เป้าหมายที่ยังไม่บรรลุของ ป๋าเต็ด - ยุทธนา บุญอ้อม
จุดเริ่มต้น
โห...เรื่องผมมันยาวมากเลยนะ เล่าเป็นวันก็ไม่จบ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี งั้นขอเริ่มเล่าจากตรงที่ ตอนแรกผมก็ทำงานในสายวิทยุนี่แหละตั้งแต่ออกมาจากมหาลัยนับรวม 30 ปี ก่อนจะมาเริ่มเป็นคนทำอีเวนท์เต็มตัวเมื่อมาทำงาน บิ๊กเมาท์เทนมิวสิคเฟสติวัลครั้งที่ 1 เป็นอีเวนท์เชิงธุรกิจโชว์ ซึ่งต่างกับตัวอื่นๆ ที่มีจุดประสงค์เพื่อโปรโมทรายการวิทยุ ก่อนหน้านั้นตอนผมอยู่คลื่นฮอทเวฟก็ได้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมรูปแบบรายการอย่างเช่น ฮอทเวฟมิวสิคอวอร์ด ประกวดวงดนตรีระดับมัธยม
การเป็นผู้จัดที่ต้องหาอะไรแปลกใหม่ เครียดมากขนาดไหน?
ผมไม่ได้มองว่าเราหาอะไรแปลกใหม่ตลอด จริงๆ แล้วเวลาทำงานมันทำให้เราเก่งขึ้นเสมอ อย่างตอนจัด บิ๊กเมาท์เทนครั้งที่หนึ่ง เราคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่พองานผ่านไปเราถึงเห็นว่าคนบ่นเรื่องนี้ อันนี้ไม่พร้อม ก็ทำให้เราเก่งขึ้นเพราะเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ครั้งที่สองเราก็ปรับปรุงข้อผิดพลาดนั้นๆ ซึ่งทำให้เกิดความแปลกใหม่ขึ้นโดยอันโนมัติ คนทำงานด้านนี้ต้องติดตามข่าวสารรอบตัว อย่างผมก็จะจัดตารางให้สามารถเดินทางไปดูเทศกาลดนตรีทั่วโลกอย่างน้อย 3-4 งาน ทุกปี การที่เราไปเห็น ไปเรียนรู้ว่าเขาทำอะไรที่เรายังคิดไม่ถึงก็สามารถนำมาต่อยอดได้ จะได้รู้ว่าบางอย่างเราทำอย่างเขาไม่ได้และบางอย่างเขาทำอย่างเราไม่ได้ ผมมองว่าคนเราถ้าไม่งี่เง่า ไม่ขี้เกียจ ไม่หยุดนิ่ง ทำตัวตามธรรมดาอย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น ยังไงมันก็เก่งขึ้นทุกวัน การทำงานทำให้เรามีประสบการณ์เพิ่มขึ้นเสมอ
"สำหรับผม ผมเชื่อเรื่องเดินทางสายกลางและคิดว่ามันปรับใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่มีอะไรที่ดีทั้งหมดและแย่ทั้งหมด ถ้าเรารู้จักแยกแยะและเลือกให้ถูก สามารถเอาไปใช้ได้กับทุกอย่าง แล้วเราจะรู้ว่าการเดินสายกลางให้เป็นมันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว"
ทุกวันนี้ป๋าเต็ดใช้ชีวิตได้อย่างที่ฝันหรือตั้งใจไว้แค่ไหน?
เป้าหมายผมคือนั่งเฉยๆ ที่ชายหาดแล้วมีสาวๆ MAXIM 20คนมาล้อมรอบ อันนี้ยังไม่บรรลุครับ แต่ว่าโดยทั่วไปแล้วผมคิดว่าผมเป็นคนโชคดี ได้ทำงานที่ตัวเองเลือก ไม่มีงานที่ถูกบังคับให้ทำ ผมรักในงานนี้ผมก็ได้ทำงานนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโชคดี ในขณะเดียวกันเราไม่ได้ทะเยอะทะยานมาก ไม่รู้สึกว่าต้องรีบ ต้องเร่ง ผมถือว่าตัวเองใช้ชีวิตมีความสุขตามอรรถภาพ
"เราต้องยอมรับฟังทุกคอมเมนท์ ที่สำคัญคืออย่าไปมีอารมณ์ร่วมกับคำวิจารณ์นั้น ไม่ว่ามันจะมีหรือไม่มีเหตุผลก็ตาม อันไหนมันไม่มีเหตุผลคือเขาอาจไม่เข้าใจงานเรา หรือไม่สนใจงานเรา ก็ถามว่าเราอยากให้เขามามั๊ย ถ้าอยากก็คิดต่อว่าจะทำ จะแก้ยังไงให้เขามา"