ดูความหล่อ ฟังความคิด "ซงจุงกิ" ก่อนพบตัวจริงในไทย

หากพูดถึงซีรีส์เกาหลีที่มาแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น "Descendants of the Sun" ที่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ความฮิตในหลายประเทศทั้งเกาหลี ไทย ญี่ปุ่น จีน และ ฯลฯ โดยละครออกอากาศทางสถานีเคบีเอสของเกาหลีใต้ โกยเรตติ้งไปได้สูงถึง 30.4% หลังจากออกอากาศตอนที่ 9 เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตอนที่แล้ว 1.6%

ซีรีส์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแรกที่ทำลายสถิติละครเกาหลีที่มีเรตติ้งสูงทะลุ 30% นับตั้งแต่เรื่อง "Moon Embracing the Sun" เคยทำไว้เมื่อปี 2555

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ละครเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก นั่นก็คือ พระเอกหนุ่ม "ซงจุงกิ" ที่สามารถขโมยหัวใจคนดูไปอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะที่จีน ซึ่งผลสำรวจจากบริษัท VLinkage ได้วิเคราะห์ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพื่อหาผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แล้วผลปรากฏว่าผู้มีชื่อเสียงที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศจีนขณะนี้คือ ซงจุงกิ นั่นเอง

ด้วยความโด่งดังขั้นสุดนี้ทำให้เขาได้รับฉายา "หล่ออันตราย" เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องออกประกาศเตือนให้คอซีรีส์เกาหลีระวัง โดยระบุว่าซงจุงกิเป็นผู้ชายอันตราย เพราะทำให้ผู้หญิงหลายคนหลงใหล และอาจจะทำให้บรรดาหนุ่มๆ หึงหวงแฟนสาวที่ติดซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้จนถึงขั้นเลิกรากันได้

และเพราะความนิยมในตัวพระเอกหนุ่มนี่เองที่บริษัท Blossom Entertainment ต้นสังกัดซงจุงกิได้ประกาศว่าจะจัด 2016 Asia Tour Fan Meeting ขึ้นในหลายประเทศซึ่งรวมถึงจีน แล้วก็ปรากฏว่ามีแฟนมีตติ้งปลอมในจีนเกิดขึ้นทันที

ขณะที่ในบ้านเราก็เคาะแล้วว่า "411 เอ็นเตอร์เทนเม้นท์" ยอมสู้ค่าตัวสูงลิ่วของซงจุงกิเพื่อพาเขามาพบแฟนๆ ในวันที่ 7 พ.ค. นี้

อย่างไรก็ดี แม้ว่าชื่อเสียงจะหลั่งไหลเข้ามา แต่นักแสดงหนุ่มวัย 31 คนนี้ กลับไม่รู้สึกหลงระเริงไปกับความโด่งดัง เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระหว่างงานแถลงข่าวสำหรับซีรีส์เรื่องดังกล่าว พิธีกรได้ถามเขาเกี่ยวกับความนิยมอย่างมากของเขาในจีน ซึ่งเขาก็ว่า "ผมได้ยินจากคนรอบข้างผม ว่าผมค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศจีน แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

"การเพิ่มของจำนวนความนิยมในตัวผมมันเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมไม่ปล่อยให้ความนิยมมาเปลี่ยนเส้นทางของผม ตอนนี้ ผมแค่คิดเกี่ยวกับละครเรื่องนี้และสิ่งที่ผมจะทำหลังจากนั้น แม้ว่าชื่อเสียงจะเปลี่ยนแปลง แต่ผมยังเหมือนเดิมแบบที่เคยเป็น"

ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก www.allkpop.com และ www.soompi.com

ที่มา : นสพ.มติชน