วงการกีฬาไฟเขียว เปิดพื้นที่รับ "สปอร์ตเกย์"

วงการกีฬาไฟเขียว เปิดพื้นที่รับ "สปอร์ตเกย์"

วงการกีฬาไฟเขียว เปิดพื้นที่รับ "สปอร์ตเกย์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับวงการกีฬา เรื่องรสนิยมทางเพศที่แตกต่างไปจากธรรมชาติหรือบรรทัดฐานของสังคมเหมือนเป็นเรื่องต้องห้ามมาก่อน แต่โลกยุคใหม่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทัศนคติในคนหมู่มากเริ่มเข้าใจกับความแตกต่างของเพื่อนมนุษย์มากขึ้น ส่งผลให้วงการกีฬามีนักกีฬาเปิดเผยรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกับคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อย ๆ

รายล่าสุดเป็นทอม ดาลีย์ นักกระโดดน้ำจากทีมสหราชอาณาจักร ดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก 2012 ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลก โพสต์คลิปของตัวเองยอมรับว่าคบหากับผู้ชาย ทำเอาแฟนคลับสาวทั่วโลกหัวใจสลายไปตาม ๆ กัน

ดาลีย์ชี้แจงในคลิปว่า ที่ผ่านมาเคยคบหากับผู้หญิง แต่จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ความรู้สึกเปลี่ยนไปเมื่อพบกับคนที่ทำให้มีความสุข รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และทุกอย่างก็สดใส แม้ว่าในคลิป ดาลีย์ นักดิ่งสระคลอรีนดาวรุ่งพุ่งแรงของแดนผู้ดียังเอ่ยคำว่า "ยังคิดถึง ′ผู้หญิง′ อยู่"

แต่สรุปแล้ว ปัจจุบันดาลีย์คบหากับผู้ชายแล้วมีความสุขกว่าที่ผ่านมา พร้อมระบุเหตุผลเรื่องการเปิดเผยครั้งนี้ว่า ต้องการระบายความรู้สึกก่อนเข้าแคมป์ฝึกซ้อมยาวจนถึงคริสต์มาส


ทอม ดาลีย์ และ ดัสติน แลนซ์ แบล็ค นักเขียนบท ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์หนังและทีวี และ นักเคลื่อนไหวสิทธิชาวเกย์เลสเบี้ยน ที่ดาลีย์คบหาอยู่ตอนนี้

กระแสตอบรับหลังการเปิดเผยของดาลีย์คนดังในสังคมส่วนใหญ่ออกมาสนับสนุนและชื่นชมการตัดสินใจของดาลีย์เช่นเดียวกับครอบครัวและคนรอบข้างของดาลีย์ด้วยยุคสมัยนี้ทัศนคติของคนเปิดกว้างมากขึ้นผิดกับบรรยากาศเมื่อ 20-30 ปีก่อนนี้ ซึ่งมีนักกีฬาไม่กี่คนที่จะกล้าออกมาเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเอง


จัสติน ฟาชานู


บิล ทิลเดน

นอกเหนือจากดาลีย์ ปีนี้ยังมีเจสัน คอลลินส์ นักบาสเกตบอลชาวอเมริกันซึ่งเล่นให้กับวอชิงตัน วิซาร์ด ก่อนเป็นผู้เล่นไร้เอเย่นต์ ในช่วงกลางปีก็เขียนบทความลงในเว็บไซต์กีฬาชื่อดังในบ้านเกิดยอมรับว่าเป็นเกย์ สร้างกระแสฮือฮาได้ไม่แพ้กับกรณีของดาลีย์ โดยคอลลินส์เป็นนักบาสเกตบอลคนแรกซึ่งยังเล่นในทีมกีฬาอาชีพของสหรัฐที่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน


เจสัน คอลลินส์

ผลตอบรับของคอลลินส์นักบาสเกตบอลผิวสีแตกต่างไปจากบรรยากาศของฟาชานูทั่วโลกให้ความสนใจกับเรื่องราวที่คอลลินส์เขียนเปิดเผยตัวเองและยังได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามรวมถึงนายบารักโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ แฟนบาสเกตบอลที่ร่วมให้กำลังใจคอลลินส์ด้วย

ปัจจุบันชนชั้นนำและองค์กรผู้ดูแลการแข่งขันกีฬาหลายประเภทเข้าใจสภาพสังคมมากขึ้นและตอบสนองต่อความแตกต่างที่หลากหลายในขั้นน่าพอใจที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลอังกฤษสมาคมกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกแห่งมีแนวคิดดันแคมเปญหนุนหลังนักฟุตบอลเกย์แสดงจุดยืนยอมรับความแตกต่างอย่างชัดเจน

ถือเป็นอีกหนึ่งแนวหน้าในวงการฟุตบอลที่มีแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์ซึ่งสถานการณ์โดยรวมของฟุตบอลอังกฤษอาจดูเปิดกว้างมากกว่าฟุตบอลระดับสูงของลีกหลายประเทศในยุโรปโดยเฉพาะในเยอรมนีซึ่งมักมีคนมาให้ข่าวว่านักฟุตบอลเยอรมันยังหวาดกลัวแรงกดดันรอบข้างไม่กล้าเปิดเผยตัว

บรรยากาศของแต่ละชนิดกีฬามีความแตกต่างกันบางครั้งกีฬาที่มีภาพลักษณ์เป็นกีฬาลูกผู้ชายอาจเปลี่ยนแปลงยอมรับความแตกต่างได้มากกว่ากีฬาที่มีภาพลักษณ์เรื่องความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของผู้เล่นน้อยกว่าก็ได้แม้แต่วงการมวยที่มีคนออกมายอมรับแค่ไม่กี่คน

ที่ผ่านมาเห็นเอมิลกริฟฟินอดีตนักชกวัย 74 ปีซึ่งบอกข้อมูลเล็กน้อยว่า ตัวเอง "ไม่มีความชัดเจนกับเรื่องทางเพศ" ล่าสุด ยังมีออร์แลนโด้ ครูซ นักมวยสากลอาชีพชาวเปอโตริโก ก็ออกมายอมรับว่าเป็นเกย์ไปก่อนหน้านี้

นักกีฬาที่ทั่วโลกรู้จักดีว่าเป็นคนดังซึ่งออกมายอมรับว่าเป็นเกย์คือ จัสติน ฟาชานู นักฟุตบอลผิวสีจากอังกฤษที่ค้าแข้งช่วง ค.ศ. 1978-1997 กระแสสังคมหลังจากฟาชานูออกมาเปิดเผยตัวไม่ค่อยดีนัก ส่งผลต่อสภาพจิต สุดท้ายฟาชานูจบชีวิตตัวเองในวัย 37 ปี ขณะที่นักกีฬายุคก่อนหน้านั้นที่กระแสเรื่องรักร่วมเพศยังคงรุนแรงอยู่อย่างบิล ทิลเดน นักเทนนิสช่วงปี 1920 ก็ต้องดิ้นรนในสังคมที่ยังไม่ยอมรับพฤติกรรมรักร่วมเพศ


ออร์แลนโด้ ครูซ

นอกจากจะได้กระแสตอบรับเชิงบวก ยังส่งผลพลอยได้เพิ่มเรตติ้งได้รับความสนใจในไฟต์ชิงเข็มขัดเพิ่มขึ้นไปอีก หรืออย่างนักฟุตบอลชาวอเมริกันคนแรกที่ยอมรับอย่างร็อบบี้ โรเจอร์ส ของแอลเอ กาแล็คซี่ ซึ่งโรเจอร์สก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเมื่อลงเล่นให้ต้นสังกัดใหม่เป็นนัดแรกไปเมื่อช่วงกลางปี


ร็อบบี้ โรเจอร์ส

ต้องยอมรับว่าทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อกลุ่มรักร่วมเพศเปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวกส่งผลดีต่อวงการกีฬามากขึ้นเมื่อโลกยอมรับความแตกต่างในตัวตนบุคคลอื่นการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมย่อมเป็นไปได้ง่ายขึ้นตราบใดที่ความแตกต่างไม่ได้สร้างปัญหาให้สังคมทั่วไปเดือดร้อนและไม่ใช่แต่เพียงแค่วงการกีฬาเท่านั้น แต่เป็นภาพของสังคมโดยรวม ซึ่งเชื่อมโยงและสะท้อนออกมาได้จากปรากฏการณ์เล็ก ๆ ในวงการกีฬาที่มีคนออกมาเปิดเผยอีกแง่หนึ่งของตัวตนตัวเองอย่างต่อเนื่อง

เชื่อว่าคงไม่นานนักที่สังคมโลกจะยอมรับในความแตกต่าง และอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจโดยไม่ตัดสินและกีดกันผู้ที่ไม่เหมือนกับกลุ่มของตัวเองให้พ้นสายตา

 

ขอบคุณภาพจาก
IG tomdaley1994
gettyimages

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook