5 เทคนิคลดไขมัน ไม่จำกัดแม้มียีนอ้วน
อ้วนกรรมพันธุ์ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องโหดร้าย ที่หลาย ๆ คนต้องทำใจยอมรับ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาจะไม่ยอมจำนนต่อรูปร่างที่ไม่พึงปรารถนานี้
คนที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ หลาย ๆ คนบอกว่า พวกเขาเริ่มประสบปัญหาในการลดไขมันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนแล้ว และพวกเขาก็มักจะโยนความผิดไปให้กับยีน หรือลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดกันมา ซึ่งแน่นอนว่า มันมีผล คนบางคน กินเยอะ ดื่มหนักก็ไม่อ้วน แต่บางคน เมื่อกินหรือดื่มเข้าไปแล้วแค่คิดจะลดน้ำหนักลงสัก 5 กก. ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะระบบการเผาผลาญอาหารของร่างกายเราเอง ที่มันทำงานช้า
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งสำคัญอื่น ๆ อีก 5 สิ่งต่อไปนี้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณมี ก็อาจจะเป็นการบ่งบอกว่าคุณมียีนอ้วน แต่นั่น ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไข ลองมาดูวิธีการดี ๆ ต่อไปนี้กัน
1. ว่ากันด้วยเรื่องของน้ำลายก่อน มีวิจัยพบความสัมพันธ์ ระหว่างความอ้วน กับความสามารถในผลิตอะไมเลส ซึ่งก็คือเอนไซม์ที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลในปากของเรา ยีนของแต่ละคน มีส่วนในการผลิตอะไมเลส แต่ละคน ก็มีความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกันไป ถ้าใครมีมาก ร่างกายก็มีความสามารถได้การย่อยแป้งได้ดี และรวดเร็ว กว่าคนที่น้ำลายผลิตสารดังกล่าวได้น้อย แต่ทั้งนี้ ก็มีวิธีแก้ปัญหาเช่นกัน นั่นคือ รับประทานให้ช้าลง เคียวอาหารให้ช้าและทั่วถึง วิธีนี้ทำได้ง่าย ๆ แต่ต้องทำให้เป็นนิสัย การรับประทานช้า ๆ จะทำให้อะไมเลสที่มีอยู่ มีเวลามากขึ้นในการที่จะย่อยสลายแป้งที่เรารับประทานเข้าไป
2. เรื่องของยีนอ้วน หรือ FTO ยีน ตั้งแต่มีการค้นพบยีนตัวนี้ ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นยีนส์ที่มีความเกี่ยวข้องกับความอ้วนของคนแต่ละคน นักวิจัยก็ได้มีการศึกษาค้นคว้า ผลกระทบการการส่งต่อยีนนี้มาตลอด และ มีการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cambridge ซึ่งได้สำรวจเรื่องน้ำหนักและนิสัยการออกกำลังกายของผู้ใหญ่ จำนวน 220,000 คน ทั่วโลก พบว่า ร้อยละ 30 ของผู้มียีนส์นี้ จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนมากกว่าผู้ที่ไม่มียีน แต่หากว่าใครมียีนส์ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคอ้วนได้ 27 เปอร์เซนต์
3. สร้างไขมันน้ำตาล หรือ Brown Fat เนื่องจากในร่างกายของเรานั้นมีไขมันและเซลอยู่หลายประเภท และไขมันหลัก ๆ ก็คือไขมันขาว หรือ White Fat และไขมันน้ำตาล หรือ Brown Fat บางคนก็เรียกไขมันน้ำตาลนี้ว่า ไขมันที่ทำให้ผอม เพราะหากใครมีไขมันชนิดนี้มาก ก็จะมีความสามารถในการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มอีก 400 แคโลรี่ต่อวัน หากคุณเป็นคนที่ใช้ชีวิตกลางแจ้ง และอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นเป็นส่วนใหญ่ นั่นแปลว่า คุณมีปริมาณไขมันน้ำตาลที่พอเหมาะ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น คุณก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มาปลุกไขมันน้ำตาลในร่างกายให้ตื่นขึ้นมา ด้วยวิธีดังนี้
- ออกกำลังกาย เพราะการออกกกำลังกาย จะทำให้ไขมันในร่างกายของเราเปลี่ยนเป็นไขมันน้ำตาล
- รับประทานอาหารเผ็ด เพราะอาหารรสเผ็ดร้อน สามารถช่วยกระตุ้นไขมันน้ำตาลได้เช่นกัน
- อยู่ในที่อากาศเย็น แต่ไม่ใช่ว่าให้ออกมาตากอากาศหนาวเย็นนอกบ้านในช่วงฤดูหนาว แต่ให้รักษาอุณหภูมิในบ้านให้เย็นพอเหมาะ
การออกกำลังกาย รับประทานอาหารเผ็ด และไม่สบายจนเกินไปนัก จะช่วยกระตุ้นไขมันน้ำตาลในร่างกายให้เราได้ และยังช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายของเราได้ด้วย
4. ถ้าหากไม่ได้ใช้ชีวิตที่ต้องอาศัยความตื่นตัวมากนัก ก็ให้ลดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลง ทั้งนี้ การงดคาร์โบไฮเดรตไปเลย ไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก แค่จำกัดก็เพียงพอ ยิ่งสำหรับคนที่มียีนอ้วน การงดคาร์โบไฮเดรต จะยิ่งทำให้เกิดความกระหาย และรับประทานอาหารอื่นเข้าไปทดแทน ดังนั้น จึงเป็นการดีกว่า หากสามารถจำกัดการรับประทานในเวลาที่ร่างกายไม่ต้องทำกิจกรรมที่มีความแอคทีฟมาก ให้ดูกิจกรรมและการดำเนินชีวิตของเราเป็นหลัก
5. เวลารับประทานอาหาร ให้เริ่มรับประทานโปรตีน ผัก และไขมัน ก่อนที่จะตักมันฝรั่งอบเข้าปาก เพราะมีการศึกษาพบว่า การรับประทานโปรตีน ผัก และไขมัน เข้าไปก่อนนั้น จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เป็นเวลานานเป็นชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอาหาร ดังนั้น เมื่อจานอาหารมาวางตรงหน้า ให้เริ่มที่โปรตีน ผัก และไขมันที่มีประโยชน์ก่อนเสมอ และนั่นจะส่งผลให้คุณรับประทานคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่น้อยลง