อาจารย์ "โบบิ" ปรมาจารย์แว่นหรูอันละ 10 ล้าน
"ชีวิตหายใจเข้าหายใจออกเป็นแว่น" วลีอาจารย์ "โบบิ-สมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ" ผู้อำนวยการศูนย์แว่นตาไอซอพติก (ISOPTIK) วัดสายตาประกอบแว่นตาระดับไฮเอนด์ ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคารเอราวัณ แบงค็อก ย่านราชประสงค์
ด้วยวัย 48 ปี อาจารย์โบบิคลุกคลีอยู่กับร้านแว่นตามาตั้งแต่ 7 ขวบ เรียนรู้กรรมวิธีด้วยตัวเอง ครีเอตสิ่งใหม่ให้กับวงการแว่นสายตา จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตาประกอบแว่นระดับปรมาจารย์ที่ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรสอนผู้ประกอบการในหลายประเทศ
"เขาเชิญผมไปสอนที่จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เดนมาร์ก เยอรมนี และฝรั่งเศส อย่างเยอรมนีเขามีเทคโนโลยี แต่เขามีปัญหา คือตรวจวัดสายตาประกอบออกมาเป็นแว่นแล้วมันไม่ได้ผลที่มันควรจะเป็น แล้วเขาแก้ปัญหาไม่ตก ผมเป็นคนเดียว คนแรกในโลกที่แก้ปัญหาได้ ที่เขารู้จักเราเพราะยอดขายเลนส์ระดับไฮเอนด์(RODENSTOCK) เขาตกใจตัวเลขออร์เดอร์เลนส์ ผมคนเดียวสั่งมากกว่าทั้งโลกรวมกัน เดือนละ 300 คู่ต่อเดือน"
การเดินทางไปหลายประเทศในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี่เอง ชื่อ "โบบิ" จึงกำเนิดขึ้นจากชื่อภาษาอังกฤษ "บ็อบบี้" พอไปสอนที่เมืองจีน ลูกศิษย์เรียก "โบ๋บี้" พอตามมาเมืองไทยก็เรียกเหล่าซือโบ๋บี้ ลูกศิษย์คนไทยได้ยินจึงพากันเรียก "โบบิ"
หากวัดจากยอดจำหน่ายแว่นตาของไอซอพติก ไม่ได้มีแค่เลนส์ที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่การวัดสายตาประกอบแว่นที่วัดค่าสายตาอย่างละเอียดลออระดับ 0.1 และทุกชิ้นล้วนเป็นงานแฮนด์เมด สิ่งนี้เองที่เป็นจุดขายให้เศรษฐียอมควักเงินเกือบ 10 ล้านบาทต่อการซื้อแว่น 1 อัน
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่อาจารย์โบบิคงคิดค้นปรับปรุงสูตรการวัดค่าสายตา และการหาชิ้นส่วนประกอบแว่นสายตาที่ดีที่สุดมานำเสนอลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่กล้านอกใจไปสวมแว่นสายตาจากร้านอื่น
"ลูกค้าบอกว่าสวมแว่นจากร้านผมแล้ว รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ เพราะน้ำหนักเบา และไม่ว่าจะกลอกตาไปทางไหนก็คมชัดทั้งเลนส์ บางคนลืมตัวว่าใส่แว่นอยู่ ขนาดอาบน้ำยังลืมถอดแว่น" อาจารย์โบบิเล่าสิ่งที่ลูกค้าสะท้อนให้ฟัง ถึงความพิเศษของแว่นตาระดับไฮเอนด์การันตีคุณภาพและราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไป
แว่นตาอาจารย์โบบิ ราคาสตาร์ตที่ 7 หมื่นบาท ถึง 9 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ยวันละ 1-5 ล้านบาท
เหตุที่ราคาสูงลิบอาจารย์โบบิมีคำตอบในความต่าง
"ต่างตรงที่มันเป็นเลนส์ตรวจวัด แล้วก็ผลิตเฉพาะบุคคล แว่นจะปรับเข้าหาตัวผู้ใช้ ไม่ใช่คนปรับเข้าหาแว่น คนใส่แว่นจะรู้ เวลาเปลี่ยนแว่นทุกครั้งจะต้องปรับตัว และบางครั้งแว่นใหม่ก็ห่วยกว่าแว่นเดิม สุดท้ายต้องทิ้งแว่นใหม่ก็มี และหลายครั้งก็เป็นอย่างนั้น ผมบอกลูกค้าว่า อย่าเอาสมองมาเสียเวลากับการมองเห็นใช้แว่นทำงานแทน ส่วนสมองเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
ดังนั้น กว่าจะได้แว่นแต่ละอันต้องใช้เวลามากทีเดียว นับตั้งแต่การวัดสายตาที่ต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ใช้เวลาประกอบ 2 เดือน บางคนต้องรอนานถึง 6 เดือนก็มี
อาจารย์โบบิบอกว่า มีหลายคนที่พยายามลอกเลียนแบบ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก
"เริ่มจากการซักประวัติ วิเคราะห์พฤติกรรม การคัดกรอง การรับรู้สี การสแกนตา กระจกตาด้านนอก ด้านใน ไปจนถึงจอรับภาพ สำคัญที่สุด คือการอ่านค่าสายตา แม้จะเป็นเครื่องมือตัวเดียวกัน แต่ถ้าอ่านไม่เป็นก็ทำไม่ได้ อย่าง 1 เครื่อง ข้อมูลออกมา 100 กว่าตัว บางคนจะหยิบไปใช้ตัวสองตัว แต่ผมจะหยิบมาเกือบหมด ประเด็น คือทำให้คุณปู่นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์วันหนึ่ง 18 ชั่วโมงได้สบายกว่าเราอีก มันถูกออกแบบมาอย่างนั้น"
จึงเป็นแว่นตาที่ผลิตเฉพาะบุคคล แม้วัสดุจะคล้ายกับแบรนด์อื่น ๆ แต่จะต่างกันที่ซอฟต์แวร์ที่ใช้เขียนเลนส์ คือเลนส์ทั่วไปจะเป็น 2 แบบ คือเอียง สั้น แต่ของผมจะสแกนทีละจุด จะมีกำลังเลนส์ต่างกันเป็นล้านจุดอยู่ข้างใน ไม่ว่าเราจะเหลือบมองไปทางไหนจะได้ความคมชัดที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด"
จุดเด่นอีกอย่างที่อาจารย์โบบิภูมิใจนำเสนอ คือกรอบและขาแว่นที่น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย สั่งผลิตเฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับความต้องการ ราคาเลนส์อยู่ที่ 4 หมื่นถึง 4 แสนบาท ส่วนกรอบแว่นอยู่ที่ 3 หมื่นถึง 9 ล้านบาท (มีพิงก์ไดมอนด์ติดอยู่ก้านละชิ้น) ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าอยากได้แบบไหน
สำหรับลูกค้าเป็นคนไทยและชาวต่างชาติอย่างละครึ่ง ต้องเรียกว่าเป็นลูกค้าระดับมหาเศรษฐีทั้งนั้น ที่สั่งตัดกันคนละ 2-20 อัน กรณีที่ลืมหรือเกิดชำรุดขึ้นมา สามารถส่งซ่อมได้ฟรี ระยะเวลาประกันขึ้นอยู่กับราคา มีตั้งแต่ 2-10 ปี
ลูกค้าไฮเอนด์ อาทิ จุไรรัตน์ ดิศกุล ณ อยุธยา, จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี, ปรีชา ประกอบกิจ กก.ที่ปรึกษา บ.แอมเวย์ ประเทศไทย, กรัณย์พล อัศวสุวรรณ
อาจารย์โบบิกล้าการันตีถึงคุณภาพความคมชัดของแว่นตา "ไอซอพติก" ว่าคมชัดกว่าการทำเลสิกที่อาจจะมีขอบฟุ้ง ๆ รอบ ๆ
นอกจากนี้ยังมีแว่นสายตาสำหรับนักเล่นหุ้นสูงวัย สามารถดูกระดานหุ้นทีเดียวได้ 10 จอ โดยแว่นจะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพการปรับโฟกัสภาพให้เห็นชัดได้เร็วกกว่าปกติ
แต่กว่าที่อาจารย์โบบิจะพลิกร้านแว่นตาธรรมดา ๆ ให้ขึ้นมาเป็นร้านแว่นระดับไฮเอนด์ได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องสั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่รุ่นพ่อ เป็นนายห้างเมืองตรัง อาศัยฐานลูกค้าเดิม และการประกอบแว่นตาที่มีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะย้ายมาราชประสงค์ได้ 7 ปีแล้ว ลูกค้าก็ยังตามมา
"มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็กำลังช่วยพ่อทำงานอยู่ ลูกค้าเดินมาพูดกับพ่อว่า นายห้าง แว่นที่นายห้างทำให้ผมใส่นี้สบาย ใส่ดีมาก ไปทำไปซื้อที่ไหนก็ไม่เหมือน ใส่ไม่สบายเท่า การที่อยู่เชียงใหม่นั่งเครื่องบินมาลงกรุงเทพฯ กรุงเทพฯมาตรังไม่ใช่ปัญหา ผมจ่ายได้ แต่ถ้านายห้างตายไป ใครจะทำแว่นดี ๆ แบบนี้ให้ผมใส่
พ่อก็ชี้มาที่ผม บอกว่า ถ้าพ่อตาย ลูกชายจะทำแว่นดี ๆ ให้ท่านใส่ ไม่ต้องห่วง คำพูดของพ่อ ผมเก็บไปฝันว่า คนทั้งโลก กษัตริย์ ประธานาธิบดี นายพล จากทั่วโลกนั่งเครื่องบินมาเข้าแถวรอทำแว่นกับผม เมื่อไปเล่าความฝันให้พ่อฟัง พ่อบอกว่า ถ้าเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่นั้นมา ผมก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องทำแว่น ว่าทำยังไงจะทำออกมาให้ได้ดีที่สุด ตั้งแต่ 7 ขวบเลย"
ผ่านไป 30 กว่าปี สูตรการทำแว่นฉบับอาจารย์โบบิจึงกำเนิดขึ้น แบบลับเฉพาะที่ "ไอซอพติก" ราชประสงค์เท่านั้น ส่วนธุรกิจครอบครัวยังมีสาขาที่ จ.กระบี่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ราคาไม่ได้สูงขนาดนี้ เพราะใช้เทคโนโลยีคนละตัวกับที่นี่
สำหรับคนทั่วไปที่ได้แต่อ้าปากค้างกับราคาสูงลิบ ในอนาคตอาจจะมีแว่นตาดี ๆ ราคาไม่แพง หากอาจารย์โบบิถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์ครบ 100 คน ราคาอาจจะถูกลงก็เป็นได้
แต่ตอนนี้ราคาแพงหน่อย เพราะ "ผมทำเองคนเดียว"