เรื่องเล่าของตุ๊ดมนุษย์เงินเดือน สู่ทหารเกณฑ์ เงินเดือน 9,000 บาท

เรื่องเล่าของตุ๊ดมนุษย์เงินเดือน สู่ทหารเกณฑ์ เงินเดือน 9,000 บาท

เรื่องเล่าของตุ๊ดมนุษย์เงินเดือน สู่ทหารเกณฑ์ เงินเดือน 9,000 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(ภาพประกอบจาก thinkstockphotos)

เรื่องราวนี้ เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดมาจากชีวิตจริง มาสู่กระทู้ดังในเว็บไซต์พันทิพครับ เรื่องราวของ ของสมาชิกหมายเลข 1352199 หรือนามปากกาว่า ตุ๊ดเวียงพิงค์ ตุ๊ดมนุษย์เงินเดือนผู้หนึ่ง ที่ผันชีวิตตัวเองไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เงินเดือน 9,000 บาท จนปลดประจำการ ซึ่งเขาได้เขียนเรื่องราวตัวเอง จนมีผู้ตามอ่านมากมาย เรียกได้ว่า ติดกันงอมแงมทีเดียว

เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาลัยชื่อดังภาคเหนือ และจบนิติศาสตร์ จากรามคำแหงในขณะเดียวกัน จบการศึกษาระดับปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง มีเนติบัณฑิตไทย และใบอนุญาตว่าความ มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนและรายได้พิเศษตอนนั้นคือ เดือนละประมาณ 30,000 บาท สุขภาพโดยรวมไม่เคยออกกำลังกาย สุขภาพไม่ดี เป็นหอบหืด ในชีวิตไม่เคยมีความอดทน เป็นคนอ่อนแอ กลัวทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แล้วเขาก็เลือกที่จะลาออกจากงาน มาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพราะว่า คนที่เขาแอบรัก แต่งงาน

เขาเข้าเป็นทหารกองประจำการผลัดที่ 1/2556 ในจังหวัดแห่งหนึ่ง ทางภาคเหนือ รับราชการทหาร 6 เดือน โดยเขาได้ให้แง่คิด ให้เรื่องราว และมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับการเป็นทหารเกณฑ์มากมาย อาทิเช่น

การเข้าประจำการ ตามหน่วยฝึก

" ขออธิบาย นิดหน่อยนะคะ ในค่ายของดิชั้น มีทหารอยู่ 3 หน่วยค่ะ
1. จังหวัดทหารบก 2. กรมทหารราบ 3. ปืนใหญ่ (ขณะฝึกทหารราบกับปืนใหญ่รวมกัน)

เจ้าหน้าที่เค้าอธิบายมาบอกว่า ทหารราบกับปืนใหญ่ เป็นหน่วยรบ ฝึกทหารเพื่อนำไปใช้ในการรบจริง
การฝึก จะหนักหนาสาหัสอย่างมาก(ก็ใช่ละสิคะ ฝึกไปรบจริงนี่) คนที่เขาจัดไปให้อยู่หน่วยนี้ส่วนใหญ่
จะเป็นทหารที่เขาเป็น 2 ปี ก็พวกที่ไม่มีวุฒิการศึกษาระดับ ม.ปลาย จับได้ใบแดง นั่นแหละค่ะ ได้อยู่หน่วยรบหมด

ส่วนจังหวัดทหารบก (ที่ดิชั้นได้) >>>>>> เป็นหน่วยสนับสนุนการรบค่ะ (เพื่อนๆ เรียกว่า ฝึกไว้รบกับหญ้า ฆ่ากับมด)
ประมาณว่า ถ้าหน่วยรบ เค้าจะต้องออกไปรบ เราก็สนับสนุนการรบ ด้วยการส่งปิ่นโต ส่งข้าว ส่งน้ำ อะไรประมาณนี้แหละค่ะ
คนที่จะมาอยู่หน่วยนี้ ส่วนใหญ่ 100 คน สมัครมาทั้งนั้นค่ะ หรือพวก ป.ตรี จับได้ใบแดง เป็น 1 ปี ก็ได้อยู่หน่วยนี้
หรือพวกที่ไม่มีวุฒิการศึกษา แต่พอมีเส้นสายอยู่ในค่ายทหาร ก็ได้มาอยู่หน่วยนี้เช่นกันค่ะ
การฝึกนั้น ก็ใช่ว่าจะสบายนะคะ ก็หนักเหมือนกัน แต่ก็ระดับความรุนแรงเทียบหน่วยรบคะแนนเต็ม 10 ก็ให้ 7 คะแนนค่ะ"

การเตรียมตัวสำหรับการเข้าหน่วย

" หลังจากแยกเข้าหน่วยฝึกแล้ว ผมและเพื่อนๆ ก็ทยอยกันไปที่หน่วยฝึกทหารใหม่จังหวัดทหารบก ซึ่งเป็นสถานที่ฝึก
เนื่องจากผมเป็นคนลำดับต้นๆ จึงได้ไปก่อน กลุ่มแรกที่ไป มีประมาณ 20 คนครับ พอไปถึงหน่วยฝึก ก็เข้าแถวอยู่สนามหน้า
เพื่อรับอุปกรณ์เบื้องต้น (เท่าที่จำได้) ซึ่งได้แก่
1. กลุ่มเครื่องนอน ................ผ้าห่ม หมอน ผ้าปูที่นอน
2. กลุ่มเสื้อผ้า ................... กางเกง ผ้าเช็ดตัว ผ้าขาวม้า ถุงเท้า หมวก รองเท้าผ้าใบสีดำ 2 คู่ กางเกงใน 6 ตัว
3. กลุ่มเครื่องใช้อาบน้ำ ......... สบู่ แชมพู ขันน้ำ ถังน้ำ มีดโกนหนวด
4. อื่นๆ ที่นึกได้ ................... มีดโกนหนวด แป้ง ลูกกลิ้ง (ถ้านึกได้อีกจะมา edit)

หลังจากนั้น ได้รับอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ผมก็เอาทุกอย่างรวมกันใส่ในใส่ผ้าห่ม แล้วมัดรวมกันเป็นก้อนเดียว
แบกไปลงทะเบียน ระหว่างลงทะเบียนนั้น ขออธิบายแบบละเอียดนิดหน่อย เพื่อให้คนที่จะไปเกณฑ์ทหารเห็นภาพ
โต๊ะ 1............. เก็บของใช้ที่ไม่จำเป็นใส่ถุงฝาก เซ็นชื่อฝาก เช่น กระเป๋าสตางค์ เอกสาร เป็นต้น
โต๊ะ 2............. เป็นของมีราคา เช่น เงินสด พระเครื่อง โทรศัพท์มือถือ ทอง เป็นต้น (โต๊ะนี้ค่อนข้างซีเรียส) ต้องมีกรรมการตรวจสอบ
โต๊ะ 3............. รับเอกสารเพื่อนำมากรอกประวัติ อย่างละเอียด

ข้อแนะนำ ของใช้ถ้าหากฝากญาติกลับบ้านได้ควรจะนำฝากกลับไปนะครับ ถ้าฝากไว้กว่าจะได้คืนก็ฝึกเสร็จ
เช่น ถ้าฝากโทรศัพท์ไว้ กว่าจะได้คืนก็ฝึกเสร็จ ถึงมารับกลับ ซึ่งวันเยี่ยมญาติ (1 เดือนหลังจากฝึก) เราต้องจำเป็นได้ใช้

ข้อห้าม อย่านำของฝากทหารรุ่นพี่ หรือครูฝึก เด็ดขาด แม้จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็ตาม

การกรอกประวัตินั้น เยอะแยะมากมาย แต่จุดที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะกรอกก็คือ
1. ความสามารถพิเศษ เช่น ขับรถ คอมพิวเตอร์ ทำอาหาร เป็นต้น
2. โรคประจำตัว เช่น กระเพาะอาหาร หอบหืด ภูมิแพ้ ลมชัก เป็นต้น

ผมกรอกประวัติส่วนตัวคือ 1.ขับรถ 2.ทำอาหาร 3.ภาษาอังกฤษ 4.ภาษาจีน 5.ทำบัญชี 6.กฎหมาย 7.คอมพิวเตอร์
โรคประจำตัว ผมกรอกไป 10 โรคครับ อิอิ เพื่อป้องกันอันตรายจาก การโดนกระทำรุนแรง (ผมแอบกลัวฝึกหนัก อันนี้ยอมรับ)
1. หอบหืด แต่ผม เขียนเป็นภาษาอังกฤษอ่ะครับ (Asthma) หรือ (Chronic inflammatory)
2. ภูมิแพ้ เขียนเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน (Allergy)
และมีโรคต่างๆ อีกมากมาย เจ้าหน้าที่เริ่มงงละสิครับ ผมก็มีใบรับรองแพทย์มาด้วย (เพื่อนเป็นหมอ)
ผมบอกเพื่อนให้กรอกใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 555+++ เอาแล้วสิครับ เริ่มสนุกแล้ว

หลังจากกรอกประวัติเสร็จ ก็ไปตัดผมครับ ให้เกรียนเป็นทรงทหาร ซึ่งใครตัดมาจากที่บ้าน ก็โดนให้ไปตัดซ้ำทุกคน
เพราะทรงทหารมันต้องเกรียน เกรียนมาก เกรียนถึงที่สุด แนะนำ ไม่ต้องตัดมาจากบ้าน เป็นดีที่สุด"

และยังมีเรื่องราวการใช้ชีวิตในค่ายอีกมากมายครับ เพราะว่า เจ้าของกระทู้ เล่าเรื่องราวตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าสู่รั้วกรม จนกระทั่งปลดประจำการ ได้อย่างน่าติดตามเลยทีเดียว จนตอนนี้ฮอตจนต้องมีถึง 3 ภาคแล้วครับ เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องราวในรั้วค่ายทหาร

และอีกหนึ่งมุมซึ่งสนุกมากๆคือ ในค่าย ไม่มีใครรู้เลยว่า เขาเป็นตุ๊ด เรื่องราวจะน่าติดตามแค่ไหน ลองไปอ่านได้ครับ

ภาค 1 http://pantip.com/topic/31890517
ภาค 2 http://pantip.com/topic/31909398
ภาค 3 http://pantip.com/topic/31942664

ขอขอบคุณ
สมาชิกหมายเลข 1352199 (ตุ๊ดเวียงพิงค์)
pantip.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook