อายุน้อยก็สำเร็จได้ “บรม พิจารณ์จิตร” ทายาทรุ่นที่สี่แห่งเซ็นทรัล
นับถอยหลังไปประมาณ 2 ปีก่อน “เซ็นทรัลเอ็มบาสซี” ศูนย์การค้าในเครือตระกูลจิราธิวัฒน์เปิดตัวขึ้นอย่างหรูหราอลังการ จนอาจกล่าวได้ว่าศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชของกลุ่มเซ็นทรัล “เต้ บรม พิจารณ์จิตร” ทายาทรุ่นที่ 4 ของเซ็นทรัล ที่แม้จะมีวัยเพียง 30 ต้นๆ กลับต้องแบกรับความท้าทายในการบริหารศูนย์การค้าที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านให้เดินทางไปสู่ความสำเร็จ เขาจะสามารถยกระดับศูนย์การค้าแห่งนี้ให้กลายเป็นสุดยอดศูนย์การค้าท่ามกลางการจับจ้องจากสายตาคนทั่วโลกได้อย่างไร นี่จึงเป็นบททดสอบสุดหินสำหรับนักธุรกิจหนุ่มอายุน้อยคนนี้
ในฐานะผู้บริหาร คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการบริหารงาน
“ผมมองไปที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า อย่างเช่น Eathai ศูนย์รวมร้านอาหารที่เพิ่งเปิดตัวไป ทุกคนเห็นภาพตอนเสร็จสมบูรณ์ แต่กว่าจะมาถึงจุดที่ลงตัวมันมีอะไรเยอะแยะมากมาย เช่นกว่าจะได้ร้านค้าร้านอาหารหรือของที่ดีที่สุดมาลงในพื้นที่ กว่าจะตกแต่งไฟ ทำคาเฟ่ให้คนมานั่งทำค็อกเทลให้ ชงกาแฟได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เราในฐานะคนบริหารจะปล่อยให้ทีมทำงานอย่างเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องได้รับทิศทางในการจัดการคือระยะเวลาต้องแน่นอนและชัดเจนว่าเราต้องทำให้ทันกำหนดเปิด และคุณภาพของสินค้าต้องดีตรงตามมาตรฐานอย่างที่ต้องการ และต้องคิดต่อยอดว่าหลังจากเสร็จสมบูรณ์แล้วเราจะกระตุ้นให้คนรับรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นศูนย์รวมครบวงจรที่ไม่ใช่เพียงแค่มาทานอาหาร”
อายุคุณยังน้อย คุณคิดว่าสิ่งที่ท้าทายในด้านการบริหารงานของคุณคืออะไร
“สำหรับผมความท้าทายคือ เซ็นทรัลเอ็มบาสซีของเราเปิดตัวในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แล้วศูนย์การค้าก็ยังไม่เสร็จ ตอนที่ผมรับหน้าที่ดูแลมันเป็นอะไรที่ท้าทายมาก เราจะเติมเต็มศูนย์การค้าให้ตอบโจทย์ทุก Life Style ของลูกค้า และนำเสนอ World Class Quality ให้เสร็จทันกับเวลาที่กำหนดและตามแผนที่วางไว้ได้อย่างไร
ความเป็นทายาทเซ็นทรัลรุ่นที่4 คุณต้องแบกรับความกดดัน ความคาดหวัง ทำอะไรต้องประสบความสำเร็จ คุณเต้คิดว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร
“มันก็มีทั้งจุดที่ดีและจุดที่ยากเหมือนดาบสองคม เพราะผมตั้งมาตรฐานไว้สูง ผมตั้งใจไว้ว่าภายในปีสองปีเราจะทำตามเป้าหมายให้เสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ แต่การทำศูนย์การค้าฯ มีความคาดหวังจากทุกคน ทุกคนลุ้นไปกับเราว่าจะสามารถบริหารจัดการและดูแลทุกอย่างออกมาให้สมบูรณ์ที่สุดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมโชคดีที่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างกระตือรือร้น ทำอะไรที่มันกระตุ้นตัวเองต้องทำให้ตัวเองเก่งขึ้น เช่น งานบริหารศูนย์การค้าฯ แห่งนี้ก็เป็นโปรเจ็คที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ความท้าทายของเราคือจะทำยังไงให้คนเข้ามาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการ,ร้านอาหาร,โปรเจ็คต่างๆที่เรานำเอาเข้ามา ผมมองว่าโปรเจ็คนี้สามารถพัฒนาและต่อยอดไปได้ไกลอีกเยอะ จากวันแรกจนถึงวันนี้เราทำมาสองปีก็เริ่มเห็นตัวเลขดีขึ้น คนเริ่มบอกว่าชอบสินค้า ส่วนร้านค้าก็เริ่มแฮปปี้กับเราขึ้นเยอะ ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีครับ เพราะตอนนี้เรากำลังเสร็จไปทีละส่วนเปรียบเหมือนจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆเติมจนเต็มเห็นเป็นรูปภาพก็เหมือนว่าภาพที่เราวาดไว้ใกล้จะสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ในเร็ววันแล้วครับ”
งานบริหารธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลแบบนี้ เวลาเจอกับปัญหาคุณมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร?
“ผมคิดว่าทุกอย่างในชีวิตเราต้อง Break Down ทุกอย่างให้มองเป็นภาพเล็กๆ ไม่ใช่มองในภาพใหญ่อย่างเดียว เราต้องเข้าใจว่าเราทำอะไรอยู่ เส้นทางที่เราเดินไปต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง คุณต้องแก้ปัญหาให้มันเล็กที่สุด แต่พอคุณเห็นว่ามันเล็กที่สุดคุณจะสามารถแก้ได้ทีละข้อ เพราะถ้าคุณดูภาพใหญ่อย่างเดียว คุณจะไม่เห็นรายละเอียดว่ามันมีปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณเห็นจุดที่เล็กคุณจะเห็นเหตุผลว่ามันมีอะไรบ้างที่เป็นปัญหา แล้วเราก็จะแก้แต่ละข้อๆ ไป สร้างขาสร้างแขน และเราทำงานคนเดียวไม่ได้เราต้องทำเป็นทีมเวิร์คและบางครั้งเราต้องย้อนกลับมาดูปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อคราวหน้าคุณต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องเข้าใจภาพรวมรายละเอียดของปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้เราแก้ไขมันให้ได้”
เคล็ดลับในการบริหารงานของครอบครัวให้ประสบความสำเร็จคืออะไร
“เรามีการเรียนรู้ ทำงานหนัก แล้วทุกคนต้องคิดเป็นทำเป็นไม่ใช่แค่นั้นแต่ต้องกล้าที่จะทำด้วย เพราะไม่เช่นนั้นถ้าคุณไม่มีสิ่งพวกนี้ คุณจะบริหารสิ่งใหญ่ๆ ยาก คุณจะไม่กล้าตัดสินใจ คุณจะทำไม่เป็น บางคนทำเป็นแต่คิดไม่เป็นก็มีเหมือนกัน บางคนคิดเป็นทำเป็นแต่ไม่กล้าที่จะนำเสนอ เพราะกลัวผิดหวัง การดูแลองค์กรใหญ่ๆ คุณต้องสามารถทำได้ทั้งสามอย่าง แล้วคุณอยู่คนเดียวไม่ได้คุณต้องสร้างทีม คุณต้องสร้างขา สร้างแขน การที่คุณจะไปจุดนั้นคุณต้องเริ่มทำให้ได้”
นักธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นคุณต้องเป็นอย่างไร
“ผมคิดว่าการทำงานก็เหมือนทุกอย่างที่เราทำในชีวิต อย่าคิดว่าทุกอย่างมันต้องสำเร็จด้วยดีเสมอไป บางครั้งมีหลายสิ่งที่อาจจะทำให้เรารู้สึกท้อถอย และทุกอย่างที่เราทำก็ไม่จำเป็นต้องดีที่สุดแต่ต้องชัวร์ว่าภาพรวมต้องออกมาดี เช่น เด็กรุ่นใหม่ที่ทำงานดูโปรเจ็คของตัวเองมักจะคิดว่างานของเค้าดีและต้องสมบูรณ์แบบ100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันไม่ใช่เสมอไปในแต่ละงานอาจจะมีจุดที่ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ทั้งหมด แต่สุดท้ายผมว่าไม่ว่าระหว่างทางของการทำงานจะเกิดอุปสรรคอะไรขอให้บทสรุปเป็นภาพรวมที่ออกมาดูดีที่สุดก็พอ คุณอาจจะมีล้มแต่อย่าท้อต้องผลักดันตัวเองแล้วลุกขึ้นมาให้ได้ ตอนจบมันต้องถึงเส้นชัย มันต้องประสบความสำเร็จ”