วิธีป้องกัน งู เข้าบ้าน
จากข่าวสุดสยอง ที่มีงูเห่าเลื้อยเข้าบ้าน แค่งูตัวเดียวก็พากันสยองขนลุกไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ข่าวนี้เล่นเข้ามาทั้งหมด 23 ตัว เล่นพูดไม่ออกทีเดียว
เชื่อว่ามีบ้านอยู่หลายบ้าน ที่เจอปัญหางู เข้าบ้านมาแบบไม่ได้รับเชิญอยู่หลายหลังแน่ๆ Sanook! MEN มีวิธีป้องกันงูเข้าบ้านง่ายๆ มาฝากครับ
สาเหตุที่งูเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน
1. บ้าน หรือสถานที่นั้นเป็นแหล่ง "อาหาร" ที่อุดมสมบูรณ์
เช่น บ้านที่มีหนูชุกชุมเพราะรกรุงรัง หรือมีบ่อน้ำ สระน้ำที่มีปลาเยอะ หรือมีการเลี้ยงนกเลี้ยงไก่ไว้ ฯลฯ ยิ่งบ้านที่ขาดการจัดให้เป็นระบียบ บ้านที่จัดพื้นที่สวนแต่ปล่อยให้รก ทั้งนี้เพราะงูทุกชนิดเป็นสัตว์นักล่า กินเหยื่อเป็นสัตว์ด้วยกัน
2. ลักษณะบ้านเป็นที่ "ปลอดภัย" สำหรับงู
ไม่มีศัตรูก่อความรำคาญ หรือ ทำร้ายจนถึงชีวิต เช่น ไม่มีหมาคอยไล่เห่า ไม่มีห่านไล่งับหรือไม่มีสัตว์
คู่อริเช่น พังพอน หรือเมื่อมีน้ำท่วมขังงูก็จะหนีน้ำขึ้นไปอาศัยบนที่สูง
3. บ้านมี "ที่อยู่" เหมาะสม เพียงพอ
ได้แก่ มีที่หลบซ่อนตัว หลับนอน หลบภัย วางไข่ เช่น ใต้ถุนบ้าน บ้านที่มีฝ้าเพดาน ฯลฯ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับงู นับแต่อุณหภูมิอบอุ่นจากดินหรือแสงแดด พื้นผิวที่ไม่ระคายเคือง ไม่มีกลิ่นและเสียงรบกวน ( ซึ่งมากับความสั่นสะเทือน ) ฯลฯ
วิธีป้องกันงูเข้าบ้านคุณ
การป้องกันงูเข้าบ้านนั้นสามารถป้องกันได้โดยแก้จากเหตุจูงใจให้งูอยากเข้าบ้าน หรือหาสิ่งของที่เขาว่ากันว่าป้องกันงูได้ มาวางไว้
1. อย่า ให้บ้านเราเป็นแหล่งรวมอาหารของงู
เช่น กำจัดหนูโดยการดัก เบื่อ และจัดบ้านให้สะอาด เป็นระบียบเรียบร้อยไม่รกรุงรัง
2. ทิ้งขยะให้เป็นที่และมิดชิดเพื่อไม่ให้หนูกิน
เมื่อประชากรหนูลดลง งูก็จะลดลงตามไปด้วย
3. น้ำมันรถยนต์
มีรายการรายการหนึ่งทางวิทยาศาสตร์ เคยทดลองเรื่องนี้มาแล้ว ปรากฏว่า งูเลื้อยหนีกลิ่นน้ำมันรถยนต์ ดังนั้น จึงใช้ผ้าชุดน้ำมันรถ มาวางไว้รอบๆ บ้าน ก็ช่วยได้
4. ใช้ผงกำมะถัน ( สีเหลืองๆ ) มาผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบบ้าน
แต่วิธีนี้ต้องทำบ่อยหน่อย อย่างน้อย เดือนละครั้ง เพราะกำมะถันเจือจางแล้วงูก็เข้าอีก
5.เลี้ยงสุนัข สุนัขจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้เราได้เป็นอย่างดี เมื่อมีสิ่งแปลกๆ เข้ามาในบ้าน ในบางครั้ง แค่สุนัขเริ่มเห่า งูก็ตกใจกลัว เลื้อยหนีไปแล้ว แต่ก็มีในบางกรณี สุนัขของท่านก็อาจจะเสียท่าให้งูได้ หากงูตัวใหญ่กว่า
6. เลี้ยงห่าน
จากข้อมูลเว็บบอร์ดหลายๆแห่ง คนที่เลี้ยงจำนวนมากยืนยันว่า ตั้งแต่เลี้ยงห่านก็ไม่ได้เห็นงูในบ้านอีกเลย จะมีเห็นก็แค่ตอนที่ห่านกินงู นอกจากนี้มีหลายคนเชื่อว่างูไม่ถูกกับกลิ่นขี้ห่าน บ้างก็ว่าเสียงร้องของห่าน
7. แผ่นกันงู เอาไว้กันในแนวดิ่ง เช่นเสา กำแพง วัสดุมีความลื่นสูงจนงูไม่สามารถเลื้อยขึ้นไปได้
และเมื่องู เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว จะทำอย่างไร
1. สังเกตุและแยกแยะประเภทของงูก่อนเลยครับว่าเป็น งูมีพิษหรือไม่ม ี
โดยสังเกตุง่ายๆ ที่ หัวหากลักษณะเป็น สามเหลี่ยม นั้นคืองูมีพิษ แต่หาก มีลักษณะ มนกลม งูไม่มีพิษ ซึ่งบ้านเรามีอยู่ชัดๆ เจอบ่อยๆ 2 พวกคือ งูเหลือม งูหลาม กับ งูเห่า ซึ่งแยกค่อนข้างชัด โดยที่งูเหลือมงูหลามเป็นงูไม่มีพิษแต่มีอันตรายโดยการรัดเหยื่อ ส่วนงูเห่ามีแม่เบี้ยแผ่ให้เห็นชัดเจน ทำร้ายโดยการกัดและปล่อยพิษ ฉะนั้นการหลบหลีก หรือจับก็จะแตกต่างกัน และต้องได้รับการฝึกฝนเป็นการเฉพาะ
2. ไม่ควรใช้วิธีไล่งูเพราะถึงคุณจะไล่ได้ในวันนี้วันอื่นๆมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม งูจะพุ่งฉกหรือกัดเหยื่อที่เคลื่อนไหวฉะนั้นหากเผชิญกับงูให้อยู่นิ่งๆแล้วเคลื่อนไหว หรือถอยฉากหนีอย่างช้าๆโดยจับตาดูการเคลื่อนไหวของงูไว้ เพื่อหลบหลีกและควรอยู่ในระยะที่ปลอดภัย
3. เฝ้าสังเกตุว่างูยังอยู่ที่เดิมหรือมีทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด
เพื่อกันการหลบหนี
4. กันสมาชิกในบ้านให้อยู่ห่างมันไว้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมาเอาไว้ให้ห่าง เพราะอาจโดนฉกหรือทำร้ายได้ และ อาจจะเป็นการไล่งู ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง
5. เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เพราะมนุษย์นั้นไม่ใช่เหยื่อโดยธรรมชาติของงู
หากเราไม่ทำร้ายงูก่อน งูก็จะหลีกเลี่ยงไม่ทำร้ายมนุษย์เช่นกัน
6 . โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือ องค์การสวนสัตว์ โทร. 02 282 7111 ต่อ 3 หรือ 191
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.barascientific.com/bscnews/variety/mail-forward/Article-09-10.php
http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2012/10/R12760679/R12760679.html