6 วิธีคุณทำได้ ถ้าอยากมี Six Pack

6 วิธีคุณทำได้ ถ้าอยากมี Six Pack

6 วิธีคุณทำได้ ถ้าอยากมี Six Pack
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ซิกซ์แพ็ก” (Six Pack) เป็นคำทับศัพท์หมายถึง “หน้าท้องที่แบนเรียบและแข็งแกร่งจนเห็นกล้ามเนื้อข้างซ้าย 3 มัด ข้างขวา 3 มัด” ที่ผ่านมามีผลการวิจัยหลายชิ้นสรุปตรงกันว่า ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่เกาะติดการสร้างนิสัยในการบริหารกล้ามท้อง เพราะต้องการเห็นผลแบบรวดเร็วทันใจ สุดท้ายก็ลงเอยคล้ายกันคือเลิกล้มความตั้งใจอันแรงกล้าในเวลาอันสั้น

เพราะแท้จริงแล้ว การวิจัยของมหาวิทยาลัยไอโอวา สหรัฐอเมริกา พบว่าผลสำเร็จของการมีกล้ามท้องที่สวยงามนั้น คนที่ทำได้จะพุ่งเป้าไปที่วิธีการทีละขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่กังวลว่าเมื่อไหร่พุงจะแฟบและกล้ามจะโผล่ตามต้องการ ผลการวิจัยยังบอกอีกว่าคนที่มัวแต่รอดูผลลัพธ์ รอดูกล้ามท้องให้มีมัดกล้ามขึ้นมาเร็วๆ มักจะตกม้าตายเสียก่อน เคล็ดลับของงานนี้ก็คือสนใจทำตามขั้นตอนเท่านั้น ไม่ต้องไปกังวลกับผลเพราะได้ตามต้องการแน่นอน

ด้วยวิธีง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพียงแต่คุณปฏิบัติตาม 6 หัวข้อที่เปรียบเหมือนเคล็ดลับทุกๆ วัน รับรองว่าซิกซ์แพ็กกลางลำตัวจะเผยโฉมออกมาอย่างแน่นอน

1. รับอรุณด้วยน้ำ 

ลองนึกภาพตามว่าถ้าคุณทำงานตลอดทั้งวัน 7-8 ชั่วโมง แล้วไม่ได้ดื่มอะไรเลย ไม่ว่าน้ำเปล่า ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ทั้งลำคอและร่างกายรวมถึงเซลล์ภายในของคุณจะมีสภาพเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันคงแห้งผากไปทั่วทุกส่วน ไม่มีใครทำร้ายร่างกายแบบนี้แน่ แต่ในยามที่เรานอนหลับ ระยะเวลาเท่าๆ กับเวลาที่ทำงาน ร่างกายของเราจึงขาดน้ำไปทั่ว ถึงแม้เราจะใช้พลังงานหรือมีกิจกรรมน้อยกว่ายามตื่นก็ตาม ร่างกายของเราก็ขาดน้ำและความชุ่มชื้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมายามเช้า เราควรต้อนรับร่างกายที่แสนรักด้วยน้ำเปล่าแก้วใหญ่ๆ ทันที ก่อนที่จะทำกิจกรรมอื่น นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันวิจัยพบว่าการดื่มน้ำในตอนเช้าประมาณ 300 – 500 ซีซี จะช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้พุ่งขึ้น 24% ต่อเนื่อง 90 นาทีหลังจากนั้น (แต่ถ้าจำนวนไม่มากพอ เช่นแค่จิบๆ จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อร่างกาย) และจะทำให้เซลล์กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น อีกอย่างที่ไม่ควรลืมคือ ตลอดทั้งวันเราควรเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายให้ได้ 1-2 ลิตร

2. อย่าละเลยอาหารเช้า 

มหาวิทยาลัยแมสซาชูเสตได้ทำการวิจัยไว้ว่า หนุ่มที่งดอาหารเช้ามีโอกาสที่จะพุงยื่นกว่าคนที่กินอาหารเช้าสม่ำเสมอถึง 4.5 เท่า ซึ่งน่าจะมีคำขวัญเตือนใจหนุ่มๆ ว่า “ปริมาณอาหารเช้าจะเป็นปฏิภาคผกผันกับขนาดรอบเอวของคุณ” แปลว่า “จงกินอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ จะได้พุงเล็กหรือไม่มีพุง”

3. ก่อนรับประทานทุกครั้งให้นึกถึงเป้าหมายคือซิกซ์แพ็กเอาไว้ 

แนวคิดนี้จะช่วยได้มากสำหรับหนุ่มๆ ที่มุ่งมั่นในเป้าหมายก่อนจะใส่อะไรตามใจปาก เช่น เขาจะคิดคำนวณว่าถ้ากินขาหมูจานนี้หรือเลือกปลานึ่งจานโน้น จานไหนจะทำให้กล้ามท้องเป็นไปตามที่เขาต้องการมากกว่ากัน ปลูกฝังความคิดแบบนี้ในหัวคุณเอาไว้เสมอ เพราะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไอโอวาวิจัยกับหนุ่มหุ่นดีมากมาย แล้วพบว่านี่คือวิธีที่พวกเขาทำแล้วได้ซิกซ์แพ็กมาอวดสาว

4. เตรียมอาหารมีประโยชน์ไว้ใกล้ตัว 

เพราะบ่อยครั้งที่เราตามใจปากตามใจท้องโดยไม่ตั้งใจ เช่น กำลังอยู่ในช่วงดูแลหุ่นแต่วันนี้หิวหน้ามืดเดินผ่านร้านข้าวมันไก่ก็ตบะแตกทันที หรือทำงานยามบ่ายกำลังง่วงพรรคพวกชวนกินเค้กก้อนใหญ่ก็ขัดไม่ได้ ฯลฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านซิกซ์แพ็กแนะวิธีป้องกันง่ายๆ คือให้เตรียมของว่างที่มีคุณภาพไว้ใกล้ตัว เช่น แอปเปิ้ลสำหรับตอนเช้า ตอนบ่ายอาจเป็นกล้วยหอมหรือโปรตีนเชค (ที่อิ่มท้องได้พลังงานแต่ไม่เพิ่มไขมันส่วนเกิน) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการเตรียมของว่างคุณภาพไว้ใกล้ตัว จะทำให้เราได้รับพลังงานเพียงพอกับการใช้งาน หรือเก็บไว้ใช้ในการออกกำลังกาย และไม่ทำให้เรามีส่วนเกินที่จะสร้างเป็นไขมันปกปิดกล้ามท้องของเราเสียมิดชิด

5. ออกกำลังกายให้ถูกวิธี 

เพราะทั้งหญิงและชายมีกล้ามท้องเป็นมัดทุกคน แต่เรามักไม่ค่อยเห็นเนื่องจากเอาชั้นไขมันปกปิดไว้ บางคนเข้าฟิตเนสออกกำลังกายพยายามทุกวิถีทางเพ่งไปที่กล้ามท้อง เช่น ซิทอัพเป็นร้อยครั้ง กลับได้ผลไม่มากเท่าการขจัดไขมันออกจากพุง ซึ่งวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมี 2 วิธีคือ การยกน้ำหนักและการออกกำลังกายแบบ HIIT (High – Intensity Interval Training)

ที่ผ่านมา เราฟังจนคุ้นเคยว่าควรออกกำลังกาย 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที ซึ่งวิธีดังกล่าวมีผลต่อการลดน้ำหนักสำหรับผู้เริ่มต้น และช่วยให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจแข็งแรง แต่ไม่สามารถทำให้ไขมันส่วนเกินออกไปได้รวดเร็วทันใจ การออกกำลังกายแบบ HIIT ช่วยได้ เพราะเนื้อหาของมันคือรวดเร็ว เข้มข้น และหนักหน่วงเพียงพอ เช่น แทนที่คุณจะวิ่งเหยาะๆ 30 นาทีแบบเหงื่อซึม ก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเร็วแบบวิ่งแข่ง กระทั่งเหนื่อยมากแล้วหยุดเดิน หายเหนื่อยก็ทำซ้ำแบบเดิม

การออกกำลังกายแบบนี้จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายมากกว่าการวิ่งเหยาะแบบยาวนาน อีกทั้งยังมีผลต่อเนื่องถึง 39 ชั่วโมงหลังจากนั้น หรือการยกน้ำหนัก 30 นาทีก็เผาผลาญแคลอรี่ได้เท่ากับการวิ่งเร็ว 4 นาที/กิโลเมตร (ราว 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และการยกน้ำหนักจะได้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมา

6. อย่านอนดึก 

เพราะการนอนดึกทำให้ลงพุง ฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่มหาวิทยาลัยชิคาโกมีการวิจัยพบว่า หากคุณนอนไม่หลับหรืออดนอนเพียง 3 คืน จะทำให้เซลล์กล้ามเนื้อต่อต้านฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งการต่อต้านนี้ทำให้เกิดไขมันไปสะสมเพิ่มขึ้นที่หน้าท้องของเราได้

จะเห็นว่า 6 วิธีที่กล่าวมา ทำได้ไม่ยากถ้าตั้งใจ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการกินและการนอน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับให้ถูกทิศถูกทางเท่านั้นเอง แล้วกล้ามท้องงามๆ ซิกซ์แพ็กสวยๆ จะเป็นของคุณ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook