น้ำยาล้างห้องน้ำ เวลาสี่ปี กับหญิงสาวที่ชื่อส้ม โดย หมอหมีผู้เหี้ยมโหด

น้ำยาล้างห้องน้ำ เวลาสี่ปี กับหญิงสาวที่ชื่อส้ม โดย หมอหมีผู้เหี้ยมโหด

น้ำยาล้างห้องน้ำ เวลาสี่ปี กับหญิงสาวที่ชื่อส้ม โดย หมอหมีผู้เหี้ยมโหด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ น้องส้มลองเขียนหนังสือดูไหมครับ พี่รู้จักสำนักพิมพ์อยู่หลายที่ “

…คำพูดของผมที่พยายามให้กำลังใจ ‘น้องส้ม' คนไข้คนหนึ่งของผมให้ลุกขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจตัวเองอย่างเช่นเคย

“ หนูเขียนไม่ได้หรอกค่ะหมอ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง “

…ไม่เป็นไรครับส้ม วันนี้พี่เขียนให้ส้มเองครับ...

ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม หญิงสาวสวยคนหนึ่งวัย 25 ปี มีปากเสียงทะเลาะกับแฟนหนุ่มด้วยเรื่องที่เธอไม่เคยเปิดเผยให้ใครฟัง การทะเลาะครั้งนั้นลงเอยที่ห้องน้ำของเธอ

ส้มตัดสินใจทำสิ่งที่เธอต้องย้อนมองกลับมาเสียใจภายหลัง ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อดังสีม่วงเข้าไป...

แม้ความแสบร้อนของน้ำยาที่ดื่มเข้าไปจะทรมานสักแค่ไหน แต่ก็ไม่เท่ากับความทุกข์ในใจของเธอ ส้มฝืนทนกลืนน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปหลายอึกด้วยความเสียใจคิดประชดแฟนหนุ่ม

น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ทำร้ายร่างกายของเธอจนบอบช้ำ กัดกร่อนเนื้อเยื่อตั้งแต่ช่องปาก หลอดอาหารจนถึงกระเพาะ สร้างความเจ็บปวดแสบร้อนในอกตลอดระยะทางที่เธอถูกนำส่งโรงพยาบาล

เมื่อถึงโรงพยาบาลกระบวณการช่วยชีวิตต่างๆ สามารถช่วยให้สัญญาณชีพของเธอคงที่ ปลอดภัยเพียงพอที่จะส่งตัวไปส่องกล้องเพื่อตรวจดูความรุนแรงของการบาดเจ็บในหลอดอาหารและกระเพาะ

จากการส่องกล้องเข้าไปดู เนื้อเยื่อในหลอดอาหารและกระเพาะถูกน้ำยาล้างห้องน้ำกัดกร่อนจนไหม้ดำ แต่ยังไม่มีลักษณะที่บ่งชี้ว่าทะลุ จึงให้การรักษาแบบประคับประคอง รอเวลาให้ร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวเพื่อการผ่าตัดรักษาในภายหลัง

แม้การอักเสบของหลอดอาหารและกระเพาะเริ่มดีขึ้น หลอดอาหารที่เคยทำหน้าส่งผ่านอาหารจากปากลงสู่กระเพาะ ก็มีอาการตีบจากพังผืดซึ่งเป็นผลพวงของการอักเสบ แค่การกลืนน้ำลายยังเป็นความลำบากในชีวิตของเธอต้องคอยบ้วนน้ำลายทิ้งตลอดเวลา การกลืนอาหารที่ง่ายดายสำหรับคนธรรมดาอย่างเราก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ทำให้ต้องรับอาหารเหลวทางสายยางที่ต่อตรงเข้าสู่ลำไส้เล็ก เฝ้ารอความหวังว่าการผ่าตัดจะช่วยให้เธอกลับมาเป็นหญิงสาวที่ร่าเริงตามเดิม

เมื่อออกจากโรงพยาบาลไป เธอก็ยังพยายามใช้ชีวิตของหญิงสาววัยรุ่นตามปกติ ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และลิ้มลองรสชาติอาหาร แม้จะไม่สามารถกลืนได้เพราะหลอดอาหารตีบ น้องส้มก็ใช้วิธีเคี้ยวเพื่อรับรู้รสชาติแสนอร่อย ก่อนที่จะคายทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เธอได้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อนำเอาหลอดอาหารที่ตีบตันและใช้งานไม่ได้ออกทั้งหมดรวมถึงกระเพาะอาหารที่โดนเผาไหม้จากน้ำยาล้างห้องน้ำ และตัดส่วนลำไส้ใหญ่โยกย้าย ผ่านทางช่องในทรวงอกขึ้นมาต่อที่คอ เพื่อทำงานทดแทนหลอดอาหารเดิม...และมีชีวิตอย่างเช่นคนปกติ

หลังผ่าตัดเธอนอนพักฟื้นในห้องผู้ป่วยวิกฤติ หรือ ICU อยู่นานเป็นสัปดาห์ มีปัญหาเรื่องหายใจเองไม่ได้ ต้องหายใจผ่านท่อช่วยหายใจที่ต่อกับเครื่องอยู่นาน จนต้องทำการเจาะคอเพื่อให้หายใจทางคอได้

แต่ความฝันทุกอย่างที่จะกลับมามีชีวิตปกติก็มาพังทลายลง เมื่อลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอ กลับมีการตีบและรั่วเนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีภาวะขาดสารอาหาร และมีการติดเชื้อร่วมด้วย

พลังชีวิตวัยสาวของเธอถูกใช้ไปอย่างมากมาย เพื่อให้เธอรอดชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แม้จะรุนแรงและอันตราย แต่ด้วยความที่ยังมีอายุน้อย ร่างกายสามารถต่อสู้กับภาวะที่วิกฤติเช่นนี้จนผ่านมันมาได้ แต่สภาพร่างกายก็ทรุดโทรมซูบผอมลง ต้องหายใจทางรูเจาะคอ ไม่สามารถกลืนอาหารได้เพราะลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอตีบตันไปหมดแล้ว ต้องได้รับอาหารทางสายยางให้อาหารที่ท้องอยู่เป็นหลัก

ซ้ำร้ายยิ่งกว่า เมื่อน้องส้มมีของเหลวปนอาหารไหลซึมออกมาที่รูแผลหน้าท้องแห่งใหม่ คาดว่าเกิดจากลำไส้เล็กอีกแห่งหนึ่งที่รั่วจนเกิดทางเชื่อมต่อที่หน้าท้อง ของเหลวปนอาหารเหล่านี้ไหลซึมออกมาทางแผลที่หน้าท้องตลอดเวลาจนทำให้ผิวหนังรอบๆแดงแสบ ต้องเอาถุงครอบลำไส้มาปิดเอาไว้เพื่อกักเก็บของเหลวเหล่านี้

ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องนอนโรงพยาบาลยาวนานนับปี เพื่อรักษารูรั่วจากลำไส้ที่หน้าท้อง และให้น้ำและสารอาหารทางเส้นเลือด

ภาพคุ้นตาที่พวกเรามักจะเห็น คือ หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ยิ้มร่าเริง เดินไปมาทักทายหมอและพยาบาลทุกคนในหอผู้ป่วย เพราะสนิทและคุ้นเคยกันมานาน น้องส้มมักจะซื้ออาหารที่เธอชอบ เช่น พิซซ่า ซาซิมิปลาแซลมอน และไก่ทอด KFC มารับประทานด้วยการเคี้ยวรับรสชาติแล้วคายทิ้ง

ผมชักชวนเธอหลายต่อหลายครั้งให้เขียนหนังสือในระหว่างที่นอนโรงพยาบาล บอกเล่าเหตุการณ์ในชีวิตของเธอ เพื่อเตือนใจคนอีกหลายคนบนโลกใบนี้ถึงความร้ายกาจของน้ำยาล้างห้องน้ำ ผมแอดเฟสบุคและไลน์ของน้องส้มเพื่อกระตุ้นบอกให้เธอเขียนหนังสือเล่าเรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ น้องส้มได้แต่ตอบผมเสมอว่า ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไรดี

ตลอดมาช่วงเวลาที่น้องส้มนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมเคยเห็นเพื่อนของน้องส้มมาเยี่ยมเยียนไม่บ่อยนัก แต่คนที่มาเยี่ยมน้องส้มอย่างสม่ำเสมอที่สุด คือคุณแม่ของเธอ

น้องส้มผ่านการผ่าตัดซ่อมแซมลำไส้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อตัดส่วนลำไส้ที่รั่วมีปัญหาอันเดิมออกไป ก็จะมีลำไส้รั่วใหม่เกิดขึ้นทุกครั้ง จนล่าสุดการผ่าตัดไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป

ภายในช่องท้องที่ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง เกิดผังพืดรัดลำไส้ทุกส่วน จนไม่สามารถแยกได้ว่าส่วนใดต่อกับส่วนใด คล้ายกับสายยางที่คดพันไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ ยิ่งพยายามจะแยกก็ยิ่งมีเลือดออก ครั้งนี้มีส่วนของลำไส้ที่รั่วออกมา ทำให้ของเหลวปนอาหารบางส่วนรั่วออกมาอยู่ในท้อง ทำให้เธอติดเชื้อในกระแสเลือดอีกครั้ง

…และมันก็เป็นการติดเชื้อครั้งสุดท้าย ร่างกายที่ทรุดโทรมลง พลังชีวิตทั้งหมดถูกใช้ไปจนหมด การติดเชื้อทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ร่างกายของเธอร้อนดุจไฟด้วยไข้ที่ไม่เคยลดลง

วันหนึ่งที่ผมเข้าห้องผ่าตัดอยู่ เธอส่งข้อความมาหาผมว่า เธอปวดมาก อยากได้ยาแก้ปวดแบบฉีด ซึ่งผมก็สั่งยาให้เธอตามที่ร้องขอ คาดว่าอาการติดเชื้อในช่องท้องเริ่มเป็นมากขึ้น ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการของเธอได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด เย็นวันนั้นเธอส่งข้อความในไลน์มาหาผมอีกครั้ง ขึ้นบนจอมือถือแบบที่สามารถอ่านได้แม้จะไม่ต้องกดเข้าไปอ่านก็ตาม

“ …หนูเครียดอยากกลับบ้าน “

ข้อความสุดท้ายที่น้องส้มส่งมาหาผม เหมือนเป็นนัยที่สื่อถึงเหตุการณ์ที่จะตามมาภายหลัง ผมไม่เคยกดเปิดอ่านข้อความนี้เลย อาจเพราะผมสามารถอ่านได้จาก Preview อยู่แล้ว หรือเพราะความสงสารน้องส้มจนไม่อยากเปิดอ่านข้อความ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ

ร่างกายที่บอบช้ำ ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง ลมหายใจที่รวยรินอ่อนแรง กับหัวใจดวงหนึ่งที่ต่อสู้มาตลอดสี่ปี กำลังอ่อนล้าจนเต้นไม่เป็นจังหวะ บีบสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วทั้งร่างอย่างสุดกำลัง เพื่อจะประคองความดันโลหิตที่กำลังลดต่ำลงทุกขณะนาที จนในที่สุดคืนนั้นหัวใจดวงน้อยๆของเธอก็หยุดนิ่ง น้องส้มได้หลับพักผ่อนจากการต่อสู้อันยาวนานหลายปี

...น้องส้มถูกรับตัวกลับบ้านอย่างสงบในวันต่อมา ไม่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานอีกต่อไป

ผมนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดแทนน้องส้มผู้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไร เพื่อบอกเล่าถึงร้ายกาจของการกลืนกินน้ำยาล้างห้องน้ำ และความทุกข์ทรมานของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาสี่ปี หลังจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปเพียงชั่ววูบ

หากคุณพบคนรู้จักของคุณคิดตัดสินใจผิดพลาดแบบน้องส้ม โปรดอย่าทำให้อาเจียนเพราะจะทำให้น้ำยาล้างห้องน้ำไหลย้อนกลับมากัดกร่อนและเสี่ยงต่อการสำลักลงปอด อย่าให้ดื่มน้ำ, นม หรือไข่ขาวใดๆ รีบล้างทำความสะอาดคราบน้ำยาบนเสื้อผ้าและลำตัว แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

และหากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับใครสักคน ได้โปรด “แชร์” บทความนี้ออกไป เพื่อเตือนใจใครหลายๆคนเหล่านั้นไม่ให้ตัดสินใจผิดอย่างเช่นน้องส้มอีกเลย

//หมอหมีผู้เหี้ยมโหด
Http://www.facebook.com/darksidesurgeon

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook