"Dress for Success" แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จริงหรือไม่?
วัฒนธรรมการแต่งตัวของคนอเมริกัน บางครั้งถูกมองว่าเป็นแนวทางสบายๆ หรือ “casual” และคนตามเมืองเล็กของสหรัฐฯ จำนวนมากไม่เน้นกระแสแฟชั่นอย่างคนเมืองใหญ่ แต่มีสไตล์ของคนเองเช่น แนวคันทรีย์
แต่หากเป็นเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม สำหรับการทำงาน คนอเมริกันติดคำว่า “dress for success” หรือแต่งตัวเพื่อความสำเร็จ และ “dress to impress” หรือแต่งตัวเพื่อสร้างความประทับที่ดี
ทาร่า ลุยซี่ ผู้ชำนาญการเรื่องเครื่องแต่งตัวที่กรุงวอชิงตัน ให้ข้อแนะนำเรื่องการแต่งตัวเพื่อเปิดทางสู่ความสำเร็จ ว่าคนที่เราพบปะมักจะใส่ใจฟังความคิดเห็นเมื่อเราแต่งตัวดี ดังนั้นเธอบอกว่า เมื่อใดที่คุณเดินออกจากบ้านควรทราบถึงอิทธิพลของเสื้อผ้าว่าอาจนำเราไปสู่เรื่องดีๆ ได้
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขตเออร์แบนา - แชมเปญจน์ ศึกษาผลต่อการทำงานจากการแต่งตัวเรียบร้อยเป็นทางการ กับการใส่เสื้อยืดกับรองเท้าแตะ
งานประเภทแรกทดสอบเรื่องเกี่ยวกับการเจรจา ผลปรากฏว่ากลุ่มผู้ร่วมวิจัยที่มาในมาดภูมิฐาน เป็นนักเจรจาที่ผลักดันให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากลุ่มที่แต่งตัวคล้ายกับอยู่บ้านที่ยอมรับเงื่อนไขในการเจรจาอย่างง่ายๆ
และผู้แต่งตัวเรียบร้อยยังทำงานประเภทที่สองดีกว่าด้วย ซึ่งภารกิจนี้เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่ต้องมองภาพรวมของงาน คนใส่สูทสามารถตีโจทย์ในภาพใหญ่ได้ดี อย่างคนระดับเจ้านาย
ส่วนกลุ่มที่แต่งตัวสบายๆ ทุ่มเทความพยายามไปที่การแก้ไขปัญหาจุดเล็กๆ ซึ่งเป็นงานของคนตำแหน่งรองลงมา
ทาร่า ลุยซี่ บอกว่าเครื่องแต่งตัวเป็นเหมือนเกราะที่สร้างความมั่นใจให้แก่เรา และไม่แปลกใจว่าในวันใดที่เราใส่ชุดที่ชอบ ย่างก้าวของเราจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เธอให้คำแนะนำเรื่องการแต่งตัวไปสอบสัมภาษณ์ด้วยว่า ควรใส่ชุดที่ไม่ดูแตกต่างไปจากภาพรวมขององค์กร ควรเลือกชุดที่ดูใหม่ และอย่าปล่อยให้รองเท้าดูสกปรก
สำหรับสุภาพสตรี ทาร่า ลุยซี่ เตือนว่าไม่ควรใส่น้ำหอมฉุน และเครื่องประดับมากเกินไปในวันสัมภาษณ์งาน
ท้ายสุดเธอให้คำแนะนำถึงการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีให้เลือกมากในยุคปัจจุบันว่า ให้จำคำว่า “less is more” คือมีให้น้อยแต่ใส่แล้วให้ผลด้านบวกมาก นั่นคือเลือกซื้อตามคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ
(รายงานโดย ห้องข่าววีโอเอและสำนักข่าวต่างประเทศ / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)