วิธีลดน้ำหนักแบบผิดๆ…ควรหลีกเลี่ยง
เข้าใจดีว่าสำหรับคนที่อ้วนเกินไปหรือน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ไม่ว่าใครก็อยากลดน้ำหนักให้ได้เร็วๆ กันทั้งนั้น แต่แม้ว่าคุณต้องการจะลดน้ำหนักให้เร็วทันใจสักแค่ไหนก็อย่าหันไปพึ่งวิธีผิดๆ เป็นอันขาด เพราะนอกจากจะทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์จนพุงพลุ้ยยิ่งกว่าเดิม ยังทำให้ร่างกายทรุดโทรมได้ง่าย ๆ รู้แบบนี้แล้วลองมาดูกันดีกว่าว่าวิธีลดความอ้วนแบบไหนที่คุณไม่ควรทำ
1. กินยาลดความอ้วน เพราะส่งผลข้างเคียงมานักต่อนักแล้ว ไม่ว่าผลกระทบต่อระบบประสาททำให้คิดอะไรช้าลง ร่างกายทรุดโทรม หรือโยโย่เอฟเฟกต์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเลิกทานยาพวกนี้แล้ว เลิกหวังพึ่งทางลัดด้วยการเอาร่างกายไปเสี่ยง แล้วหันมาลดด้วยวิธีธรรมชาติกันดีกว่า
2. งดอาหาร นี่ก็เป็นอีกวิธีที่คนชอบทำกันนัก เพราะเชื่อว่าจะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคต่อวันลงไปได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะมันจะทำให้คุณหิวกว่าเดิมจนกินมากขึ้นอีกในมื้อต่อไป แถมยังทำให้ร่างกายพยายามดูดซึมอาหารมากกว่าปกติ เนื่องจากไม่รู้ว่าคุณจะทานอาหารมื้อใหม่มาให้เผาผลาญพลังงานอีกเมื่อไหร่
3. ใช้วิธี Fasting คำนี้อาจไม่คุ้นหูสำหรับหลายๆ คน “ฟาสติ้ง” (Fasting) หมายถึงวิธีอดอาหารขจัดพิษออกจากร่างกาย คล้ายๆ กับการดีท็อกซ์วิธีหนึ่ง โดยผู้ที่ทำตามวิธีนี้อาจเลือกกินน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทนข้าวไปทั้งวันเพื่อให้น้ำหนักลดลง แต่พวกเขาลืมคิดไปว่าต่อให้ลดน้ำหนักยังไง ร่างกายก็ต้องการสารอาหารครบ 5 หมู่อยู่ดี เพื่อให้สมองทำงานได้เต็มที่ ด้วยเหตุนี้แค่สารอาหารจากน้ำหรือน้ำผลไม้อย่างเดียว มันจะไปพออะไร
4. โหมออกกำลังกายมากเกินไป จริงอยู่-การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่การโหมออกกำลังกายมากเกินไปเพื่อให้ผอมเร็วทันใจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ร่างกายรับภาระหนักเกินไป จนเกิดผลกระทบขึ้นได้ในภายหลัง ยิ่งกว่านั้น คุณยังไม่สามารถทำได้ทุกวันเนื่องจากมีเวลาไม่มากพอ และทำให้ร่างกายอ่อนล้าเกินความจำเป็นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะจะดีกว่า
5. ดื่มน้ำอัดลมไดเอตทั้งหลาย น้ำอัดลมพวกนี้ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ควรเลี่ยงอย่าทานบ่อย เพราะแม้มันจะให้พลังงานน้อยลงหลายเท่าตัว แต่อาจส่งผลเสียกับร่างกายในระยะยาว เช่น ทำให้กระดูกสึกกร่อน ดังนั้นพยายามอย่าดื่มบ่อย ควรเลือกดื่มแค่เวลากระหายจนทนไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าหันไปดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ได้ก็ยิ่งดี
สิ่งที่ควรจดจำให้ขึ้นใจก็คือ การลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความอดทนสูงมาก ซึ่งในบางคนอาจไม่เห็นผลที่ต้องการภายใน 1-2 เดือน หรือ 1-2 ปี ดังนั้นควรมีคาถาประจำใจว่า “อย่าเพิ่งท้อ” และ “อย่าหักโหม”