มาว่ากันด้วยเรื่องของน้ำหอมกับผู้ชาย
สไตล์ที่กำลังมาแรงและเราคิดว่าเหมาะกับหนุ่มๆ ในยุคนี้ที่สุดก็คือ Understated Style หรือนิยามของความเท่แบบไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องพูดเสียงดัง แต่ชัดเจนและบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณที่สุด Sanook! Men ได้พูดถึงเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมแบบ Understated Style จากไบเบิ้ลความเท่ของ Axe Black Book ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสุดๆ สำหรับผู้ชายอย่างเราก็คือเรื่องของกลิ่น เพราะถ้าทุกอย่างของคุณดูดีแล้ว แต่กลับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมาล่ะก็ทุกอย่างก็สามารถพังได้ทันที
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า “กลิ่น” ที่คุณเลือกใช้ก็สามารถบ่งบอกตัวตนของคุณได้อย่างชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งทีเดียว เพราะฉะนั้นอยากเท่แบบไม่ต้องเยอะอย่าง Understated Style ก็ลองหากลิ่นที่สามารถบอกตัวตนคุณได้มากที่สุด แค่เดินผ่านก็สามารถบอกเรื่องราวความเป็นตัวคุณได้แบบไม่ต้องพยายามเลย
ก่อนที่จะได้กลิ่นที่ใช่ รู้กันหรือเปล่าว่า เวลาที่เราพูดว่า “ได้กลิ่น” นั้น มันมีระดับของการ “ได้กลิ่น” ซึ่งภาษาอังกฤษเขาจะเรียกเจ้าระดับเหล่านี้ว่า “Note” โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ
- TOP NOTE
พูดให้เข้าใจง่ายๆ Top Note ก็คือกลิ่นแรกที่เข้ามาเตะจมูกเรานั่นเอง ดังนั้นเมื่อคุณใช้ โรลออน สเปรย์หรือน้ำหอมแล้วเดินเข้าไปที่ไหนสักที่ เจ้ากลิ่น Top Note นี่ล่ะที่จะทำหน้าที่ให้สาวๆ เหลียวหลังมามอง
- MIDDLE NOTE
เมื่ออยู่กับกลิ่น Top Note ไปสักพัก สาวๆ ก็จะเริ่มชินกับกลิ่น Top Note ของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะได้กลิ่นต่อมา ซึ่งกลิ่น Middle Note นี้ว่ากันว่าจะให้ผลในเรื่องของความรู้สึก อย่างได้กลิ่นที่เป็นดอกไม้ก็อาจจะให้ความรู้สึกที่หอมหวาน เป็นต้น ซึ่งกลิ่นนี้จะอยู่กับเราประมาณ 3 – 6 ชั่วโมงหลังฉีดน้ำหอม
- BASE NOTE
สำหรับกลิ่นระดับสุดท้าย ก็คือกลิ่นที่ติดอยู่กับตัวเราไปตลอดทั้งวันนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็จะมีกลิ่นนี้ติดไป และจะเป็นกลิ่นที่สาวๆ จะจำว่าเป็นกลิ่นตัวของคุณ
ดังนั้นเวลาที่คุณเลือกน้ำหอม สเปรย์ หรือโรลออน ลองนำระดับการได้กลิ่นนี้ไปใช้ในการเลือกน้ำหอมก็ได้ อย่าง Axe Black นั้นก็มีส่วนผสมที่สำคัญปรับอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้กลิ่นในแต่ละระดับที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับผู้ชาย
จากกลิ่นมีผลกับความรู้สึกด้วย เรายังสามารถแบ่งกลิ่นเบสได้เป็น 9 กลิ่นใหญ่ๆ ซึ่ง Sanook! Men ก็ขอนำเสนอให้คุณได้รู้กันด้วย เพื่อเป็นไกด์สำหรับการเลือกกลิ่นให้เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณได้
กลิ่นซีทรัส (Citrus) สำหรับน้ำหอมของผู้ชายแล้ว กลิ่นที่เบสด้วยจำพวกของซีทรัสก็คือพวกกลิ่นมะนาว ส้มหรือ มะกรูด เป็นต้น ซึ่งน้ำหอมที่เบสในกลุ่มนี้จะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่รุนแรง
กลิ่นลาเวนเดอร์ (Lavender) กลิ่นลาเวนเดอร์นั้นถือว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งว่ากันว่าเหมาะสำหรับการใช้ประจำวันมากที่สุดด้วยล่ะ เพราะให้กลิ่นที่หอมสดชื่น
กลิ่น Chypre มาจากชื่อของเกาะหนึ่งในแถบทะเลเมดิเตอร์เนียนในประเทศไซปรัส ซึ่งเป็นกลิ่นเบสที่ให้กลิ่นสะอาดสดชื่นเหมือนความรู้สึกสดชื่นจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันเป็นที่มาของน้ำหอมกลิ่นนี้นี่ล่ะ
กลิ่นเฟิร์น (Fougere) อาจจะฟังดูแปลกสักนิด เพราะเรารู้กันว่าเฟิร์นนั้นไม่มีกลิ่น!!! แต่กลิ่นที่เบสด้วยเฟิร์นนั้นก็คือกลิ่นมอสของไม้โอ๊ค หรือกลิ่นเนื้อไม้ เป็นต้น
กลิ่นอายของทะเล (Oceanic) กลิ่นในตระกูลนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากการสังเคราะห์ ผสมผสานให้ได้กลิ่นที่เราไม่สามารถจะบรรจุเก็บมาไว้ได้ อย่างกลิ่นสดชื่นแบบทะเล หรือกลิ่นของอากาศยามเช้าบนภูเขา เป็นต้น
กลิ่นโอเรียนเทล (Oriental) กลิ่นของอำพัน ยางไม้ เปลือกไม้ต่างๆ กลิ่นวานิลลา ก็คือกลุ่มที่อยู่ในตระกูลนี้ ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่ลุ่มลึกเมื่อได้กลิ่น
กลิ่นเผ็ดร้อน (Spicy) กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นที่มาจากเครื่องเทศอย่างพริกไทย กานพลู ซินนามอน ใบกะเพราเมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น จะให้ความรู้สึกที่ร้อนแรง
กลิ่นไม้ (Woody) กลิ่นหอมจากเปลือกไม้ก็เป็นกลิ่นที่เย้ายวนอย่างกลิ่นของไม้พยุง ต้นซีด้าร์ หญ้าแฝกหอม ซึ่งกลิ่น เหล่านี้เป็นอีกกลุ่มที่นิยมนำมาทำน้ำหอมผู้ชาย
กลิ่นหนัง (Leather) กลิ่นในตระกูลนี้จะให้ความรู้สึกสุขุม ลุ่มลึก อย่างกลิ่นของน้ำดินจากการเผาต้นเบิร์ช ซึ่งมีทั้งกลิ่นหอมหวานผสมผสานกับกลิ่นรมควันลึกๆ ทำให้นิยมนำมาใช้ในการทำโคโลญจ์ผู้ชาย
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องกลิ่น ที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบุคลิกภาพของผู้ชายอย่างเราอยู่ไม่น้อย Sanook! Men หวังว่าคุณจะได้นำความรู้เรื่องกลิ่นนี้ไปเลือกใช้กับตัวเอง เพื่อให้ได้กลิ่นที่เหมาะกับตัวคุณและบ่งบอกถึงตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ จนอาจทำให้สาวๆ คลั่งไคล้เพียงแค่คุณเดินผ่าน!
นอกจากเรื่องของกลิ่นก็สามารถติดตามอ่านเคล็ดลับอื่นๆกันได้ในรูปแบบของ Understated Style กับ Axe Black Book สไตล์ไบเบิ้ลที่จะช่วยให้ผู้ชายทุกคนเท่ได้แบบไม่ต้องเยอะที่ www.axethailand.com
[Advertorial]