (เกิด) มา “แรง-ง-งส์”
ผมไม่เคยแคร์ว่าจะได้ขึ้นปกนิตยสารอะไรทั้งนั้น แต่Secret คือเล่มเดียวที่ผมอยากขึ้นปก ทุกครั้งที่เห็นปก Secret ผมมักจะคิดอยู่เสมอว่า เราคงไม่มีวันนั้นหรอก เพราะแต่ละคนที่ขึ้นปก ทุกคนเรียกได้ว่าเป็นคนดี๊คนดี เรื่องนี้ฝัง ใจผมมาเป็นปีว่า เอ…หรือเราไม่ประสบความสำเร็จ หรือเราไม่ดีพอสำหรับสังคม ไม่ดีพอสำหรับSecret ภาพเราอาจจะแรงเกินไปมั้ง หรือเราต้องสร้างภาพวะ (หัวเราะ)
ตอนนี้คุณก็ได้ขึ้นปก Secret แล้วเล่าเรื่องที่คุณอยากเล่าได้เลยครับ
เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะต่อต้านคือความคิดเชิงลบ ผมเจอมาเยอะ คนที่ไม่ ว่าเจออะไรก็ตาม ก็เอาแต่บอกว่า ไอ้นี่ไม่ดีอย่างนั้น ไอ้นั่นไม่ดีอย่าง นี้ พอมีความคิดเชิงลบแบบนี้ปุ๊บ สมองเขาก็จะเต็มไปด้วยสารพิษที่เป็นลบ และรับเอาความคิดหรือคำพูดที่ไม่ดีของคนรอบๆ ตัวเข้ามาได้ง่ายคำถามคือ แล้วจะทำยังไงให้คนเรามีเกราะกำบังจากความคิดเชิงลบเหล่านั้น คำตอบง่ายๆ ก็คือ ใจที่คิดดี ทำดี มีแนวคิดเชิงบวกไงล่ะ เหมือนกับที่ นาตาลี เกลโบวา (Natalie Glebova) อดีตนางงามจักรวาลเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า “คนเรา ต้องคิดบวก”
เมื่อก่อน ถ้าวันไหนผมตื่นเช้ามาพร้อมกับความเครียด โลกในวันนั้นก็จะแย่มากเพราะความรู้สึกแย่ๆ จะแผ่ออกไปสู่พนักงานและทุกคนรอบตัวเลย ผมจึงพยายามฝึกใจให้คิดบวกอยู่เสมอ โดยมองว่าชีวิตเราช่างมีค่าเหลือเกิน ไม่ว่าจะรวยหรือจนอย่างน้อยเราก็ยังมีโอกาสที่ได้ลืมตามาหายใจและอยู่บนโลกใบนี้ เรามีแขนมีขาให้ได้เดินเหินทุกวันนี้ผมจึงไม่เคยตื่นขึ้นมาด้วยความ รู้สึกว่า โอ…แย่จังเลย แต่จะตื่นมาพร้อมกับความสุข เปิดเพลงเพราะๆ ให้ตัวเองแค่นี้ วันนั้นก็จะเป็นวันที่ดีไปทั้งวันแม้ว่าอาจจะไม่มีอะไร พิเศษหรือไม่ได้ตังค์ซักกะบาท แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขจังเลย
แล้วก่อนพบธรรมะ คุณเคยตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแย่ๆ อย่างที่ว่าบ้างหรือเปล่าครับ
มีช่วงหนึ่งที่บริษัทผมไม่มีรายการอยู่หนึ่งปี ผมรู้สึกเฟลว่าทำไมคนไม่ ยอมรับรายการเรา แต่ไม่ถึงกับเสียใจร้องไห้ ทั้งที่ไม่มีงาน ไม่มีเงินเข้าเลย แต่เชื่อไหมว่าผมไม่เคยคุยกับลูกน้องเรื่องนี้เลย ยังทำงานเหมือนปกติทุกอย่าง เราทำตัวเหมือนกำลังเสนอรายการตามปกติ ลูกน้องอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่มีรายการเข้ามา เราก็คอยให้กำลังใจเขาว่า เดี๋ยวจะมีเข้ามา แต่ความจริงก็คือผมต้องไปกู้เงินแบงก์มาเพื่อจ่ายเงินเดือน คิดอย่างเดียวว่า ทำยังไงก็ได้ให้ลูกน้องมีกิน ไม่กล้าบอกใครเลยว่าเจ๊งบ๊ง จะไปหาญาติหรือ พ่อแม่ก็ไม่กล้าจนผมเป็นหนี้แบงก์อยู่เป็นสิบๆ ล้าน แต่พอมีรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุยทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ชีวิตในวัยเด็กของลูกชายนักการทูตเป็นอย่างไรบ้างครับ
ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคุณหนูอะไรนะครับ ผมรู้แค่ว่าตัวเองเป็นลูกของข้าราชการไทยที่ซื่อสัตย์ พ่อเป็นคนที่รักชาติและอุทิศตนเพื่อชาติ ตอนเด็กๆ ผมยังสงสัยอยู่บ่อยๆ ว่า ทำไมพ่อต้องทำงานหนักขนาดนี้เพื่อประเทศชาติ ทำไมต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอยู่ตลอดเวลา แต่ผมไม่ค่อยได้ไปออก งานกับท่านเท่าไรหรอกครับ ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในห้อง นานๆ มีแขกบ้านแขกเมืองมา เราก็ไปช่วยต้อนรับบ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นอะไรที่พิเศษ
วิธีทำสมาธิในแบบของวู้ดดี้เป็นอย่างไรครับ
อันดับแรกคือ ให้หยุดคิดทุกอย่างเหมือนคุณอยู่ในบ้านหลังหนึ่งแล้วค่อยๆ ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ปิดทุกอย่าง จนกระทั่งบ้านทั้งหลังเงียบ ซึ่งไม่จำเป็นว่าคุณต้องอยู่ในที่เงียบๆ คนเดียวนะ คุณสามารถทำแบบนี้ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน ในรถไฟฟ้า หรือที่สาธารณะต่างๆ พอปิดทุกอย่างเสร็จปุ๊บ ให้คุณหลับตาแล้วเพ่งไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอะไรก็ได้ อย่างผมมักนึกถึงลูกแก้ว หน้าคน หรือดวงดาวดวงหนึ่งที่ลอยอยู่ระหว่างคิ้ว ระหว่างที่กำลังเพ่งอยู่ ให้เราได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองตลอดเวลา แล้วจากนั้นก็ ให้บริกรรมคำไหนก็ได้ อาจจะเป็น “พุทโธ” “ซูเปอร์จูเนียร์” “จัสติน” หรือคุณจะท่องว่า “มิยาบิ” ก็ได้ เพื่อที่ จะดึงเราไว้ไม่ให้หลุดไปไหน ถ้ามีอะไรแทรกเข้ามาในหัวเช่น ปัญหาเรื่องงาน ก็จินตนาการว่าเรามีไม้กวาดอยู่ด้ามหนึ่ง แล้วค่อยๆ ใช้มันปัดสิ่งที่กำลังแทรกอยู่นั้นออกไป และพยายามกลับมายังสิ่งที่เราเพ่งอยู่ให้ได้ เท่านี้เราก็สามารถชำระล้างจิตใจและสมองได้แล้ว ถึงจะแค่ 5 นาที 10 นาทีก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าเราได้พักจิตใจแล้ว เหมือนกับรถที่วิ่งเยอะๆ เครื่องเริ่มเขลอะด้วยเขม่าควัน ถึงจะยังไม่ได้เข้าอู่ แต่แค่ได้หยุดพัก เครื่องก็ดีขึ้นแล้ว
อะไรทำให้คุณเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้นครับ
ชีวิตของผมเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้สัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี ในครั้งนั้นผมถามท่านว่า เวลาไหว้พระนี่เราต้องขออะไร ท่านตอบว่า ไม่ต้องขออะไร พระพุทธรูปคือผู้รับฟังเฉยๆ ดังนั้นเราจึงไม่ได้มาไหว้เพื่อขอ เราแค่มาบอก ท่านว่าเราจะเป็นคนดียังไงคำตอบของท่านทำให้ผมอึ้งมาก เพราะผมเข้าใจมาโดย ตลอดว่า เวลาเจอพระพุทธรูปหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เราต้องขอไงครับ นั่นคือจุดแรก
ส่วนจุดที่สองคือตอนที่ท่านพูดถึงความสุขของชีวิตทั้ง 4 ระดับ ไล่ตั้งแต่กามสุข ซึ่งผมและคนจำนวนมากคิดว่าเป็นความสุขสุดยอดแล้ว แต่ท่านบอกว่า ยังมีความสุขสุดยอดยิ่งกว่า คือ ปัญญาสุขสมาธิสุข และนิพพานสุข ซึ่งเป็นความสุขสูงสุดที่ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง ผมฟังแล้วมีความสุขมากจนร้องไห้ออกมา ผมรู้สึกว่าตอนที่พูดคุยกับท่าน ทุกอย่างรอบตัวล้วนแต่ทำให้เรามีความสุข ถึงแม้จะเป็นเรื่องของปัญหา แต่ทุกอย่างก็มีทางออกหมด ผมตระหนักได้ในตอนนั้นเลยว่า ปัญหาทุกอย่างในชีวิตล้วนมีทางออก
ทราบว่าคุณขอภาพที่ถ่ายลง Secret ไปตกแต่งห้องพระ ห้องพระของวู้ดดี้จะเป็นอย่างไรครับ
ห้องพระของวู้ดดี้จะไม่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่เลย ส่วนจะจุดธูปหรือไม่ก็แล้ว แต่ทางด้านหน้าจะมีจอแอลอีดีฉายภาพพระที่เรานับถือ สถานที่ แล้วก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่ามีความสุข รวมถึงภาพของพ่อแม่ด้วย เราจะใส่ภาพทั้งหมดนั้นลงไป แล้วก็ตั้งโปรแกรมให้ฉายวนในจอไปเรื่อยๆ บรรยากาศเหมือนอยู่ในมิวเซียมแกลเลอรี่
นอกจากนั้นผมเกิดไอเดียเล่นๆ ว่าอาจจะเอารูปตัวเองมาติดผนังห้องพระไว้ด้วย เพื่อที่เวลาไหว้พระเสร็จ เราจะได้มองพิจารณาตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าผมบูชาตัวเองนะครับ แต่เหมือนเป็นการให้ความเชื่อมั่นกับตัวเอง ผมเคยถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าให้นับถือโน่นนี่นั่นถึงจะได้ดี ในขณะที่ผมกลับไม่ ค่อยนับถือหรือเชื่อตัวเองเลย เรามองกระจกเพื่อแต่งตัว แต่ไม่เคยมองตัวเองอย่างจริงจังว่าเรากำลังคิดอะไรแล้วคนคนนี้เป็นใครกันแน่ สำหรับผมการพิจารณารูปตัวเองจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้กลับมาอยู่กับตัวเองจริงๆ
คุณคุยกับคนอื่นมามากมาย ถ้าสมมุติว่าต้องสัมภาษณ์ตัวเองอยากจะถามอะไรที่ไม่เคยมีใครถามบ้าง
(คิดนาน) ผมไม่อยากสัมภาษณ์คนชื่อวู้ดดี้ ผมมองว่าเขาก็เป็นแค่นักสัมภาษณ์คนหนึ่ง ผมพยายามถอดตัวเองออกมาเป็นพิธีกรอีกคนหนึ่งที่กำลัง สัมภาษณ์นายวู้ดดี้แต่ก็ยังไม่มีคำถาม (นิ่งคิด) ถ้าจะต้องถามจริงๆ ผมอาจถามว่า ตอนอายุ 60 วู้ดดี้จะทำอะไร ซึ่งผมมั่นใจว่าเขามีคำตอบ
คำตอบนั้นคืออะไรครับ
ผมก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงตอนนั้นผมจะทำอาชีพอะไร แต่น่าจะอยู่ในจุดที่กำลังตอบแทนให้กับสังคม ผมมองว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในช่วงก้ำกึ่ง จากจุดแรกๆ นี่เน้นจะเอาจากสังคมอย่างเดียวในขณะที่วันนี้อยู่ในช่วงแบ่งรับแบ่งให้ แต่ถ้าผมแก่กว่านี้ คงจะเน้นที่การให้อย่างเดียว และหากเป็นเช่นนั้นได้ นายวู้ดดี้ตอนอายุ 60 คงอิ่มอกอิ่มใจกับสิ่งที่ทำอยู่มากๆ เลย
Secret Box
มีแต่คนที่กล้าออกเดินทาง จึงจะมีเรื่องเล่าไว้กำนัลแก่คนรุ่นหลัง
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
เรื่อง :พีรภัทร โพธิสารัตนะ
ภาพ : วรวุฒิ วิชาธร ผู้ช่วยช่างภาพ :สรยุทธ พุ่มภักดี
สไตลิสต์ :รุจิกร ธงชัยขาวสอาด แต่งหน้า-ทำผม :ศรายุทธ วุฒิ