5 หนุ่มมนุษย์ไฮเทคฝัง Gadgets ในร่างกาย
ปฎิเสธไม่ได้ว่าเลยเทคโนลียีนั้นสร้างความสะดวกสบายให้กับพวกเรามากแค่ไหน และถ้าความสะดวกสบายจะดีขึ้นไปอีกถ้าหากว่าเราไม่ต้องพกพาเจ้าอุปกรณ์เทคโนโลยีพวกนี้ไปไหนต่อไหนให้เมื่อยอีกต่อไปแล้ว เพราะเราจะฝังมันไว้ในร่างกายเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ฟังดูแล้วน่าเหลือเชื่อใช่มั้ยครับ แต่มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ตามไปดูกันครับท่าน....
1. Neil Harbisson ฝังเสาอากาศอยู่ที่หัวแก้อาการตาบอดสี
Neil Harbisson เกิดมาพร้อมกับความผิดปรกติทางสายตาไม่สามารถมองเห็นสีได้ทุกสี แต่หลังจากที่เขาได้ฝังอุปกรณ์ Eyeborg ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Adam Montandon ไว้ในหัว เขาก็สามารถมองสีต่างๆได้เหมือคนปรกติทั่วไป โดยเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จะแปลงสีที่เห็นเป็นสัญญาณเสียงเข้าสู่สมองของเขา ทำให้เขาได้สัมผัสกับโลกใหม่ที่กว้างขึ้น
2. Amal Graafstra ฝังชิป RFID ลงในมือของเขา
Amal Graafstra ได้ฝังชิป RFID ในแต่ละมือของเขาซึ่งคุณสามารถมองเห็นชิปที่อยู่ใกล้กับนิ้วหัวแม่มือในภาพเอ็กซ์เรย์ และเขายังเป็นเจ้าของบริษัท Dangerous Things ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเจ้าชิปดังกล่าว ซึ่งความมหัศจรรย์ของชิปนี้คือเขาตั้งโปรแกรมช่วยในการปลดล็อครถ บ้านและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคลื่นจากมือของเขา โดยไม่ต้องมองหากุญแจที่หายไปหรือลืมรหัสผ่าน
3. Kevin Warwick และภรรยากับ Gadget ที่ทำงานร่วมกันได้
Kevin Warwick ศาสตราจารย์ของไซเบอร์เนติกส์ที่มหาวิทยาลัยอังกฤษ เขาทำวิจัยในการประดิษฐ์หุ่นยนต์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ เขาทดลองฝังอุปกรณ์เอาไว้ในแขนของตัวเองซึ่งจะเชื่อมโยงระบบประสาทของเขาโดยตรงกับคอมพิวเตอร์ ทำให้เขาสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆในบ้าน เช่น ไฟ เครื่องทำความร้อนและเครื่องคอมพิวเตอร์ จากระยะไกล
ทั้งนี้ ภรรยาของเขา Irena ยังใส่รากฟันเทียมเข้าไปในร่างกายของเธอและสามารถควบคุมอุปกรณ์ในแขนของสามีได้ด้วย
4. Tim Cannon ฝังอุปกรณ์ตรวจร่างกายไว้ในแขน
Tim Cannon ได้ฝังอุปกรณ์เอาไว้ในแขนของเขามีชื่อว่า Circadia 1.0 ความสามารถมันก็เหมือนกับการตรวจเช็คร่างกายอยู่ตลอดเวลา มันจะส่งผลไปแสดงในสมาร์ทโฟ รวมทั้ง เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคอื่น ๆได้ด้วย
5. Fingerborg ฝังนิ้วเทียมเพื่อผู้พิการที่ไม่มีนิ้วมือ
เป็นอีกหนึ่งผลงานของมูลนิธิหุ่นยนต์ fingerborg ที่ผลิตนิ้วเทียมที่มีกล้องขนาดเล็กอยู่ภายใน ซึ่งจะฝังให้กับผู้พิการทางนิ้วและยังสามารถควบคุมได้เหมือนนิ้วจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก
businessinsider