ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ กับทางที่เลือกเอง ′ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ใช้ชีวิตไม่คุ้ม′

ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ กับทางที่เลือกเอง ′ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ใช้ชีวิตไม่คุ้ม′

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในภาพความคิดของใครหลายๆ คน ทายาทเศรษฐีไม่ว่าจะตระกูลใด มักเลือกทางเดินที่ครอบครัวได้เลือกไว้ให้และมักต้องกลับไปสานต่อกิจการครอบครัวเป็นแน่แท้ แต่นั่นไม่ใช่กับ ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ ที่เลือกจะทำอะไรที่รักและผูกพันตามความฝันของตัวเองก่อน นั่นคือการก้าวเดินสู่ทางสายดนตรี

ป๊อก-ภัสสรกรณ์ เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ จิราธิวัฒน์ เจ้าของธุรกิจในเครือ เซ็นทรัล กรุ๊ป ที่นิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับให้เป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของประเทศไทยเมื่อปี 2556 เป็นลูกชายของ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ และคุณแม่นางงามจักรวาลคนสวย อาภัสรา หงสกุล ทำให้ชื่อของภัสสรกรณ์ เป็นที่จับตามองตั้งแต่ยังเล็ก

ในวัย 27 ปี ภัสสรกรณ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ ม.นอร์ธอีสเทิร์น นิวยอร์ก แม้จะอยากเลือกเรียนสายดนตรีไว้แต่แรก แต่ด้วยเหตุผลของคุณพ่อที่ว่าหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะลำบากจึงเลือกเรียนทางสายนี้ และปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาโท ที่ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกหนึ่งใบ

ด้วยลัดฟ้าไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่วัย 14 ปี ทำให้ภัสสรกรณ์รู้สึกอิสระที่อยากจะทำอะไรๆ ด้วยตัวเอง

"ตั้งแต่เด็ก เหมือนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กอยู่แล้วว่าวันหนึ่งจะต้องกลับไปสืบทอดกิจการที่บ้าน เพราะได้เห็นสิ่งที่คุณพ่อทำอยู่ทุกๆ วัน แต่ตอนนี้ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมทำได้ ก็เลยอยากลองหาโอกาสใหม่ๆ ทำสิ่งที่ชอบให้กับตัวเอง"

กับครอบครัว

"ผมคิดเสมอว่าเรามีครอบครัวที่ดี การศึกษาที่ดี ทุกอย่างที่ทางบ้านปูทางให้มันพร้อมมาก เขาหวังให้เราได้ดี ก็เลยอยากจะทำอะไรที่มีคุณค่าและเป็นผลงานของเราเอง จึงเริ่มทำอะไรที่หลากหลาย เพราะคิดว่าหากเกิดมาแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เสียชาติเกิด เราควรใช้โอกาสนี้ทำอะไรให้ดีขึ้น อย่างคนที่เขาไม่มีอะไรเลย หรือไม่มีอะไรที่สนับสนุนเขา บางคนก็ประสบความสำเร็จได้ แล้วทำไมเราทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็คิดว่าเราใช้ชีวิตไม่คุ้ม"

จากความคิดนี้เอง เป็นเหตุผลที่ทำให้ภัสสรกรณ์ผุดไอเดียธุรกิจส่วนตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้า แบบมิดไฮสตรีทแวร์ "pistol" และกำลังจะเปิดร้านเสื้อผ้า บูทีค ซีเล็กเต็ด ไอเท็ม ที่รวบรวมแบรนด์ต่างๆ ในชื่อ Bloc โปรเจ็กต์ส่งท้ายปีกับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม Edrink ที่เขาอยากให้เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนเท่ๆ เจ้าตัวเผยว่าที่ได้เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ นี้ได้ เป็นเพราะได้เข้าไปฝึกงานในกิจการของที่บ้าน โดยมีคุณพ่อให้คำปรึกษา มีปัญหาอะไรก็ถามได้ทุกเรื่อง

"คุณพ่อผ่านประสบการณ์มาเยอะมาก คิดอะไรค่อนข้างฉมังในด้านธุรกิจและมองการณ์ไกล ผมเชื่อในความคิดของพ่อทุกอย่าง เวลาที่ปรึกษาท่าน ก็รู้สึกสบายใจ ส่วนคุณแม่ก็จะต่างกัน เรียกว่าท่านมาแบบให้กำลังใจมากกว่า ปรึกษาเรื่องต่างๆ แบบส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นดีหรือร้าย คุณแม่เหมือนเป็นคู่ชีวิตคนหนึ่งของผมไปแล้ว"

"หลายคนอาจมองว่าผมยังเด็ก แต่ผมคิดว่าหากไม่ทำตอนนี้จะไม่มีโอกาสได้ทำ จะล้มหรือไม่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ดีกับผม ไม่ว่าจะแง่ดีหรือลบ รุ่งหรือดับ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับชีวิต"

สำหรับ "ดนตรี" ที่ปัจจุบันนี้ แม้จะเพิ่งเริ่มต้นเป็นศิลปินเดี่ยวในค่าย ไทเทเนียม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ในชื่อ mindset แต่ความจริงแล้วคลุกคลีอยู่กับเรื่องดนตรีมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เริ่มต้นจากทำเพลงเก็บไว้ฟังเอง ก่อนเริ่มส่งต่อให้เพื่อนดู จนโพสต์ในเว็บไซต์ยูทูบ

ทุกวันนี้ ภัสสรกรณ์คิดว่าเกินความคาดหมายแล้ว

"ดนตรีเป็นงานอดิเรกที่ทำให้ผมมีความสุข ทำให้ได้มาเป็นศิลปินเดี่ยวที่ต้องทั้งร้องและแต่งเพลงเองได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ห้าม เพียงแค่ไม่อยากให้ยึดเป็นอาชีพหลักในชีวิตเท่านั้นเอง"

ชีวิตหลากหลายแบบนี้เอง ทำให้ภัสสรกรณ์เผยว่า ช่วงปีนี้ หนักสำหรับเขาจริงๆ เพราะบางครั้งต้องเล่นคอนเสิร์ตถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ขณะที่รุ่งเช้าต้องไปเรียนตอน 8 โมง และต้องทำงานของตัวเองต่อ แต่เขาก็คิดว่า

"ต้องยอมรับให้ได้ เพราะแม้จะโหดมากแค่ไหน แต่หากมีความสุขก็พอแล้ว และก็คงจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ทั้งชีวิต อย่างไรก็ต้องอดทน"

ส่วนถ้าถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็อยากจะทำทุกด้านให้ดีที่สุด และเมื่อทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้มั่นคงเมื่อใด ป๊อกก็คิดว่าจะกลับไปสืบทอดกิจการของครอบครัวแน่นอน

 

ไลฟ์สไตล์แบบหนุ่มฮิพฮอพ

ด้วยความที่เป็นหนุ่มแอคทีฟไม่เคยหยุดนิ่ง ภัสสรกรณ์ยังชอบขี่มอเตอร์ไซค์ คันโปรด อย่าง ดูคาติ 996 สปอร์ต และฮาร์เล่ย์ ไนท์สเตอร์

และอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ คงไม่พ้น "รอยสัก" ด้วยความที่ชื่นชอบศิลปะ จึงหยิบเอาเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตมาไว้บนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเวลาเกิด ราศีเกิด นามสกุลภาษาจีน หรือรูปคุณพ่อคุณแม่ ที่ทุกรอยสักมีความหมายเกี่ยวกับตัวเขาที่เมื่อสักลงไปแล้ว ไม่สามารถลบออกได้ตลอดไป

 

ที่มา นสพ.มติชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook