ตัน ภาสกรนที
ความรักในการท่องเที่ยวและความคลั่งไคล้ในประเทศญี่ปุ่น เป็นแรงบันดาลใจให้กับ "ตัน ภาสกรนที"
สร้างสรรค์ความเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกในแต่ละธุรกิจตั้งแต่ภัตตาคารบุฟเฟตต์อาหารญี่ปุ่น เวดดิ้งสตูดิโอ ชาเขียว ฯลฯ โดยไม่จำเป็นต้องพลิกตำราธุรกิจที่ซับซ้อน เพียงแค่เป็นคนช่างสังเกตุ จดจำทุกสิ่งจากประสบการณ์และทำธุรกิจด้วยแนวคิดของความเป็น "ผู้ซื้อ" มากกว่าคิดแบบ "ผู้ขาย" บวกด้วย "ความรัก" ที่มีต่อสิ่งนั้น
"ส่วนตัวผมไม่ชอบสะสมอะไร ไม่มีงานอดิเรกอื่นนอกจากกินกับเที่ยว" ตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด เล่าให้ฟังในการสนทนาสบายๆ ที่ร้านช้อกโกแลต Melt Me อารีน่าเท็น ทองหล่อ
ด้วยความที่ภรรยาเป็นคนชอบทานอาหารทะเล ทำให้สถานที่เที่ยวสุดโปรดย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นชายทะเล อย่างที่ไปลงทุนสร้างโรงแรมวิลล่า มาร๊อค ที่ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่จริงแล้วต้องการซื้อเป็นที่พักอาศัยแต่ทำเลดังกล่าวมีพื้นที่กว้างจึงสร้างหลายห้อง ทำไปทำจึงกลายเป็นโรงแรมขนาด 15 ห้องรวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ผู้คนต้องแวะไปถ่ายรูป
ส่วนการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ สถานที่สุดโปรด แน่นอนว่าต้องเป็นประเทศ "ญี่ปุ่น" ด้วยความที่มีความชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นต้นซากุระ ภาพยนต์การ์ตูน ฯลฯ
เมื่อมีโอกาสได้เดินทางไปก็เกิดความประทับใจทั้งพักผ่อนส่วนตัวและไปเพื่อหน้าที่การงาน เรียกได้ว่ามีความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่ตื่นนอน ตัวอย่างเช่น ในพื้นที่อารีน่าเท็น ซอยทองหล่อจะปลูกต้นไม้สามต้น คือ ชมภูพันทิพย์ ชัยพฤกษ์ และกัลปพฤกษ์ ซึ่งทั้งสามต้นนี้ต่างเป็นสายพันธ์ของต้นซากุระทั้งสิ้น อีกไม่นานเมื่อต้นที่ปลูกไว้โตเต็มที่ในช่วงเดือนเมษายนและสิ้นปีจะได้เห็นการออกดอกที่คล้ายกับซากุระเต็มพื้นที่
ตัน บอกว่าแม้จะเป็นคนท่องเที่ยวเยอะแต่ทุกครั้งที่ไปจะไม่เพียงแค่เที่ยวเฉยๆ และจบไป แต่จะจดจำสิ่งที่เห็นและเกิดขึ้นนำมาดัดแปลงพัฒนาให้เป็นธุรกิจซึ่งเกือบธุรกิจที่เกิดขึ้นจะมาจากความเป็นคนช่างสังเกตทุกครั้ง
"ผมคิดว่าคนเราคงไม่สามารถคิดอะไรเองได้หมดทุกอย่าง ผมจึงนำสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสและได้นำมาพัฒนาให้ดีกว่าเดิมและทุกครั้งที่ผมทำก็จะต้องมีความสุขด้วยทุกครั้ง"
เขาเล่าถึงหลายอย่างที่ทำซึ่งเริ่มต้นจากการเดินทางไปเห็น แล้วก่อให้เกิดธุรกิจขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางไปประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จนกระทั่งถึงประเทศต้นกำเนิดคือไต้หวันซึ่งมีถนนสำหรับเวดดิ้งสตูดิโอโดยเฉพาะ จากนั้นเขาได้ลงทุนนำธุรกิจถ่ายภาพแต่งงานมาเปิดในประเทศไทยเมื่อ 18 ปีที่แล้ว จนกระทั่งได้รับความนิยมและสร้างให้ทองหล่อเป็นถนนสำหรับถ่ายภาพแต่งงานโดยเฉพาะ
หรือการได้ดื่มชาเขียวในร้านสะดวกซื้อที่ญี่ปุ่นจนได้ทดลองนำมาจำหน่ายในภัตตาคารโออิชิจนกระทั่งสร้างกระแสชาเขียวฟีเวอร์และเป็นสัญลักษณ์ของตันจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงช้อกโกแลต Melt Me ที่ตัน เห็นคนไทยเดินถือช้อกโกแลตดังกล่าวในสนามบินจำนวนมาก จนลองชิมดูแล้วเกิดความประทับใจ จนสุดท้ายต้องลงทุนบินไปเรียนถึงต้นตำหรับ คือ เกาะฮอกไกโดเพื่อนำมาทำทานเองและต่อยอดมาจนเป็นธุรกิจในที่สุด เป็นต้น
ตัน เปรยว่าอนาคตถ้าเขาจะขยายธุรกิจต่อไม่ว่าจะเป็นอาหารหรืออื่นๆ เช่นคอนโดมิเนียมก็น่าจะยังมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแน่นอน คงจะไปทำแนวอื่นไม่ได้เพราะจะไม่ใช่ตัวของตัวเอง ก่อนจะฝากข้อคิดสำคัญว่า
"ถ้าจะทำอะไรให้ได้ดีต้องอยู่กับมันบ่อยๆและจะค่อยซึมซับ"
อย่างที่ตนอยู่กับความเป็นญี่ปุ่นมาทั้งชีวิตและสุดท้ายก็สามารถสร้างเป็นธุรกิจด้วยและมีความสุขที่ได้อยู่กับมันด้วย สิ่งที่อยากจะบอกอีกคือธุรกิจสามารถเกิดขึ้นได้จากการสัมผัส จินตนาการ รับประทาน ส่วนตัวเป็นคนเรียนไม่สูงแต่ชอบจดจำสิ่งรอบตัวมาศึกษา และไม่เคยทำตามตำราธุรกิจเล่มไหน อาศัยเพียงแนวคิดว่า "เราต้องทำตัวเป็นคนซื้อ อย่าคิดว่าเราเป็นคนขายของ" เราจะมีมุมมองธุรกิจที่กว้างขึ้น
ก่อนจบบทสนทนาตันได้ฝากข้อคิดในการทำธุรกิจไว้อย่างน่าสนใจว่า "ตัวผมเองเริ่มต้นธุรกิจจากแผงหนังสือ ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ และค่อยๆไต่มาจนถึงวันนี้ ทุกอย่างต้องมีบันไดก้าวแรก การทำธุรกิจถ้าเราคิดแต่ว่าต้องมีความรู้เงินทุนก่อนถึงจะทำ สุดท้ายเราจะไม่ได้ทำเสียที ขอให้ลงมือทำเลยอย่ากลัวผิดพลาด ถ้าพลาดก็เหมือนเป็นการสอนเรา ถ้าเจ็บตั้งแต่ตอนธุรกิจยังเล็กๆ มันจะเป็นประสบการณ์ให้เรา แต่ถ้าเราสำเร็จตั้งแต่เริ่มอาจทำให้เราประมาท เราไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ แต่เราสามารถพัฒนาตัวเองได้จากการเรียนรู้รอบตัว ทำให้มากกว่าคนอื่น ติดตามกัดไม่ปล่อย สักวันก็จะสำเร็จ" ตัน ให้ข้อคิดทางธุรกิจทิ้งท้าย
ประวัติ ตัน ภาสกรนที
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ ซึ่งมีค่าแรง 700 บาท และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2542 ตันเริ่มต้นธุรกิจภัตตาคารบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ "โออิชิ" และขยายมาทำธุรกิจเครื่องดื่ม คือชาเขียวโออิชิ และน้ำผลไม้ อะมิโน โอเค โดยที่กลุ่มธุรกิจนี้ของเขา ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ อย่างสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานเป็นต้น
เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 เขาขายหุ้นใหญ่ของบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เขามีอยู่ให้กับ บมจ.ไทยเบฟเวอร์เรจ
และในที่สุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553 เขาก็ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ในวันเดียวกันนั้น ตันก็จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยให้ชื่อว่า บริษัท ไม่ตัน จำกัด
ขอบคุณข้อมูลจาก
K SME Inspired
ขอบคุณภาพจาก
FB: ตัน ภาสกรนที