ถอดหน้ากาก 'หนึ่ง จักรวาล' ชีวิตจริงยิ่งกว่าดราม่า
ถ้าหาก I Can See Your Voice Thailand และ The Mask Singer เปรียบได้กับละคร ที่มี กันต์ กันตถาวร อยู่ในตำแหน่งนักแสดงนำ ก็คงสามารถกล่าวได้ว่าละครทั้ง 2 เรื่องนี้ สามารถส่งให้นักแสดงสมทบแทบทุกคนได้แจ้งเกิดอย่างสวยงามอีกครั้ง รวมถึง ‘จักรวาล เสาธงยุติธรรม’ หรือ หนึ่ง-จักรวาล ผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีมาเกือบทั้งชีวิต แต่ก็ยังไม่โด่งดังเป็นที่รู้จัก เท่ากับการที่เขาได้เป็นแก๊งนักสืบและเป็นคณะกรรมการของรายการดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะอยู่หน้าจอแล้ว หนึ่ง-จักรวาล ยังเป็นอีกคนที่ทำให้ปรากฏการณ์ The Mask Singer ประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้เรียบเรียงท่วงทำนองไพเราะติดหูสำหรับให้ผู้เข้าแข่งขันขับร้อง นั่นหมายความว่า ผู้ชมได้เห็นศักยภาพของชายคนนี้ อย่างครบเครื่อง และทำให้เขากลายเป็นขวัญใจมหาชน โดยที่ไม่ได้สวมบทบาทอะไรเลย นอกจากเป็นตัวเอง
คุณทำงานในวงการดนตรีมาหลายปี ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เท่ากับการได้มาอยู่หน้าจอในรายการ I Can See Your Voice Thailand และ The Mask Singer ถ้าบอกกว่า 2 รายการนี้แจ้งเกิด หนึ่ง-จักรวาล จะได้ไหม
จักรวาล: ก็ได้นะ จริงๆ ผมตั้งเป้าชีวิตตัวเองไว้แค่ว่า เป็นที่รู้จักของศิลปินทุกคนก็ พอแล้ว เพราะเราทำงานด้านดนตรี เราก็ควรต้องเจอกับกลุ่มศิลปิ นทุกค่าย ทุกแนว ทุกยุค เราต้องการแค่นั้น เพราะนั่นคือทางในการสร้างรายได้ที่เราจะนำมาเลี้ ยงครอบครัวได้ พอแล้ว เราไม่ได้กะว่าคนข้างนอกต้องมารู้จัก เราก็เจียมตัวนะ เราเป็นคนร้องเพลงไม่เป็น ในความเป็นจริง คนอย่างเราไม่สามารถมาอยู่ข้ างหน้าได้อยู่แล้ว
แต่พอมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว คุณพึงพอใจกับชีวิตตอนนี้มากน้อยแค่ไหน
จักรวาล: พึงพอใจจนน่ากลัวเหมือนกัน
หมายความว่า ถ้าวันหนึ่งที่คุณประเมินตั วเองว่าพอแล้ว ไม่อยากเดินไปไกลมากกว่านี้ คุณก็จะหยุด แบบนั้นหรือเปล่า
จักรวาล: มันก็ไกลมาสักระยะแล้วนะ ได้แค่นี้ดีใจมากแล้ว เพราะเราเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดไม่รู้เรื่อง เราเคยรับราชการเป็นครู เรารู้ตัวว่าเป็นคนพูดเร็ว ลูกศิษย์ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เด็กๆ ยังอำกันอยู่เลยว่าครูพูดไม่รู้เรื่อง บางทีแม่ยังถามเลยว่าเอ็ งไปสอนเขา เขาฟังรู้เรื่องเหรอ แรกๆ ที่มาอยู่หน้าจอก็คิดว่า คนทางบ้านจะฟังเรารู้เรื่องหรือเปล่าวะ มาถึงตรงนี้ได้คือเกินกว่าที่คิ ดไว้มากแล้ว เราก็คือนักดนตรีคนหนึ่งที่ใช้ ชีวิตปกติ เคยขับรถไม่เป็นยังไง ก็ยังขับรถไม่เป็นอยู่อย่างนั้น ไปไหนก็นั่งรถแท็กซี่ ถ้าใกล้ๆ ก็เดินเอา ยังปกติ
แต่เอาเข้าจริงเราว่าการมาออกหน้าจอทีวีก็เหมือนเป็ นการละลายพฤติกรรม หรือบำบัดคุณไปด้วยในตัว เช่นเรื่องที่พูดไม่รู้เรื่อง ทำให้คุณต้องบังคับตั วเองเวลาออกมาอยู่หน้าจอ ให้พูดรู้เรื่อง รวมถึงช่วยกระตุ้นเรื่องความไม่ มั่นใจที่ซ่อนอยู่ภายในด้วย
จักรวาล: ใช่ ผมเลยต้องพยายามพูดให้ช้าลง ต้องพยายามคิด แต่ไม่ใช่คิดคำพูดเพราะๆ นะ แค่คิดประเด็นที่จะพูดต่อไป เพราะทุกคนรู้ว่าถ้าพี่หนึ่งพู ดเพราะ พี่หนึ่งแม่งแสร้งละ ไม่ใช่พี่หนึ่ง พี่หนึ่งต้องพูดประมาณนี้ เราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ เราพูดเพราะไม่ได้ เด็กสลัมเนอะ ก็พูดแบบนี้แหละ
การทำงานอยู่หน้าจอ ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ เป็นคนดัง แต่คุณเป็นคนธรรมดา คาแร็คเตอร์ออกจะดูดุๆ เหมือนไม่ตลกเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ทุกคนปล่อยมุก มีสีสัน เป็นจุดเด่น คุณไม่กลัวว่าตั วเองจะจมหายไปเหรอ
จักรวาล: หูย! กลัวดิ ผมก็ทำใจว่าเราคงอยู่ไม่นาน อยู่แค่ขำๆ ไป ด้วยรายการมันต้องฮา แต่เราคงทำฮาๆ มากไม่ได้ เรารู้ตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหน
มุกตลกต่างๆ ที่เกิดขึ้น คือตัวตนของคุณเลยหรือเปล่า
จักรวาล: มุกแต่ละมุกที่เล่นออกไป มันเกิดสดๆ จากตรงนั้น มันเป็นไปตามธรรมชาติ ด้วยความที่อยู่ล้อมรอบด้ วยเอนเตอร์เทนเนอร์ แต่ละคนชงมาให้ ซึ่งถ้าชงมาแล้วเราเล่นได้ก็ ฮาดี ผมเคยพยายามอยู่เหมือนกันนะ เสิร์ชกูเกิลเตรียมมุกไว้เล่น มีอยู่ครั้งหนึ่งเตรียมไว้ดิบดี แต่กลายเป็นใบ้ซะอย่างนั้น คือเราลืม มันไม่ใช่ตัวตนเรา
มันไม่ทำให้หลังจากนี้คุณต้ องตลกไปตลอดหรอกเหรอ ไม่เช่นนั้นก็อาจไม่มีซีน
จักรวาล: อืม น่าคิดเหมือนกัน แต่ผมมองตัวเองว่าไม่น่ าจะตลกไปมากกว่านี้แล้ว พอเข้าโหมดซีเรียสเราก็จะซีเรียสนะ
คุณเป็นตัวแทนของคนที่บอกเราว่า คนที่เล่นดนตรีไม่จำเป็นต้องร้ องเพลงได้เสมอไป ซึ่งก็เหมือนกับผู้เข้าแข่งขั นในรายการ I Can See Your Voice Thailand ที่หลายๆ คน ก็เป็นนักดนตรี แต่ปรากฏว่าร้องเพลงเพี้ยน
จักรวาล: ใช่ ผมว่ายังมีอีกเยอะนะที่ไม่รู้ว่ าผมร้องเพลงไม่เป็น ถ้าผมเป็นนักร้องคือชีวิตพัง เพราะร้องเพลงไม่ได้เลย แต่เราดันรักเพลง รักดนตรี เรารู้ว่าร้องอย่างไหนดี ทำอย่างไหนดี แต่เราร้องไม่ได้ คนแบบนี้มีอยู่จริง
ในฐานะของผู้ที่นั่งอยู่ ในรายการ ทั้ง The Mask Singer และ I can see your voice คุณมองว่า 2 รายการนี้จะให้อะไรกับผู้ชม
จักรวาล: มันไม่ใช่แค่เรื่องสนุก ตลกโปกฮา แต่มันให้ข้อคิดเยอะมากนะ สำหรับ I can see your voice เราได้เรียนรู้คนจากคนจริงๆ ว่าคนแบบนี้เป็นยังไง บางคนดูโคตรจะเรียบร้อย แต่พอตอนเต้น เฮ้ย! ผีเข้า ซึ่งผมว่าเรื่องการเรียนรู้ คนเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะเราอ่านใจคนไม่ได้ แต่นี่เหมือนได้อ่านใจคนแล้วว่ าถ้าเสียงแบบนี้คบได้หรือเปล่า คุณพูดจริงจังหรือเปล่า หรือคุณตั้งใจมาหลอกเรา แสดงว่าชีวิตคุณแม่งละคร เป็นตัวละครอะไรก็ได้ ยิ่งคนที่แกล้งเราได้ แล้วเราทายผิด โห! คนนั้นน่ากลัวนะ
สำหรับ The Mask Singer ถ้ามองแค่ในมุมสนุก แค่คาดเดา ว่าเขาคือใคร มันก็ได้แค่นั้น แต่ชีวิตจริงๆ มันไม่ได้มีแค่นั้น ในชีวิตบางทีคนมันก็สวมหน้ ากากเข้าหากัน โดยเฉพาะวงการมายา มันคือการสวมหน้ากากใส่กัน แต่ว่าคุณจะอยู่ในสังคมอย่ างไรล่ะ เมื่อเจอคนที่ใส่หน้ากากเข้าหา คุณก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง คุณต้องอยู่ร่วมกับเขาให้ได้ อีกมุมหนึ่งคือเรื่องของดนตรี มันเป็นความรู้อย่างหนึ่ง เวลาคนทำเพลง อยากจะเป็นนักดนตรีอาชีพจริงๆ คุณต้องได้เรียนรู้ว่า คุณจะเรียบเรียงเพลงที่มีอยู่ แล้วในตลาดให้น่าฟังอีกครั้งได้ อย่างไร รายการนี้จะบอกสิ่งนั้นกับคุณ เพราะทุกเพลงที่ผมทำ บางเพลงเป็นเพลงที่ยาก เรามาทำให้มันง่าย บางเพลงเป็นเพลงที่ง่าย เรามาทำให้มันยาก มันก็เหมือนกับมีคนทำวิทยานิ พนธ์ให้คุณแล้ว อยู่ที่คุณจะสนใจหรือเปล่า
นอกจาก The Mask Singer และ I Can See Your Voice Thailand แล้ว คุณมีส่วนร่วมกับรายการอะไรในช่ องเวิร์คพอยท์อีกบ้าง
จักรวาล: มี Bao Young Blood ซึ่งก็ได้แชร์ประสบการณ์เหมื อนเดิม ยิ่ง Bao Young Blood จะเป็นดราม่าเยอะ คุณรู้ไหมกว่าเด็กคนหนึ่ งจะมาเล่นดนตรีตรงนี้ได้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง บางคนไม่มีเงินซื้อเครื่องดนตรี ไม่มีตังค์ ไม่มีเวลามานั่งซ้อม พ่อแม่ไม่สนับสนุน ปัญหาสารพัด แต่พอเรามานั่งในรายการนี้ ได้เห็นชีวิตของน้องๆ เราก็ได้แชร์ประสบการณ์ว่าสิ่ งที่น้องๆ คิดว่าโคตรจะดราม่านั้น พี่แม่งเจอมาหมดแล้ว พี่เข้าใจว่าน้องๆ ทุกคนอยากชนะ แต่ถ้าจะชนะวันนี้แค่เพลงเดียว ในชีวิตจริง น้องใช้เพลงนี้แค่เพลงเดียว หากินเลี้ยงครอบครัวได้เหรอ มันไม่ใช่ ชีวิตจริง คือ คุณไม่จำเป็นต้องชนะวันนี้ แต่ออกไปจากเวทีนี้ คือคุณได้พลัง ทำมาหากิน สร้างฐานะตัวเอง สร้างชีวิตตัวเองให้เป็นนั กดนตรีอาชีพจริงๆ แล้วเอาเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ที่พ่อแม่ส่งเรียน คืนพ่อแม่ให้ได้ แล้วเลี้ยงดูท่าน นั่นล่ะคือความสำเร็จ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าบนเวที นี้ เราจะกำชัยชนะได้ไหม ซึ่งก็เหมือนชีวิตผม ผมแข่งเวทีไหนก็แพ้ แต่ชีวิตจริงเราก็ทำให้เห็นว่า เราเลี้ยงแม่ได้จนวันนี้ เรามีบ้านให้แม่อยู่ มีครอบครัว มีทุกอย่าง จากคนที่อยู่ในสลัม มีชีวิตเป็นศูนย์ ไม่มีเงินเรียน ต้องเก็บขวด เก็บเศษเหล็กขาย เก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆ มาชั่งกิโลฯ ขาย แทบไม่มีบ้านอยู่ รอโดนเผาไล่ที่ ถามว่าชีวิตที่น้องบอกว่าลำบาก มันลำบากกว่าพี่หรือเปล่า น้องไม่ได้ครึ่งของพี่เลยเว้ย ทุกคนเห็นพี่ตอนนี้ อยากเป็นพี่ตอนนี้ ถ้าพี่ถามกลับว่าน้องอยากเป็นพี่ ตอนเด็กไหม พี่เชื่อว่าน้องๆ แม่งตายห่า เพราะแค่นี้น้องยังสู้ชีวิตไม่ได้เลย นี่คือประสบการณ์ชีวิตที่เราได้ แชร์ ซึ่งเราไม่รู้ว่าน้องๆ จะรับได้แค่ไหน แต่สิ่งที่เราพูดไปคือความจริ งทั้งหมด แล้วทุกคนต้องเจอ ทุกคนต้องข้ามตรงนี้ไปให้ได้
ในชีวิตประจำวันของคุณ นอกจากฟังเพลงแล้ว ดูรายการทีวีบ้างไหม
จักรวาล: ไม่ดูเลย ละครก็ไม่ดู ที่บ้านมีโทรทัศน์ 3-4 เครื่องก็ไม่เปิด ไม่มีเวลาดู ในคอมยิ่งไม่ได้ดูเข้าไปใหญ่ คอมมีไว้เพื่อเปิดทำเพลง แต่โซเชียลฯ ยังเล่นบ้าง คือ ผมเป็นคนที่เกิดมาฟังไม่ใช่เกิดมาดู ยิ่งเมื่อก่อนจะติดฟังเพลงแล้วซ้อมเยอะมาก แต่ตอนหลังพอมีลูก แทบไม่ได้แตะเปียโนซ้อมเลย ก็กลัวนะว่าฝีมือเราจะตกไปไหม แต่มันก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ที่เราจะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ว่าถ้าเราไม่ได้ซ้อมเลย เรายังจะทำงานด้านนี้ได้ไหม แล้วฝีมือจะตกไหม ปรากฏก็ค้นพบว่าจินตนาการไม่ได้ เกี่ยวกับที่เราต้องนั่งซ้อมนี่นา จินตนาการมาจากความสุข ถ้าเรามีความสุข แล้วสิ่งที่เราเก็บเกี่ยวมาตั้ งแต่เด็ก ที่เราซ้อมเยอะๆ มันจะพัฒนาตอนที่เรามีความสุข เราได้เล่นกับลูก ได้ยินลูกร้องเพลง พอลองเอาเมโลดี้ของลูกมาใช้งาน เฮ้ย! มันก็เพราะนี่ เลยเก็ตไอเดียเอาเพลงที่ลูกร้ องมาเป็นอินโทรเพลงใน The Mask Singer ต่อยอดไปอีก แล้วก็ทำให้เราทำเพลงเร็วขึ้น เป็นการฝึกเราไปด้วย เพราะถ้าทำเพลงช้า เราจะไม่มีเวลาอยู่กับลูก มันเหมือนมีข้อจำกัดว่าถ้ าทำเสร็จเร็วก็จะดูลูกได้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ลูกอย่างเดียวแม่ด้วย มันมีเงื่อนไขหลายอย่างในชีวิตเข้ามา
แต่ก็มีแอบดูผลงานของตัวเองบ้างว่าเป็นไง มีใครแอบด่ากูหรือเปล่าวะ ดูแค่นี้ (หัวเราะ)
อ่านเพิ่มเติม : เหตุได้ The Mask Singer จึงดังไกลไปเวทีโลก