ธรรมชาติช่วยชีวิต บำบัดโรคระยะสุดท้าย

ธรรมชาติช่วยชีวิต บำบัดโรคระยะสุดท้าย

ธรรมชาติช่วยชีวิต บำบัดโรคระยะสุดท้าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อโบราณกาลประมาณ 2 พันกว่าปีก่อน "ฮิปโปคราเตส" ผู้ถูกขนานนามว่าเป็น "บิดาแห่งวงการแพทย์" ชาวกรีกเคยกล่าวประโยคหนึ่งด้วยนัยที่น่าสนใจว่า

"หากคุณทานอาหารอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาหมอ แต่หากคุณเลือกทานอาหารไม่ถูกต้อง ต่อให้เป็นหมอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้"

ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ ต่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ

ด้วยเหตุนี้เอง "ดร.ทอม อู๋" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและการรักษาวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา ในวัย 75 ปี ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายจากภาวะมะเร็งปอด แต่รอดพ้นมาได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารให้ถูกต้อง เหมาะสม อิงหลักพื้นฐานธรรมชาติเยียวยาร่างกายให้แข็งแรง จึงได้ลุกขึ้นมาเขียนหนังสือ 3 เล่ม ได้แก่ "ธรรมชาติช่วยชีวิต (2 เล่ม)" และ "100 คำถามเจาะลึกเพื่อสุขภาพ" สำหรับถ่ายทอดความรู้และแชร์ประสบการณ์ดังกล่าวแก่สาธารณชนในวงกว้างสำหรับแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารของ ดร.ทอม อู๋ มีหลักการง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อน คือ "การทานอาหารให้กลายเป็นยา ไม่ใช่ทานยาให้กลายเป็นอาหาร" โดยการลดการทานเนื้อและหันมาเลือกทานผักผลไม้ให้มากขึ้น พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างเพียงพอควบคู่กันไปด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการรายนี้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนว่า อันดับแรกควรเริ่มจากการค่อย ๆ ลดอาหารประเภทปลาและเนื้อสัตว์ลง เพิ่มการทานผักให้มากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพทัน จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มการทานผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์ในแต่ละมื้อ จนกระทั่งไม่ทานเนื้อสัตว์ โดยผักที่ทานควรจะเป็นผักลวกสุก หรือทางที่ดีที่สุดคือผักดิบ ส่วนผลไม้ก็ควรจะเป็นผลไม้ที่เก็บจากต้นและยังไม่สุก ตามด้วยการทานน้ำผลไม้ปั่นละเอียด ซึ่งจะช่วยให้ผลดีต่อสุขภาพและผิวพรรณ

"แต่บางครั้งเพียงแค่การทานน้ำผักผลไม้อาจจะยังไม่พอ เพราะผักผลไม้ในปัจจุบันมีแร่ธาตุน้อยกว่าในสมัยเมื่อ 20-30 ปีก่อนหลายเท่าตัว ดังนั้นจึงต้องมีการทานผักผลไม้บางชนิดเพิ่มเติมเป็นบางกรณีไป ตามความแตกต่างของร่างกายแต่ละบุคคลและกรุ๊ปเลือด"

ดร.ทอม อู๋ ชี้แจงว่าได้ค้นพบแนวทางการทานอาหารรูปแบบดังกล่าวจาก "ความศรัทธา" อันเป็นที่พึ่งพิงจิตใจสุดท้าย เมื่อรู้ว่าชีวิตของตัวเองกำลังจะสิ้นสุดลงภายในระยะเวลา 2 เดือน หลังป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสาม

"หลังจากรู้ว่าชีวิตตัวเองเหลืออีกไม่นานจึงนั่งลงสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า แต่ขณะนั้นคัมภีร์ไบเบิลตกลงพื้นและเปิดมาที่บทที่ 1 วรรคที่ 29 พอดี ซึ่งเป็นช่วงที่พระเจ้าบอกกับอาดัมให้ทานผักดิบและผลไม้บนต้นเป็นอาหาร แม้ช่วงแรกจะลังเลที่จะทำตามข้อความในคัมภีร์ แต่ด้วยความศรัทธาต่อศาสนาและคัมภีร์ได้บันทึกว่าอาดัมมีอายุยืนถึง 934 ปี จึงทำให้ตัดสินใจเริ่มทานผักดิบและผลไม้ที่ยังไม่สุกบนต้น เลิกทานชา กาแฟ ดื่มน้ำสะอาดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน"

ส่วนผลตอบรับจากการ "เชื่อ" คัมภีร์ไบเบิลของ ดร.ทอม อู๋ ที่ยืนยันด้วยปากของตัวเองคือร่างกายมีสภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในระยะเวลา 6 เดือน และอีก 3 เดือนต่อมากำลังวังชาที่เคยหดหายไปในช่วงป่วยเป็นมะเร็งปอด ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการทานเนื้อสัตว์และหันมาเน้นทานผักผลไม้มากขึ้น ก็ใช่ว่าจะไม่ส่งผลกระทบผิดปกติใด ๆ ต่อร่างกาย เพราะผู้เขียนหนังสือธรรมชาติช่วยชีวิตเล่าว่า ช่วงแรกอาจจะมีอาการถ่ายท้องบ่อยกว่าปกติและอ่อนเพลีย แต่หลังจากร่างกายปรับตัวได้ จะรู้สึกว่ามีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าแค่ทานผักดิบผลไม้สดอย่างเดียวคงไม่อาจส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกายมากนัก หากไม่มีการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย ซึ่งทาง ดร.ทอม อู๋ แนะนำว่าการออกกำลังกายที่ดีควรจะทำวันหนึ่งไม่เกิน 15-20 นาทีเท่านั้น เพราะถ้ามากกว่านี้อาจส่งผลเสียมากกว่าดี และที่ลืมไม่ได้คือต้องพยายามขับถ่ายให้ได้อย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน เพราะเป็นการล้างของเสียที่สะสมภายในลำไส้ให้หมดไป

แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ ดร.ทอม อู๋ บอกว่าจะขาดไปเสียไม่ได้สำหรับแนวทางของตัวเอง นั่นคือ "ความเชื่อมั่นศรัทธา" เพราะการจะทำสิ่งใดให้สำเร็จ โดยเฉพาะการดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้น จำเป็นต้องมีความเชื่อมั่นที่มากพอ และจะต้องรู้สึกเต็มใจ มีสภาพอารมณ์เบิกบาน ยินดีที่จะเดินตามแนวทางดังที่กล่าวไป

"ถ้าทานแบบฝืนทาน อาการมันก็ไม่หาย เนื่องจากการฝืนทานจะทำให้ร่างกายรับรู้ถึงการต่อต้าน ผลของการทานก็จะไม่ได้ผล ที่สำคัญ สภาพร่างกายและจิตใจจะต้องสมบูรณ์และสดใสด้วย เพราะการรักษาจะประกอบไปด้วย 3 อย่าง คือร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ทั้ง 3 อย่างต้องไปด้วยกัน"

ดูจากแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติของ ดร.ทอม อู๋ แล้ว คงไม่ลำบากเกินไปนัก หากเราจะใส่ใจวิธีการทานอาหารในแต่ละมื้อ ด้วยการรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของตัวเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook