In Her Own Way เกรซ-บูชิตา

In Her Own Way เกรซ-บูชิตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ชีวิตเกรซไม่ค่อยเหมือนเน็ตไอดอลคนอื่นๆ หรอกพี่” ‘เกรซ-บูชิตา โค้ววิลัยแสง’ ออกตัวกับเราตั้งแต่ยังไม่เริ่มบทสนทนา สายวันนั้น เธอมาพบเราที่ร้านกาแฟใจกลางเมืองในลุคมั่นใจ ด้วยเสื้อแขนยาวสีดำและกางเกงยีนส์ขาม้าสีอ่อน มาพร้อมกับอารมณ์ขันและความตรงไปตรงมาของเธอ จาก ‘เกรซ’ ที่เรารู้จักผ่านโซเชียลมีเดียในภาพสาวผมสั้นหน้านิ่ง กลายมาเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีที่คุยสนุกคนหนึ่งภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่เชื่อไหมว่าภายใต้ดวงตาคู่สวยและเสียงหัวเราะอันมีเสน่ห์ของเธอนั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราคาดไม่ถึง
 
The Beginning
งานตอนนี้ที่เราทำส่วนใหญ่จะเป็นงานถ่ายแบบเสื้อผ้า มันเริ่มมาจากถ่ายให้เพื่อน ถ่ายให้รุ่นพี่รุ่นน้อง คนก็เริ่มเห็นหน้าเห็นตาเยอะขึ้นเรื่อยๆ พอเขาเห็นเราจากร้านนี้ เขาก็จ้างต่อไปเรื่อยๆ หลายร้านก็จ้างเราประจำเลย เดือนหนึ่งถ่าย 7-8 ครั้ง ซึ่งเราเพิ่งรับงานเยอะๆ ช่วง 2-3 เดือนมานี้ มีถ่ายงานแทบทุกวัน อย่างอินสตาแกรมส่วนตัวก็เพิ่งเปิดเป็น public ไม่นานมานี้เอง ตอนแรกมีคนฟอลโลว์ 2 พันกว่าๆ ตอนนี้พอมีเพจต่างๆ เอาไปแชร์ ก็เพิ่มมาเป็นสี่หมื่นกว่าแล้ว ตกใจเหมือนกัน

Before Today
เราเรียนจบสาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตอนที่เลือกคณะก็นึกมาตลอดว่าตัวเองชอบทางศิลป์ เพราะไม่ชอบวิทย์คณิต พอมาเรียนก็สนุกดีนะ แต่มันใช้ความคิดมากกว่าใช้ฝีมือ เน้นวิธีคิด กระบวนการคิดต่างๆ มากกว่า หลังจากเรียนจบเราเคยเป็นฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซเนอร์มาก่อน งานหนักมาก งานเยอะ แล้วก็ได้เงินน้อย (หัวเราะ) พอมาเจอทางนี้ก็เลยอยากลองดู ทำๆ ไปมันก็เวิร์กดี เพราะเรามีคอนเน็กชั่นเยอะ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่ทำงานเบื้องหลังก็เยอะ

 

When I Was Young
เกรซเคยผอม แล้วก็อ้วน แล้วถึงกลับมาผอม ตอนเด็กๆ เป็นคนผอม แต่สุขภาพไม่ค่อยดีเลยไปหาหมอ หมอเขาก็ให้ทานยาที่ทำให้เรากินเยอะๆ แล้วเราก็กิน กิน กิน กิน (หัวเราะ) เราก็เลยอ้วน จากน้ำหนัก 40 กิโลกรัมขึ้นมาเป็น 60 กิโลกรัมเลย พอน้ำหนักขึ้นความมั่นใจหายไปหมดเลยนะ เริ่มเก็บตัว ชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน โซเชียลมีเดียไม่ค่อยเล่น ช่วงนั้นกินแต่ขนม จนเข้ามหาวิทยาลัยมีเพื่อนกลุ่มใหม่ เริ่มกินอาหารเป็นมื้อๆ

The New Grace
พอผอมลงเพื่อนยุให้เปิดอินสตาแกรมเป็น public เพราะเดี๋ยวนี้โลกมันเชื่อมถึงกันหมด เวลามีงานก็ได้มาทางอินสตาแกรมก็เยอะ แล้วตอนแรกเราไว้ผมยาว นี่เพิ่งมาตัดผมสั้น พอผมสั้นคนให้ความสนใจมากขึ้น เริ่มจ้างงานเรามากขึ้น เพราะเทรนด์สมัยนี้ด้วยแหละ ผมสั้นกำลังมาแรง (ยิ้ม)

 

The Best Lesson
เกรซอยู่มาทุกสังคมแล้ว ตอนเด็กๆ เราผอม เราป๊อปปูลาร์ สังคมเราเป็นอีกแบบหนึ่ง พอเราอ้วน มันเป็นอีกแบบหนึ่ง อย่างผู้ชายที่แต่ก่อนเคยชอบเรากลายเป็นมาล้อเลียนเราแทน คือเราเห็นธาตุแท้ของคนมาเยอะว่าจริงๆ แล้ว แต่ละคนมีข้อเสียอยู่ในตัว การได้ผ่านสังคมมาหลายๆ แบบมันทำให้เรามองคนได้กระจ่างขึ้น เมื่อก่อนเราคิดว่าเขาชอบเราจริงๆ พออ้วนปุ๊บเลยรู้ว่ามันไม่จริงเลย ตอนนี้เวลาใครเข้ามาพูดดีด้วย ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เราจะฟังหูไว้หู ไม่ได้ให้ทั้งใจไปเลย มีนะที่ต่อหน้าพูดกับเราดีมาก แต่ลับหลังไปคุยกับคนอื่นถึงเราอีกแบบหนึ่ง

Best Friends for Life
ส่วนคนที่เราให้ใจจริงๆ จะเป็นคนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะตอนอ้วน ตอนผอม ตอนป๊อปปูลาร์ ตอนไม่ป๊อปปูลาร์ คนใหม่ๆ ที่เข้ามาเราจะยังดูไม่ค่อยออก เพราะมันยังไม่มีเหตุการณ์ให้พิสูจน์ เพื่อนเราส่วนใหญ่จะเนิร์ดๆ ทั้งนั้นเลย (หัวเราะ) บางคนจะงงว่าทำไมเพื่อนคนละสไตล์กับเกรซเลย เกรซเป็นคนแต่งตัวเยอะ แต่เพื่อนจะใสๆ เรารู้สึกว่าเราอยู่กับคนสวยไม่ได้ คนที่นิสัยผู้หญิงจ๋าๆ รักสวยรักงาม ติดแฟน คือไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเขานะ แต่คนแบบนี้จะไม่ค่อยชอบเรา จำได้เลยว่าช่วงสมัยเล่น Hi5 เราโดนด่าอย่างแรงเลยในโซเชียล พออ้วนคนพวกนั้นยิ่งมาซ้ำเติม มาทับถมเรา สไตล์ผู้หญิงๆ แหละ แต่มันยิ่งทำให้เราไม่มั่นใจเข้าไปอีก เพื่อนแท้ของเราตอนนี้คือเพื่อนสมัยมัธยม เพราะเราอยู่โรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ประถมเลย

 

Me as a Friend
เราเป็นคนฮาๆ ยังไงก็ได้ คุยเก่ง เสียงดัง เราอยู่กับเพื่อนได้ทุกกลุ่ม อย่างสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เรามีกลุ่มเพื่อนของเราอยู่แล้ว เวลาอาจารย์ให้จับกลุ่มทำงาน เราจะไปอยู่กับเพื่อนของเราก็ได้ แต่เราจะเลือกไปอยู่กับเพื่อนที่โดนแบน เพราะเราอยู่กับใครก็ได้ มีเพื่อนหลายกลุ่ม ไม่คิดมาก แต่เพื่อนที่สนิทใจจริงๆ มีไม่เยอะ

I Like…
ก่อนจะชอบแต่งตัว เราเริ่มจากการแต่งหน้ามาก่อน แล้วถึงเริ่มมาชอบเสื้อผ้า แต่ตอนอ้วนไม่ค่อยได้แต่ง เพราะใส่อะไรก็ไม่มั่นใจ อยากใส่กางเกงยีนส์ขายาว แต่มันดูตัน คือรู้สึกไปเองทั้งนั้น (หัวเราะ) พอผอมเลยกลับมาแต่งตัวใหม่ สนุกกับมันมากขึ้น ส่วนงานอดิแรกเราชอบดู YouTube เวลาว่างๆ ชอบดูรายการของฝรั่ง ส่วนมากจะเป็นพวกแฟชั่นกับอาหาร อย่าง Project Runway หรือ Master Chef เราชอบรายการที่มันมี Episode เยอะๆ จะได้ดูนานๆ (หัวเราะ) เพลงเราก็ฟังนะ ตอนนี้กำลังชอบศิลปินคนหนึ่งชื่อ Borns เป็นผู้ชายชาวอเมริกันผมยาวๆ หรืออย่าง Lana Del Ray ก็ชอบเหมือนกัน เราชอบฟังเพลงเศร้า ดนตรีหน่วงๆ เนื้อหาอารมณ์ ‘อย่าทิ้งฉันไป’ อะไรทำนองนั้น

 

Grace’s World
เราเป็นคนชอบดูหนังโรคจิต พวกหนังฝรั่งเศสเขาทำถึง เราชอบเพราะมันแปลก เดี๋ยวนี้ดูหนังปกติก็ไม่ค่อยชอบ เรารู้สึกหนังพวกนั้นมันจริงกว่า วิธีคิดแตกต่างจากหนังทั่วไป มันลึกเข้าไปอีก มันสอนให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วโลกไม่ได้สวยงาม โลกที่เราอยู่นั้นธรรมดามาก มันมีโลกที่แย่กว่านี้อีกเยอะ เหมือนอย่างคนชอบบอกว่า ชีวิตเกรซจะดาร์กอะไรนักหนา ดูน่าจะมีความสุข ไม่น่าจะมีมุมที่แย่ๆ มีการมีงานที่ดี มีเพื่อน มีครอบครัว ซึ่งเรามองว่ามันไม่เกี่ยวนะ จะสุขไม่สุขมันอยู่ที่ในหัวเรามากกว่าว่าเราคิดอะไร มองสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวแบบไหน เกรซเคยมีช่วงแย่ๆ อยู่กับตัวเองมากๆ เห็นคนที่แย่ๆ กับเรา เราชอบคิดแทนว่าคนนี้ต้องเกลียดเราแน่ๆ ซึ่งบางทีเขาไม่ได้คิดอะไรเลยนะ มีแต่เราคิดไปเองทั้งนั้นแต่ตอนนี้มีความสุขแล้วค่ะ ไม่ได้คิดมากเหมือนก่อนแล้ว หรือเพราะไม่มีเวลาคิดก็ไม่รู้ (หัวเราะ)

Love is…
ในชีวิตนี้ เรามีแฟนแค่คนเดียว ซึ่งก็คือคนปัจจุบัน ตอนนี้คบกันมา 3 ปีแล้ว สำหรับเราความรักคือ ความเป็นเพื่อน เราไม่เคยคุยกับคนไม่รู้จักนะ แบบเข้ามาจีบทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกัน เราจะไม่คุยเลย กลัว อย่ามายุ่งนะ (หัวเราะ) แต่พอเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนจะโอเค เพราะเราได้เห็นว่าเขานิสัยเป็นยังไง จีบใครมาแล้วบ้าง อย่างแฟนเกรซเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน เห็นกันมาทั้งช่วงที่ดีมากๆ และแย่สุดๆ ตอนก่อนจะคบกันมีแต่คนห้าม (ยิ้ม) แต่เรามองว่าในเมื่อเราเห็นเขามาหมดแล้ว รู้จักเขามาหมดแล้ว เราไม่ชอบการเซอร์ไพรส์ที่ตอนจีบดีมากๆ พอคบกันเป็นแฟนแล้วเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

Secret of Love
สิ่งที่สำคัญมากในความสัมพันธ์คือ การเป็นตัวเราเอง อย่างเกรซก็ไม่ใช่คนปกตินะ ชอบอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ชอบออกไปไหนมากมาย แฟนเราจะต้องเข้าใจว่า ฉันมีโลกของฉัน เธอมีโลกของเธอ บางทีอยู่ด้วยกันไม่ต้องคุยกันก็ได้ เธออยากทำอะไร เธอก็ทำ ฉันอยากทำอะไร ฉันก็ทำ ไม่ต้องมาบังคับกัน สมัยเรียนเราจะติดแฟนมาก เพราะเรียนด้วยกัน เจอกันทุกวัน พอเรียนจบ ทำงาน ก็ห่างๆ กันบ้าง แต่จะต้องคุยกันทุกวัน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่วันแรกที่คบกัน บางคู่เขาไม่คุยกันเป็นอาทิตย์ๆ ได้เลยนะ เราไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะขนาดเราคุยกันทุกวัน พอไม่ค่อยได้เจอ ยังรู้สึกว่าห่างๆ กันเลย

My Happiness
ความสุขของเราวันนี้คือ ความสำเร็จทางด้านการงาน เวลามีคนมาจ้างเรา มันเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งนะ จริงๆ ความสุขของเรามีไม่กี่อย่าง หาเงินด้วยตัวเองได้ เลี้ยงข้าวพ่อแม่ได้ เลี้ยงน้องได้ ตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานตรงนี้อยู่ แต่ต่อไปเราตั้งใจจะสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง แบรนด์ที่เป็นสไตล์เรา

 

Be Yourself
เราต้องภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง จะอ้วน จะผอม จะมีสีผิวอะไร ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนใครเลย มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองดีกว่า เทรนด์เดี๋ยวนี้มาไวไปไว อย่างตอนนี้ผมสั้นกำลังฮิต คนพากันตัดผมสั้นจนเกลื่อนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนตัดผมสั้นแล้วจะรอด สู้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่เรามั่นใจดีกว่า จะอ้วน จะผอมเหมือนกันแหละ ข้างในมันไม่ได้เปลี่ยน มันแค่เปลี่ยนคนที่เข้ามาหาเรามากกว่า

Instagram: @gracebuchita
 
เรื่อง : พิมพ์อร นทกุล
ภาพ : พาณุวัฒน์ เงินพจน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook