“แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน” เมล็ดพันธุ์แห่งความฟินของ ‘รัศมีแข’

“แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน” เมล็ดพันธุ์แห่งความฟินของ ‘รัศมีแข’

“แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน” เมล็ดพันธุ์แห่งความฟินของ ‘รัศมีแข’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดาราหน้าใหม่ผู้ชายนะยะคนนี้น่ารู้จัก! ตามพาสปอร์ตสวีเดนเธอชื่อ ‘เจมส์ ฟอเกอร์ลุนด์’ / ตามพาสปอร์ตไทยเธอชื่อ ‘แจ่ม ฟ้าเกื้อล้น’ ส่วนชื่อในวงการบันเทิงไทยคือ ‘รัศมีแข’ / ลูกครึ่งไทย-อเมริกันคนนี้เกิดที่เมืองไทยจนอายุ 10 ขวบเธอก็เดินทางไปเรียนต่อที่สวีเดนและกลับมาเป็นนักแสดงในเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้ แต่! อาจจะด้วยความแปลก อาจจะด้วยความสามารถ หรืออาจจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คนดูมีความสุขก็ส่งผลให้ ‘รัศมีแข’ กลายเป็นดาราหน้าใหม่ที่มีผลงานน่าจับตามองอยู่ในขณะนี้

แต่หลังม่านฮาเฮของสาวร่างใหญ่บึกบึนนี้ ‘รัศมีแข’ คือคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดความอ่านเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย เอาเรื่องชนิดที่ทำให้เราเริ่มสงสัยในระบบการศึกษาของไทย สงสัยในพฤติกรรมของคนในสังคม สงสัยต่อความเจริญเติบโตของประเทศชาติ และสงสัยเกี่ยวกับการทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างแท้จริง

ถ้าคุณไม่ได้เป็นพวก ‘เกลียดตุ๊ด’ และ ‘รักที่จะเรียนรู้’ เราอยากให้คุณรู้จักอีกด้านของหญิงร่างใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘รัศมีแข’   

เห็นช่วงนี้มีคนที่ชื่นชอบรัศมีแขมากขึ้นเรื่อยๆ คุณคิดว่าอะไรคือแรงดึงดูดที่ทำให้คนเหล่านั้นมาชอบคุณ 

น่าจะเป็นภาพลักษณ์ของเราโดยรวม คือภาพลักษณ์ของแขเนี่ยเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แถมยังเป็นเพศที่สามอีก แต่ว่า Attitude ของเรามันเป็นตุ๊ดไทย (ทำท่าฟรุ้งฟริ้ง) ง่ายๆ  คือลองสังเกตว่าเมื่อมีฝรั่งคนหนึ่งเดินมา แล้วฝรั่งคนนั้นพูดว่า “สวัสดีครับ” มันเฉยๆ นะ แต่ถ้าพูดว่า “สวัสดีฮร้า” เฮ้ย! มันคืออะไร มันมีความแปลก โดยรวมมันดูน่ารักดูลงตัว เราจะออกแนวฟรุ้งฟริ้งมาก ออกแนวเกาหลีเป็นเจ้าหญิง ถ้าเทียบคาแร็กเตอร์ก็จะประมาณเราเป็นนางสนมที่ต้องต่อสู้จนสุดท้ายได้เป็นพระมเหสี (หัวเราะ) 

เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนอยู่สวีเดนเจอคนเหยียดผิวเหยียดเพศ ถามหน่อยว่าอยู่เมืองไทยเราเจอบ่อยไหม แรงแค่ไหนเมื่อเทียบกัน

ต่างประเทศมันมีอยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นคนกลุ่มน้อย แต่พอมาอยู่เมืองไทยปุ๊บมันเป็น Uncontrol เป็นคนกลุ่มใหญ่เลย Control ไม่ได้ อย่างเรายืนอยู่ก็มีคนพูด “เฮ้ย! ดำอ่ะ” คือคุณ! มันมีตั้ง 5 ทวีปนะโลกนี้ คนมันไม่เหมือนกันทุกคนคุณเข้าใจด้วย คุณเปิดตามองโลกหน่อย มันไม่ได้มีฝรั่งขาว คนไทย หรืออาตี๋ 

 ตอนกลับมาเมืองไทยเราเจอแบบนี้เราไม่อยากอยู่เลย เกลียดคนไทยไปพักนึง คือเขามาต่อว่าเราต่อหน้า “เฮ้ย! นิโกร” อะไรแบบนี้ ซึ่งคำนี้แรงมาก ในวงการบันเทิงก็มีล้อเราบ้างว่าตุ๊ดนิโกร แต่มันดูไม่แรงไง แต่เมื่อคนภายนอกมาพูดแล้วหัวเราะเสียงดังๆ เราสัมผัสได้เลยถึงเจตนา ซึ่งตอนนั้นเรายังเป็น Nobody อยู่ เราไม่รู้จักกันเลยนะ ด้วยหลักสิทธิมนุษย์เมื่อเราไม่รู้จักกันคุณมาตะโกนใส่อย่างนั้น เราไม่โอเค!  

ในแง่พฤติกรรมของคนไทยกับเรื่องเพศที่สาม เท่าที่รัศมีแขเจอมาคิดว่าเป็นยังไง เราเอากะลาครอบตัวเองอยู่ไหมในเรื่องนี้ 

ไม่! เราไม่ได้เอากะลาครอบตัวเอง แต่แขกลับมองว่ามันเป็นสังคมที่น่าเสียดาย ด้วยประชากรทั้งหมดที่เรามี ด้วยสิ่งที่ประเทศไทยมี แขคิดว่ามันเป็นคนบางกลุ่มที่เขาต้องการให้คนในประเทศไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอ เพราะแขเชื่อว่าเรื่องพวกนี้ถ้าคนที่เรียนหนังสือมาเขาจะรู้ว่าฮิตเลอร์คืออะไร การเหยียดสีผิวคืออะไร แต่แขมั่นใจว่าในประเทศไทยยังมีคนอีกเยอะที่ยังไม่รู้ 

เมื่อก่อนเราจะโกรธคนที่ว่าเรา แต่ตอนนี้เราหันไปมองเรื่องการพัฒนาของคนในประเทศเราว่าเด็กถูกสอนมายังไงที่โรงเรียน เพราะแขเรียนสวีเดน แขรู้ว่าที่เราซึมซับและได้มาเขาต้องการให้เป็นประชาชนที่มีคุณภาพ อันนี้พูดถึงในส่วนที่สัมผัสมานะ อย่างเรื่องเหยียดสีผิวนี่ทุกคนจะได้เรียน ทุกคนจะรู้ว่าฮิตเลอร์คืออะไร สัญลักษณ์นาซีคืออะไร แล้วก็จะถูกหลอมให้เคารพสิทธิมนุษย์ของแต่ละคน แล้วเราจะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปย่างกรายเขาเลยนะ เราคิดกับเขาได้แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปพูดต่อหน้าเขา เพราะมันผิด มันเป็นการไปทำร้ายอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ควรทำ และเขาสามารถฟ้องร้องได้  

การศึกษาเราผิดพลาดเหรอในเรื่องการสอนให้เคารพสิทธิมนุษยชน 

แขเชื่อว่าเด็กไทยน้อยคนที่จะรู้เรื่องการเหยียดสีผิว เอาอย่างนี้ ทำไมเราเห็นเด็กทำผิดเยอะแยะไปหมด เพราะเขาไม่ได้ถูกหลอมตั้งแต่เด็ก แขบอกได้เลยว่าเรื่องพวกนี้เด็กไม่ผิด แต่มันอยู่ที่ผู้ใหญ่ แล้วพอมันอยู่ที่ผู้ใหญ่มันก็ขึ้นอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งที่ดูแลประชาชน เพราะฉะนั้นคุณทำอะไรอยู่ 

แน่นอนว่าเรื่องของการดูถูกดูแคลนคนที่ด้อยกว่านั้นก็ยอมรับว่ามันอยู่ในสังคมของเรามานาน คนรุ่นนี้อาจจะแก้ไขยาก แต่สำหรับคนรุ่นต่อไป คุณคิดว่าจะบอกอะไรพวกเขา 

ถามว่าพูดว่ายากไหม มันยากไปแล้ว เพราะมองอารมณ์ของเด็กไทยทุกวันนี้ ทุกอย่างมันโซเชียลหมด การไปโรงเรียนก็เหมือนเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง ถามว่ามันเปลี่ยนยากไหม มันยากมาก แค่สอนให้คนรู้จักผิดกับถูกมันก็ยากแล้ว แต่ถามว่าทำได้ไหม นั่นต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ก็คือสังคมที่โรงเรียน เพราะมันเป็นสังคมคนอีกรุ่นที่มาอยู่ด้วยกัน แล้วก็พยายามสอนเด็กอย่างไม่บิดเบือนความจริง ให้มันรู้ว่าโลกเรามันมีการฆ่าข่มขืน มันมีอยู่จริง แล้วถามเด็กว่าหนูจะแก้ยังไง เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องซีเรียสนะ รวมถึงการเหยียดผิวเหยียดเผ่าพันธุ์ด้วย

บางทีแขไปดูคอมเมนต์ของตัวเองก็จะมีแบบ ‘อีมืดคนนั้นคือใคร’ แต่เราก็เฉยๆ คิดว่าเขาน่าจะมีอะไรสักอย่างในใจ เราต้องเข้าใจเขา เขาอาจจะไม่รู้จริงๆ เลยก็ได้ว่าการมาพูดแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ เรื่องพวกนี้จะสอนได้ต้องเป็นคน New Generation เท่านั้น บอกเลยว่าเด็กเมืองไทยต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะมากกว่าโลกในมือถือ

อย่างต่างประเทศที่เราสัมผัสมาบอกได้เลยว่าเล่นมือถือค่อนข้างน้อย แต่กับกิจกรรมจะเยอะมาก กิจกรรมมันคือการที่ทำให้เด็กรู้จักเข้าสังคม แต่ของไทยคือปล่อยให้ลูกอยู่กับมือถือแท็บเล็ตมากเกินไป สิ่งที่เราเจอกับเด็กไทยคือ “แม่ๆๆ คนตัวดำเขาเป็นตุ๊ดหรือเปล่า” คือคุณสอนลูกแบบนั้นจะบอกว่าเป็นเด็กไม่รู้เรื่องไม่ได้ เราต้องสอนให้เขารู้ว่าจะไปว่าคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ตอนนี้น้องเขายังเด็กยังไม่เป็นไรก็จริง แต่ถ้าน้องอายุ 15-16 แล้วไปล้อคนอื่นแบบนี้ แล้วเขาเอามีดมาแทงอย่างที่มันเกิดในต่างประเทศคุณจะรู้สึกยังไง 

ทุกวันนี้บนโลกโซเชียลเราตัดสินคนอื่นเร็วมาก บางครั้งดูภาพนิ่งๆ แล้วอ่านบรรยายสองสามบรรทัดก็ตัดสินกัน คิดยังไงกับเรื่องนี้ 

อย่างกรณีที่ผู้ชายไปข่มขืนผู้หญิง แทนที่เราจะมานั่งคอมเมนต์กัน เรามาทำอย่างอื่นที่มันดีกว่านั้นดีกว่าไหม ลูกหลานเรายังเหลืออีกเยอะ เราต้องเริ่มจาก Protect ลูกหลานตัวเอง มันต้องคิดอย่างนี้ เพราะว่าเมืองไทยเราบอกเลยนะอันตรายอยู่รอบด้าน นั่งกินข้าวอยู่ยังคิดเลยว่าเด็กตีกันเราจะโดนลูกหลงไหม เด็กแว้นเดินมาเรานี่หลบตาเลย หลบเลี่ยงการปะทะ แต่เมืองไทยเสียเปรียบอย่างหนึ่ง คือคนกลุ่มนั้นทำไมไม่ยื่นมือมาช่วยเรื่องนี้ มันรู้สึกไม่แฟร์ ถ้าเราขับรถอยู่แล้วลูกเศรษฐีมาชนเราตาย เขาก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่ต้องโทษอะไร มันทำให้เราคิดว่า เดี๋ยวเราต้องมีเงิน พอมีเงินเราจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ ถ้าแขคิดแบบนี้คนก็จะค้านว่าไม่ควรคิด แต่มันมีจริงในสังคมนะ แค่เราไม่ทำอย่างนั้น มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วกับปัญหาประเภทนี้ 

สังคมไทยเติบโตมากับวลีที่ว่า ‘คนรวยทำอะไรไม่ผิด คุกมีไว้ขังคนจน’ คุณว่ามันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหรือยัง 

แขโตมาในสังคมที่ ส.ส. กินข้าวมื้อละ 30,000 โคลนน์ (ตกประมาณแสนห้าหมื่นบาท)  แล้วประชาชนถ่ายรูปส่งให้หนังสือพิมพ์ ส.ส. คนนั้นลาออกปุ๊บ แล้วก็ถูกคนทั้งประเทศประณาม เพราะทุกคนเสียภาษีหนักมาก ทุกคนทำงานเสียภาษีให้รัฐ เพื่อให้โรงพยาบาลของพวกเรา เพื่อลูกหลานเราที่จะไปเรียนฟรี หลานแขเป็นดาวน์ซินโดรมเราก็ทำเพื่อหลานเรา เราทำเพื่อแม่เราที่เกษียณแล้วเขาได้เงิน มันเลยกลายเป็นทุกคนยอมเสียภาษีเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกลับมา 

 

ถ้าจะทำแบบนั้นในเมืองไทย ระบบมันต้องดีมาก จนทุกคนอยากจะเสียภาษีเพื่อให้สังคมดีขึ้น? 

คือคนทุกวันนี้ชอบคิดแต่ต้องทำมาหากิน เพราะฉะนั้นแขเลยมองลึกไปว่ามันมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งอยากให้คนไม่ได้รับการศึกษาเพื่อที่จะหากินกับคนพวกนั้น เพราะเราเรียนมา เติบโตมาในสังคมสวีเดน เราจะรู้ว่าควรได้รับสิทธิอะไร และสามารถเรียกร้องอะไรได้ ถ้าเกิดมีเรื่องเรียกร้องขึ้นมานี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ฉะนั้นเลยกลัวการทำผิดกันไปหมด แต่แขเชื่อว่าเมืองไทยมีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องรู้เยอะ อย่างปัจจุบันที่มีคนใหญ่คนโตโดนคดีกันขึ้นมานั้น ส่วนหนึ่งเราต้องขอบคุณโลกโซเชียล เพราะถ้าไทยไม่มีโซเชียล ไม่มีกล้องก็จะไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลย เพราะอำนาจอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง 

มองเทียบกันระหว่างประเทศสวีเดนกับประเทศไทย อยากให้เปลี่ยนแปลงอะไรมากที่สุด

คอร์รัปชั่น (ตอบเร็ว) เพราะเมืองไทยโดยส่วนรวมแล้วเป็นประเทศที่พร้อมกว่าสวีเดนมากมาย ประชากรสวีเดน 9 ล้าน คนไทยตอนนี้ 70 ล้าน ถ้า 70 ล้านนั้นมีความรู้ เราเชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นต้องหลบเลยนะ แต่ด้วยเรามีคอร์รัปชั่น เรามีการปลูกฝังให้เลือกที่รักมักที่ชัง ประจบประแจง คนเก่งๆ ที่ไปเรียนเมืองนอกเขาก็พยายามดิ้นรนเพื่อตัวเองได้งานที่นั่น เขาไม่อยากกลับ คนเก่งๆ ก็ไปหมด 

เราพูดได้ว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้น ตรงนั้นเราต้องขอบคุณบรรพบุรุษของเรา แต่ด้วยสมัยที่มันเปลี่ยนไปใครก็คาดไม่ถึงว่าพม่า ลาว เขมร ตอนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเราซะอีก คนลาวพูดภาษาฝรั่งเศสก็ได้ ภาษาลาวก็ได้ แถมภาษาอังกฤษกับภาษาไทยเข้าไปอีก กลายเป็นว่าเขาพูดได้ 4 ภาษา 

แต่เราแก้ระบบใหญ่ๆ มันยากนะ เราต้องแก้ตรงไหนก่อน 

เราต้องมาแก้ที่ตัวเราเองก่อน พยายามอยู่ให้เข้าใจ พยายามเปิดมุมมองตัวเองให้มากขึ้น อย่ามัวตัวแต่ดูตัวเองว่าเราทำอะไรบ้าง ดูคนอื่นเขาด้วยว่าทำอะไรกันบ้าง เรานั่งอ่านสารคดีของเกาหลี เขาประกาศว่าประเทศเขากำลังจะจน เขาไม่เอาแล้วนะ ทุกคนต้องสู้ ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ทุกวันนี้คนไทยไปเกาหลีกันหมด คนเกาหลีกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ ส่งออกซัมซุง ประเทศเราจากที่เมื่อก่อนโดดเด่นก็กลายมาเป็นล้าหลัง ความเป็นไทยในสายตาต่างชาตินั้นบอกได้เลยว่า 95% เขารู้จักประเทศไทยในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวแค่นั้นเอง รู้ว่าคนไทยเป็นมิตร ส่วนเพื่อนเราไปทำงานให้เกาหลีหมดจนน่าเสียดาย สมองไหลเมื่อ 30-40 ปีก่อนมันก็ยังเป็นอย่างเดิม เราสบายกันเกิน 

เห็นว่าทุกวันนี้ทำตัวสบายๆ กินง่ายอยู่ง่าย ถามหน่อยว่าไปอยู่เมืองนอกเมืองนาไม่ติดแบรนด์บ้างเหรอ

เมื่อก่อนติด คบเพื่อนตุ๊ดก็ซื้อทุกอย่าง อายุ 15 นี่ใช้กระเป๋าใบละ 60,000 จนสักพักมีอะไรไม่รู้มาสะกิดใจว่าถ้าไม่มีของพวกนี้จะตายไหม เราเลยตัดสินใจขาย แล้วมันก็อยู่ได้นะ จนกระทั่งมาเมืองไทยปุ๊บก็ยังวิลิศมาหราอยู่พักหนึ่งจนมารู้จักแม่อ้วน (อ้วน  รีเทิร์น)  รู้จักพี่ต้นหอม (ดีเจต้นหอม ศกุนตลา) คนพวกนี้เขาฐานะมั่นคงแล้วนะด้วยการทำงาน แต่เขาก็ยังกิน 30 บาท 40 บาท พี่หอมซื้อเสื้อผ้ายูเนียนมอลล์ เราก็มาคิดว่าเราจะสวยไปให้ใครดู ภาพลักษณ์ที่เรามีขอเป็นภาพลักษณ์อย่างนี้แล้วกัน  ไม่ลำบากตัวเอง ไม่ทะเยอทะยานเกินไป สำหรับคนที่รวยซื้อกระเป๋าใบละ 5 แสนได้ คุณโชคดี คุณมีเงิน เราไม่ว่ากัน แต่สำหรับคนที่พยายามเกินอย่าเลยมันเหนื่อยเปล่าๆ เพราะมันก็เป็นแค่ภาพ อินเนอร์มันสำคัญสุด ผู้ชายมันจะรักเรา ถ้ารักที่เงินเดี๋ยวมันก็ไป เพราะรักที่เงินมันสัมผัสไม่ได้ แต่ถ้ารักที่ใจมันโอเคกว่า ฉะนั้นเราก็เป็นแบบเรา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำมาตลอดคือไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เคยทำผิดกับสังคม ทุกวันนี้เราพยายามขึ้นรถเมล์ คนก็งงว่าทำไมนั่งรถเมล์ ก็ในเมื่อมันไม่เดือดร้อนขนาดที่เขามารุมล้อมจนเรานั่งไม่ได้เราก็ยังนั่งต่อไป 

มีมุมมองอะไรแบบไทยๆ ที่คิดว่าดีมากๆ บ้าง?

คำสอนของศาสนาพุทธ เราเป็นคนไม่มีศาสนานะ ศาสนาพุทธเป็นเรื่อง Amazing มากแค่เรื่องศีล 5 ก็ทำให้ชีวิตประจำวันดีขึ้นได้ บาปกรรมเราไม่ได้คิดแบบนรกสวรรค์ แต่คิดเรื่องผลกระทบของการกระทำ คุณฆ่าคนตายคุณไม่สบายใจหรอก เพราะคุณกังวลตลอดว่าคุณจะเป็นอะไรไหม นั่นคือความทุกข์ แล้วเราเพิ่งเจอคำว่าทุกข์ใจมันอันตรายกว่ามะเร็งอีก อาจเป็นบ้าได้ ความทุกข์มันทำลายระบบในร่างกายทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ แล้วก็เป็นกลางพอดีๆ แค่นั้นชีวิตมีความสุขนะ

พระพรหม พระพิฆเนศแขไหว้หมด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเชื่อไม่ผิด เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ผิด เราให้เกียรติกับสิ่งที่คนอื่นเคารพ แต่เราก็มีลิมิตของเราว่าเคารพประมาณนี้ เรื่องทรงเจ้าเข้าผีนี่เฉยๆ การดูดวงอะไรของเราก็เอาทุกอย่างที่เป็น Good Energy เข้าตัว เขาบอกว่าระวังเรื่องความรักก็ต้องไปเติมความรักกับสามีให้มากขึ้น เขาบอกว่าการงานต้องระวังเราก็ต้องขยันทำงานให้ดีขึ้น เขาบอกว่าจะเจออุบัติเหตุเราก็ต้องระวัง ขับรถอย่าเล่นมือถือ มีสติตลอดเวลา เอา Good Energy เข้าตัว แต่อย่าไปเอา Bad Energy เข้า 

ความรักแขพอดีไหม

ความรักพอดี เอาแต่ Good Energy ไม่เอา Bad มีแวบเข้ามา ห่วงๆ บ้าง เพราะอยู่ไกลกัน แต่เราไม่เอาเพราะถ้ามานั่งหวงอาจจะมีคิดมากเสียสติจนส่งข้อความไปด่าเขา เพราะฉะนั้นเราจะคิดว่าแฟนฉันรักฉันมากในตอนนี้ จนกว่าเขาจะเดินมาบอกว่าเราเลิกกัน ฉันเจอคนใหม่แล้วนะ อันนั้นก็เข้าใจ อาจจะเบื่อกัน 

มองความรักของคนยุคนี้ยังไง ที่ปากก็บอกว่ารัก แต่กลับมีเรื่องราวความรุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน? 

ก็มันเป็นรักไม่มีสติไง มันใช้อารมณ์รัก สำหรับคนที่ยังมีคนรักอยู่ข้างๆ ให้เอา Good Energy เท่านั้น Bad Energy ตัดทิ้งไป ไม่ต้องคิดแทนเขา รู้ว่าอยู่กับคนนี้ทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปคิดเรื่องอนาคต เดี๋ยวมันมาเอง ถ้าเราตั้งหลักว่าฉันมีแฟนคนนี้แฮปปี้ เดี๋ยวมันก็มีความสุข ถ้าอยากทำอะไรให้คนรักอย่ารอ ทำไปเลย เธอๆ อยากกินข้าวด้วยกัน เธอมารับเราหน่อย มารับไม่ได้เราก็ไปหาเขาสิ  เอาแต่ Good Energy เข้าตัวให้มากที่สุด แค่เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน 
 
เรื่อง : วรชัย รัตนดวงตา
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์


You might like!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook