“จูบแบบดูดดื่ม” อาจได้เชื้อโรคเป็นของแถม

“จูบแบบดูดดื่ม” อาจได้เชื้อโรคเป็นของแถม

“จูบแบบดูดดื่ม” อาจได้เชื้อโรคเป็นของแถม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จูบ เป็นการแสดงความรักอีกรูปแบบหนึ่งของคนที่รักกัน แต่รู้หรือไม่ว่า เมื่อคุณจูบแบบดูดดื่ม (Deep Kiss) กับคนรัก อาจเป็นการเพิ่มโอกาสติดเชื้อโรคผ่านทางน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบางโรคก็เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต 

ไข้หวัด

ไข้หวัด อาจดูเป็นชื่อโรคที่ดูธรรมดา เพราะเจ็บป่วยเพียงไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่อย่าได้ประมาทไป หากเชื้อไข้หวัดที่คุณได้รับเข้าไปเป็น เชื้อไข้หวัดใหญ่ จากอาการป่วยที่ดูไม่ร้ายแรง ก็จะเปลี่ยนไปทันที ยิ่งระหว่างป่วยถ้าคุณมีโรคแทรกซ้อนเข้าไปด้วย อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

คออักเสบ

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส กรุ๊ปเอ ซึ่งอยู่ในน้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะ อย่างไรก็ดี แม้โรคคออักเสบไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร สามารถหายได้เอง แต่หากเป็นโรคนี้ ก็เท่ากับเพิ่มความยากลำบากในกลืนอาหารเหมือนกัน เพราะคอของคุณจะอยู่ในสภาวะอักเสบ หรือมีแผลภายในลำคอนั่นเอง

โรคมือเท้าปาก

ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราก็มีสิทธิ์เป็นโรคมือเท้าปากได้ อาการที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ คือ เริ่มมีไข้ มีแผลในปากคล้ายแผลร้อนใน หรือมีตุ่มน้ำใส ๆ ขึ้นตามบริเวณฝ่าเท้า ฝ่ามือ หรือตามลำตัว เมื่อป่วยด้วยโรคนี้ คุณควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองไม่ไปแพร่เชื้อใส่ผู้อื่น

แต่อย่างไรก็ดี เชื้อโรคมือเท้าปาก ยังมีสายพันธุ์อันตรายแฝงอยู่ อย่างสายพันธุ์เอนเทอโรไวรัส (EV) 71 หากคุณติดเจ้าเชื้อตัวนี้แล้ว มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นหากใครป่วย ควรรีบไปพบแพทย์ดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง

โรคเริมที่ปาก

เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes virus (HSV) ซึ่งเจ้าไวรัสชนิดนี้จะแฝงอยู่ในน้ำลาย น้ำเหลือง หรือแม้กระทั่งอสุจิ อาการเริ่มต้นของโรคเริม คือ มีตุ่มใส ๆ ขึ้นที่บริเวณริมฝีปาก มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณดังกล่าว หากอาการรุนแรงถึงขั้นมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส และมีน้ำเหลืองไหลออกมาจากตุ่มแผล ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการดังกล่าวกำลังบอกว่า ตุ่มเริมมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น

ไวรัสตับอักเสบ

สำหรับไวรัสตับอักเสบในปัจจุบัน มีอยู่หลายสายพันธุ์ทั้งไวรัสตับอักเสบ A B C ไปจนถึงไวรัสตับอักเสบ G แต่ไวรัสตับอักเสบที่ติดต่อผ่านทางน้ำลาย มีเพียง 2 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบ A และไวรัสตับอักเสบ E เท่านั้น

สำหรับอาการของผู้ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ A ที่สามารถสังเกตได้ คือ มีไข้ ตัวร้อน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา ท้องร่วง หรือมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองที่เรียกว่า ดีซ่าน

ขณะที่อาการของไวรัสตับอักเสบ E นั้น มีอาการคล้ายคลึงอาการไวรัสตับอักเสบ A แต่จะเห็นอาการตัวเหลือง ตาเหลืองเด่นชัดกว่า

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เป็นโรคร้ายแรงที่ติดต่อผ่านทางน้ำลายหรือเสมหะ เมื่อเริ่มติดเชื้อผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง คลื่นไส้อาเจียน ชัก ตาสู้แสงไม่ได้ หากรักษาไม่ทัน อาจถึงขั้นหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตจนถึงแก่ชีวิตได้

ไข้กาฬหลังแอ่น

เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria meningitides ซึ่งมีความรุนแรงมาก หากเชื้อดังกล่าวเข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบประสาทส่วนกลาง จะทำให้มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีไข้สูง ต่อมาเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัว ลักษณะคล้ายจุดเลือดออก

และหากเชื้อดังกล่าวเข้าไปถึงเยื่อหุ้มสมอง จะทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง ไม่ค่อยรู้สึกตัว สับสน อาจมีอาการชักเกร็ง หลังแอ่นแข็งได้ ซึ่งนี่เป็นที่มาของชื่อ โรคไข้กาฬหลังแอ่น ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ดี บางคนที่ได้รับเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นเข้าไป แต่ไม่แสดงอาการ ก็ไม่ได้ความว่าคุณจะปลอดภัยจากเจ้าเชื้อโรคนี้ เพียงคุณได้เปลี่ยนสถานะจากผู้ป่วยเป็นพาหะแทน

โรคโมโนนิวคลิโอลิส หรือ โรคติดต่อทางการจูบปาก

เกิดจากไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr virus) โดยเจ้าไวรัสตัวนี้ถ่ายทอดผ่านทางน้ำลาย หรือเสมหะ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคดังกล่าวจะมีไข้สูง เจ็บคอ และอาจคลำเจอก้อนที่เกิดจากต่อมน้ำเหลืองโต

และไวรัสชนิดนี้หากเคยเป็นแล้ว จะอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิตเหมือนกับโรคเริมหรืออีสุกอีใส และจะกำเริบขึ้นมาเมื่อร่างกายอ่อนแอ

โรคฟันผุ

ใครจะคาดคิดว่า “โรคฟันผุ” ก็เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางน้ำลาย ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตค็อกคัส มิวแทนส์ โดยเจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวนี้จะย่อยแป้งและน้ำตาลที่ติดตามซอกฟัน ทำให้สารเคลือบฟันโดนทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook