3 ดีลการตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดของแวดวงนักกีฬา
นักกีฬาที่มีชื่อเสียงไม่เพียงแต่มีรายได้จากการเล่นกีฬาอย่างเงินเดือนและโบนัสจากสโมสรต้นสังกัดของนักฟุตบอลหรือนักบาสเกตบอล หรือเงินรางวัลจากการแข่งขันอย่างนักกอล์ฟหรือนักเทนนิสเท่านั้น แต่พวกเขายังมีรายได้มหาศาลจากแบรนด์สินค้าต่างๆ อีกด้วย ซึ่งด้วยมูลค่าการตลาดที่สูงของนักกีฬาดังจึงทำให้แบรนด์สินค้าต้องการนักกีฬา
ขณะเดียวกันนักกีฬาก็ต้องการแบรนด์สินค้าเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ของตัวเองนอกสนามด้วย ทำให้เมื่อทั้งสองฝ่ายมีการดีลกันจึงเกิดเป็นสัญญามูลค่าสูงทางกีฬา ต่อไปนี้เป็น 3 นักกีฬาที่มีรายรับจากแบรนด์สินค้าสูงสุด
Michael Jordan กับ Nike
Getty Images
เชื่อได้เลยว่า คงไม่มีใครจินตนาการออกแน่ๆ กับการที่แบรนด์ Nike ไม่มีรองเท้าซีรีส์ Jordan เนื่องจากแบรนด์ Jordan เป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ Nike โดยสัญญาแรกของ Michael Jordan มีระยะเวลา 5 ปีด้วยมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี พร้อมกับมีออปชั่นคือ Jordan จะต้องขายรองเท้าแบรนด์ที่มีชื่อเขาให้ได้ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 3 ปีของสัญญา
แต่สิ่งที่ออกมาคือ Nike ขาย Air Jordan รุ่นแรกได้ถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 2 เดือนแรกที่รองเท้ารุ่นนี้วางตลาดเมื่อปี 1985 ขณะที่จนถึงเดือนพฤษภาคม 2016 แบรนด์ Jordan สามารถทำรายได้แก่ Nike มากกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
โดย Nike เชื่อว่า ภายในปี 2020 แบรนด์ Jordan จะสามารถทำรายได้มากถึง 4.5 พันล้านในปี 2020 แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงรายได้ของ Michael Jordan กับ Nike ในปัจจุบัน แต่ด้วยตัวเลขการขายรองเท้า คาดว่าอดีตนักบาสเกตบอลที่โด่งดังกับ Chicago Bulls น่าจะมีรายได้จาก Nike สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
Tiger Woods กับ Nike
อดีตนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก แม้จะเคยมีปัญหาเรื่องนอกใจภรรยาตอนปี 2009 จนทำให้สินค้าหลายรายไม่ว่าจะเป็น AT&T, Gatorade และ Buick ถอนตัวจากการเป็นสปอนเซอร์ แต่นักกอล์ฟเจ้าของแชมป์เมเจอร์ 14 รายการยังคงมีรายได้จาก Nike อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ในปี 2013 ที่ผ่านมา เพิ่งมีการขยายสัญญาออกไป โดยความสัมพันธ์ระหว่าง Woods กับ Nike เริ่มต้นในปี 1996 ด้วยสัญญา 5 ปีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัญญาฉบับที่เซ็นไว้เมื่อปี 2001 จนถึงปัจจุบัน Woods มีรายได้จากสินค้ารวม 740 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
David Beckham กับ Adidas
เช่นเดียวกับนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ ที่ตลอดอาชีพค้าแข้งของ Beckham มีการเซ็นสัญญามูลค่าสูงกับบริษัทต่างๆ อย่างเช่นการรับเงินจำนวน 21.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Armani ระหว่างปี 2008 ถึงปี 2011
อย่างไรก็ตาม แม้จะแขวนสตั๊ดในปี 2013 แต่อดีตนักฟุตบอลทีมปีศาจแดงก็ยังคงมีสัญญากับ Breitling และ Diageo รวมทั้งสินค้าอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าในปี 2014 ที่เขาเลิกอาชีพค้าแข้งแล้ว Beckham ยังมีรายได้จากแบรนด์สินค้ามากถึง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้าที่จ่ายให้ Beckham มากที่สุดคือ Adidas ทั้งนี้สัญญาฉบับดังกล่าวเป็นสัญญาตลอดชีพ เบ็ดเสร็จแล้วมีมูลค่ามากกว่า 160.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้รวมจากสปอนเซอร์ทั้งหมด คาดว่าอยู่ที่ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ