ความในใจของ บิลล์ เกตส์ เพื่อช่วยผู้ป่วยอัลไซเมอร์
ใครๆก็รู้ว่า บิลล์ เกตส์ เป็นอภิมหาเศรษฐีระดับท็อปของโลก แต่อีกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า บิลล์ เกตส์ เป็นเศรษฐีใจบุญ และไม่ได้ใจบุญพร่ำเพรื่อ หากแต่การให้ของเกตส์นั้น เป็นการให้เพื่อให้เกิดการส่งต่อ
โครงการล่าสุดที่บิลล์ เกตส์ ออกมาประกาศให้ความสนับสนุนนั้น มีมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการก่อตั้งกองทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาการรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ที่เกตส์ เผยความในใจของเขาผ่าน เว็บไซต์ gatesnotes.com ว่า “ต้องการให้ผู้ที่ป่วยโรคอัลไซเมอร์ หรือ โรคสมองเสื่อม และ ผู้ที่อยู่เคียงข้างผู้ป่วยโรคนี้มีความหวังต่อการต่อสู้กับโรคภัย”
ข้อความส่วนหนึ่งที่บิลล์ เกตส์ ระบุไว้ใน gatesnotes.com เรื่อง Why I’m Digging Deep Into Alzheimer’s ระบุว่า
การรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์หนึ่งคนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง และเป็นการยากที่จะคาดเดาค่าใช้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ผู้ที่ป่วยโดยโรคอัลไซเมอร์นั้นเปรียบเสมือนการถูกทำลายชีวิตไปทีละน้อย และ ยังได้ทำร้ายหัวใจคนที่รักที่อยู่รอบข้างด้วย โดยบิลล์ เกตส์ ระบุว่าที่รู้ดีเกี่ยวกับอัลไซเมอร์นั้น เพราะคนในครอบครัวก็ป่วยด้วยโรคนี้เช่นกัน
และเพราะการที่มีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ทำให้ตัวเขาเองได้เห็นและมีประสบการณ์ตรงว่า อัลไซเมอร์ นั้นได้ทำร้าย และกัดกินร่างกายและจิตใจของคนที่เรารักไปอย่างไร แน่นอนว่ามันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
แม้ว่าประวัติของครอบครัวจะมีผลต่อการตัดสินใจในการให้ความสนับสนุนเพื่อทำการค้นคว้าและวิจัย แต่สาเหตุทีแท้จริงในการตั้งกองทุนเป็นเพราะไม่ต้องการให้คนที่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นอัลไซเมอร์ หรือคนที่อยู่รอบข้าง รู้สึกว่าการป่วยเป็นโรคนี้เหมือนโลกทั้งโลกดับไปต่อหน้า
ทั้งนี้บิลล์ เกตส์ ระบุว่า ความรู้สึกของคนที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคนี้ กับพัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันดูจะเป็นเรื่องสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสังคมปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้พัฒนาไปเป็นอย่างมากจนสามารถรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันให้มีชีวิตอยู่ต่อโดยไม่สิ้นหวัง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ความหวังกับโรคอัลไซเมอร์ ก็ควรจะมีเช่นกัน
ทั้งนี้ เกตส์ กล่าวในเว็บไซต์ส่วนตัวของตนเองว่า ได้ใช้เวลาพิจารณาที่จะจัดตั้งกองทุนนี้ มาตลอดปีที่แล้ว และได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ โรคอัลไซเมอร์ และ วิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบันที่จะสามารถรักษาผู้ป่วยโรคนี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่า ความหวังยังมี และยังได้เห็นการทำงานอันน่าทึ่งของคณะแพทย์ ที่หาหนทางชะลอให้ผู้ที่มีอาการอัลไซเมอร์นั้นมีอาการช้าลง รวมไปถึง การลดอาการข้างเคียงต่างๆ
แน่นอนว่า พัฒนาการดังกล่าวจากนักวิจัย สถาบันที่ดำเนินการทางด้านนี้ รวมไปถึง กลุ่มธุรกิจและนักลงทุน ที่ต่างให้ความสนับสนุนเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในการรักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ทั้งหมดทำให้รู้สึกมีความหวัง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในฐานะคนหนึ่งคนที่อยากให้ผู้ป่วยโรคนี้มีความหวัง เลยทำให้ตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับกองทุนเพื่อการ ค้นคว้าและวิจัยในการรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
โดยกองทุนนี้ จะให้การสนับสนุนเหล่า สตาร์ทอัพที่สามารถหาทางพัฒนาในการรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ เพื่อให้ผู้ที่ป่วยโรคนี้มีความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อ แม้จะไม่หายขาดแต่ก็ทุเลาลงจากอาการที่เป็นอยู่และไม่ต้องกัดกินใจคนอันเป็นที่รักอีกต่อไป