เหมือนคนใหม่ แชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก 46 กก. ใน 5 เดือน

เหมือนคนใหม่ แชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก 46 กก. ใน 5 เดือน

เหมือนคนใหม่ แชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนัก 46 กก. ใน 5 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มอ้วนเเชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนักจาก 120 เหลือไม่ถึง 80 กก. ภายในระยะเวลา 5 เดือน หนุ่มคนนี้ทำได้ยังไงไปติดตามกันเลยครับ

ก่อนอื่นผมขอเเนะนำตัวก่อน ผมมีชื่อเล่นว่า ภูมิ ผมก็รู้ตัวเองนะผมอ้วนมาตลอดเเละก็อ้วนขึ้นเรื่อยๆ และไม่เคยคิดจะออกกำลังกายหรือคิดจะลดน้ำหนักเลย จนน้ำหนักปาเข้าไป 119 นี้คือน้ำหนักสุทธินะครับ น้ำหนักรวมบรรทุกเต็มพิกัด 120+ มีเเน่นอน ตัวเลขนี้ มันขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก


ตั้งเเต่อยู่มาผมก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนอย่างผมจะมาถึงจุดที่ มีเลข 3 หลักครอบครอง โดยไม่รู้ตัวเลย เพราะผมไม่ค่อยจะชั่งน้ำหนักสักเท่าไหร่ ใช้สายตาเหลือบๆ มอง ด้วยหางตา เวลาผ่านกระจก ไม่กล้ามองโดยตรง ก็เลย คิดว่าตัวเอง น้ำหนักยังเท่าเดิม 95 ราวๆนี้แหละ ไม่มากไปกว่านี้หรอก ใช้ชีวิตเเบบนี้มา 3-4 ปี เห็นคนอื่น ลดน้ำหนัก เอ่อ!! น่าทำเนอะ ก็ทำครับ ทำได้ 2 วัน บ้าง 7 วันบ้าง สุดท้าย ก็บอกตัวเองว่า "จะเหนื่อยทำไม" กินมีความสุขจะตายไป ก็กินเเบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ผลที่ออกมา ก็ตามปากเลยครับ หลังๆ เริ่มจะไม่สนุก เดินเริ่มเหนื่อยบ้าง ใช้ชีวิตเริ่มยาก การขึ้นรถ ลงเรือ ลงลิฟท์ เริ่มมีปัญหาในการใช้ชีวิต

การออกกำลังกายหรอไม่เคยรู้จัก ไม่เคยคิดจะออกมาวิ่ง ไม่เคยออกมาทำอะไรเลย นั่งกิน ลุกๆๆ นั่งๆๆ กิน ๆๆ ชีวิตมีเเค่นี้
อาหารหลักก็พวกนี้หละครับ เป็ด บ้าง ไก่ทอด หมูย่าง อย่าถามว่ากินครั้งละเท่าไหร่ หมูย่าง 15 ไม้ เคยกินมาเเล้ว !!!!


เป็นไงครับการออกกำลังกาย เขาบอกท่าต้องมาก่อน ฮ่าๆๆๆๆ ในภาพนี้เป็นการออกกำลังกายครั้งเเรกนะครับ ทำได้ 3 วัน เลิก กินต่อ หยุดไป หลายเดือน


จนกระทั่งมหาลัย ปี 3 ผมเริ่ม เห็น กระทู้ในพันทิป จะรับปริญญา เค้าออกมา ลด น้ำหนัก เพื่อเป้าหมาย ในวันงานจะได้สวยๆ ผมก็เริ่มเลยครับ

เริ่มศึกษาการกินก่อนเลย ว่าเราควรจะกินอะไร ควรจะออกกำลังกายเเบบไหน ผมก็เริ่มเลยครับ.....
ก่อนเริ่ม สภาพนี้ดูไม่ได้เลยครับ เเต่ก็ ไม่ได้สนอะไร อยู่อย่างงี้ มานาน หลายปี ...


หลังจากที่ศึกษาเเละออกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 1 เดือนเเรก ผลก็ไม่ค่อยเเตกต่างครับ แต่ถ้าชั่งน้ำหนักจะรู้ว่า น้ำหนัก ลง มาเรื่อยๆ ช่วงเเรกๆที่เขาว่ากันว่า ลงง่าย ง่ายจริงๆครับ หลังจากนั้น เริ่มนิ่ง ที่เขาพูดกันมาถูกต้องหมดครับ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ ท้อสุดๆๆ เเต่เรายังมีความหวังครับ ทุกครั้งที่ ผมท้อผมจะนึกถึง คนที่เคยว่า เรา เลยคิดว่า เราเดินมาเเล้ว จะไม่กลับไป อีก

 

น้ำหนักตอนนี้ ประมาณ 95 ครับ เริ่มมีความหวังเล็กๆ ทุกๆๆวันกลับมา ทรมานมาก ปวดมาก เเต่ต้องทนไป อาหารการกินผมก็กินเเต่ อาหารที่ดีๆ เน้น ทำเอง ด้วยความที่ขี้เกียจ ทำไว้เลยทั้งอาทิตย์ครับ กินกันให้เบื่อไปเลย ........ ศึกษาตามเว็บเลยครับ ลองผิดลองถูกกันไป



การออกกำลังกายนั้นสำคัญ !!! เเทบตายครับ กว่าจะพ้นไปเเต่ชั่วโมงไม่สิครับ นาทีดีกว่า เป็นอะไรที่ทรมานสุดๆๆละครับ ดูจากรูป นอนอืดเลย... กำลังใจเต็มเลยครับช่วงนี้ เพื่อนๆๆมาดู ว่ามันทำอะไรของมันจะทำได้หรอ ความรู้สึกมันบอกได้เลย


ออกกำลังกายกันไปครับเเรกๆ ก็ไปวิ่งกับเพื่อนๆ อาจงอาจารย์ ก็มาครับเเรงพลักดันเล็กๆๆ ดันทุกวันครับ "ไอ้อ้วนวิ่งไหวไหม เร็วเข้า อีกรอบ"

น้ำหนักเริ่มลงมาเลยขอถ่ายหน่อยเก็บไว้เป็นความทรงจำบ้าง..


เมื่อเข้าเดือนที่สามก็เห็นความหวังชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ ความหวังที่อยากใส่ชุดสวยๆเท่ๆ เเบบเค้าบ้าง ปล ตัวนี้ยืมเพื่อนใส่ บังเอิญว่าใส่ได้พอดีเลย

หลังจากนั้นเราก็ทำเเบบเดิมๆ ซ้ำๆๆๆๆๆ ทำอยู่ครึ่งเดือน น้ำหนักเริ่มลงช้ามากๆๆ จน คิดว่า มันคงไม่ลงไปกว่านี้เเล้ว ชีวิตเริ่มท้อ ท้อมากครับ

จนวันนึงได้ดูรายการ What the fat เริ่มได้เห็นตัวอย่างจาก พี่จอร์จ ว่า ต้องทำยังไง บ้าง เป็นเพราะอะไร เรา ก็เลย เอาว่ะ!! ทำมันไปแบบนี้เหละ โดยมีพี่จอร์จ กับ พี่ฟ้าใส ดีเจภูมิ เลยครับ เป็น เเรงพลักดันสำคัญอีกครั้งเลยครับ

กลับมาเรื่องการกินอีกครั้งครับ ยิ่งศึกษายิ่งรู้ครับว่าเราควรกินอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง เริ่มกิน เป็นขึ้น ควรกินยังไง กินอะไรได้ไม่ได้ กลายเป็นโรคจิตเลยครับ อันนั้นไม่ได้อันนี้ไม่ได้ จนตอนนี้ตัวผมนั้นยังกินเเบบเดิมเเต่อาจมีหลุดบ้าง เเต่ เรา ก็ควบคุมปริมาณได้ จากคนที่กินอะไรก็ได้ คืออะไรที่กินได้เมื่อก่อนผมก็กินหมดละครับ ฮ่าๆๆๆ

ลืมเรื่องสำคัญไปเลยครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลย คือการกินน้ำครับ ควรกินให้พอนะครับ ของผมกินน้ำวันละ 2 ขวด 1.5 ลิตรนะครับ จิบไปทั้งวันเลยกินกันไปให้จุกครับ
จนมาถึงทางเดินทางสุดท้ายความหวังครั้งสุดท้าย มันก็ทำให้เรานั้นรู้สึกดีมากครับ ก่อนอื่นเลย ขอย้อนกลับไปเลย ตอนที่ผมน้ำหนักค่อนข้างเยอะ !! อ้วนนั้นเหละ คับ ผมไปเที่ยวอย่างมีความสุข เเบบคนอยากกินไรก็กิน อยากทำไรก้ทำ เเต่มีกิจกรรมกิจกรรมนึงทำให้ผมรู้สึกมีปม คือ "สักครั้งนึงจะต้องขี่ม้าให้ได้" เพราะครั้งที่ ผมหนัก จนท.ตะโกนมาเลยครับว่า น้อง!!!!!!!! หนักขึ้นไม่ได้ครับ พร้อมกับคนเป็นร้อย อับอายกันไปครับ จนมาวันนี้ผมจะขี่อะไรก็ได้ ไปถึงสวนสัตว์ผมเห็นม้า วิ่งหาม้าก่อนเลย ขอขึ้นก่อนเลยครับ มันเจ็บๆๆๆ เจ็บใจมากกกก

ชีวิตเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นทำอะไรก็เริ่มมั่นใจ เริ่มกล้าเดินผ่านกระจกเเล้วหยุดนิ่ง ไม่ต้องมองด้วยหางตาอีกต่อไป

จนมาถึงปัจจุบันนี้ ผมก็ได้ถึงเป้าหมายระดับนึงเเล้วครับ เเต่ก็ยังจะทำต่อไปเรื่อยๆไปตลอดชีวิต เพราะการมีความหวังในครั้งนี้ทำให้ผมมีประสบการณ์เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผม จากคนที่ทำอะไรก็อยากอยู่เเต่เบื้องหลังทุกๆ วันนี้ ขอเป็นเบื้องหน้ากับเค้าบ้างครับ

เเละก็ชีวิตทุกวันนี้ก็ยังเป็นเเบบนี้ ไม่สามารถหยุดได้เลย ทุกวันนี้ ที่ทำสำเร็จได้ก็มาจากพันทิปนี้เหละครับ เป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ สามารถที่จะสร้างเเรงบันดาลใจให้กับทุกๆ คนได้ ผมเป็นคนนนึงที่ทำได้จึงอยากจะมาสร้างกำลังใจ อาจไม่มากเเต่ถ้าผมทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : https://web.facebook.com/poom.lapamaneerat

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook