เบื้องหลังความอัจฉริยะของ คุณโจ้-ช.การช่าง ที่ผันตัวจากเด็กเนิร์ด สู่หนุ่มล่ำสุดแซบ

รู้จักกับหนุ่มหล่อที่ฮอตที่สุดในวงสังคมนาที คุณโจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ทายาทหนุ่มหล่อแห่งอาณาจักร ช.การช่าง

ชายหนุ่มหล่อล้ำ ผู้อยู่เบื้องหลังระบบคมนาคมของเมืองไทย โดยเฉพาะระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ก็มีผู้ชายคนนี้ล่ะค่ะ เป็นผู้ปลุกปั้นจนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ใครที่ไหนหนุ่มหล่อเจนเนอเรชั่นที่สองแห่งอาณาจักร ช.การช่าง'คุณโจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์' นั่นเอง แต่กว่าจะประสบความสำเร็จ เป็นหนุ่มหล่อสุดแซบจนโลดแล่นอยู่ใรสังคมอย่างทุกวันนี้ เชื่อหรือไม่ว่า "คุณโจ้เคยเป็นเด็กเนิร์ดมาก่อน!"

คุณโจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์

ด้วยตำแหน่งเลขานุการบริษัท และผู้จัดการสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลด้านบรรษัทภิบาล นักลงทุนสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ CSR และเริ่มดูแลบัญชี ประจำสำนักงานใหญ่ ด้านการศึกษานั้นเรียกว่าโดดเด่นจนต้องร้องว๊าวว!!!

พ่วงดีกรีการศึกษาจาก Ivy League คว้าปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขา Electrical Engineering and Visual Art (Double Major) จาก Brown University และ คว้าทุนปริญญาโท Stanford University สาขา Management Science & Engineering (Financial Engineering)

พิสูจน์ตัวเองด้วยผลการเรียน 4.00

"ผมไปเมืองนอกตอนอายุ 15 ปี เข้าเรียนไฮสคูลที่คอนเนกติกัต ใกล้กับ Brown University ไปอยู่คนเดียวในช่วงแรกกดดัน เป็นเด็กเอเชีย อยู่โรงเรียนประจำ ใช้ชีวิตอยู่หอพักกับเด็กฝรั่ง พูดภาษาอังกฤษไม่ชัด เล่นกีฬาไม่เก่ง แต่สิ่งเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าผมทำได้ดีไม่แพ้คนอื่นคือการเรียน ใช้เวลาปรับตัว 2 ปี จนได้รับการยอมรับในคลาสด้วยผลการเรียน 4.00"

 

 
พบความสุขช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย

"ผมเลือกเรียน Brown University เพราะชอบวิทยาศาสตร์ เรียนสาขาวิศวะไฟฟ้า แล้วก็สนใจด้านศิลปะ ชอบวาดรูป งานเครื่องปั้นดินเผา Brown University อยู่ติดกับ Rhode Island School of Design (Risd) มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและกราฟิกดีไซน์ อยู่ในเมืองโพรวิเดนซ์ นักศึกษา Brown University ลงเรียนที่ Risd ได้ จึงเรียนสองสาขาควบคู่กัน ผมได้ดับเบิลเมเจอร์ ทั้งวิศวะไฟฟ้าและอาร์ต โชคดีที่ได้เรียนสิ่งที่อยากเรียน ซัมเมอร์ผมจะเน้นอาร์ต เรียนวิชาวาดรูป สบายๆ เพราะเป็นสิ่งที่ชอบ ผมให้ความสำคัญเท่ากันวิศวะและศิลปะ มีคลาสยากง่ายต่างกัน อาร์ตต้องไปเรียน Art History ทำรีเสิร์ช เขียนรายงานไม่ค่อยคล่องเท่าไร ชอบปฏิบัติมากกว่า วิศวะยากสุดคือเขียนภาษาอังกฤษ ผมไม่ถนัด แต่ถ้าคิดเลขกับวาดรูปสบายมาก”

เด็กเนิร์ด

คุณพ่อปลิว ตรีวิศวเวทย์ และคุณโจ้

"คุณพ่อ (ปลิว ตรีวิศวเวทย์) ช่วยตัดสินใจ อยากให้เรียนวิศวะเพราะท่านจบวิศวะไฟฟ้าจากญี่ปุ่น ผมชอบด้วย ช่วงเรียน Brown University ได้ทำสิ่งที่ชอบ มีประสบการณ์ใหม่ๆ มีอิสระ เปิดกว้างในการเลือกเรียนคลาส ผมค่อนข้างเนิร์ด... สอบได้ 4 ทุกตัว เพราะมีคุณพ่อเป็น Role Model ท่านเรียนเก่ง จากเด็กสุพรรณบุรี ได้ทุนมาเรียนสวนกุหลาบ ได้ทุนไปเรียนญี่ปุ่น เราเรียนด้วยทุนพ่อทุนแม่ ยิ่งต้องขยันตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ ปริญญาโทได้ทุนไปเรียนที่ Stanford University มหาวิทยาลัยในฝันตั้งแต่เด็ก ช่วงต้นปีซีเนียร์ผมสมัคร Early Action ที่อเมริกาสมัครมหาวิทยาลัยที่ชอบมากได้ 1 แห่ง ถ้าสอบได้ก็ได้เลยไม่ต้องสมัครแห่งอื่นๆ เสียใจที่เข้า Stanford University ไม่ได้ เลยตั้งเป้าว่าจะต้องจบโทที่ Stanford University ให้ได้ ต้องได้ทุนเรียนฟรี ผมศึกษาแนวทางทุกวิธี ทำรีเสิร์ช ปรากฎผมสอบได้ทุนทั้งปริญญาโท และปริญญาเอก การเรียนเมืองนอกทำให้มีความคิดและชีวิตที่อิสระ เป็นตัวของตัวเอง พึ่งพาตัวเอง สามารถอยู่คนเดียวได้”

Ivy League มหาวิทยาลัยในฝัน

"เด็กไทยที่ใฝ่ฝันจะเรียน Ivy League อย่างน้อยเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ หรือไปต่อไฮสคูลอเมริกาหรืออังกฤษ จะมีโอกาสดีกว่า...เพราะภาษาสำคัญ และระบบการเรียนสอนให้เด็กใช้ความคิด และจัดกิจกรรมให้ ตอนไฮสคูลผมเล่นกีฬาทุกวัน วันเสาร์ตระเวนไปแข่งกีฬากับโรงเรียนเพื่อนบ้าน การเตรียมตัวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ต้องสอบ SAT ถ้าเด็กต่างชาติต้องสอบ TOEFL การเขียน Essay ให้น่าสนใจจำเป็นมาก...ทำไมถึงอยากเข้ามหาวิทยาลัยนี้ จุดเด่นจุดด้อยของคุณคืออะไร อะไรคือแรงบันดาลใจ ที่สำคัญอยู่ที่ทำกิจกรรมด้วย ถ้าเป็นนักกีฬาทีมชาติ หรือเป็นนักเรียนทุนคิงส์ ได้เปรียบมาก เราต้องฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ตอนทำข้อสอบ SAT มีภาคเลข กับภาคภาษาอังกฤษ อาจเจอศัพท์ประหลาดยากมากที่ไม่เคยเห็น คะแนนเต็ม 800 เลขผมได้เต็ม 800 แต่อังกฤษผมได้แค่ 500 (หัวเราะ)"

 

คุณโจ้บอกเหตุผลดร็อปทุนปริญญาเอกว่า หลังจบป.โทด้านวิศกรรมการเงิน ต้องการหาประสบการณ์ด้านไฟแนนซ์ จึงไปทำงานบริษัทไฟแนนซ์ที่นิวยอร์ก 6 ปี ก่อนจะบินกลับมาเริ่มงานธุรกิจครอบครัวเมื่อ 2 ปีก่อน

 

"ผมรู้สึกว่าความรู้ที่เรียนมาทั้งวิศวะและการเงิน ครอบคลุมพอที่จะมาช่วยสานต่อเจนเนอเรชั่นที่สองของ ช.การช่าง ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 43 แล้ว ต้องให้เครดิตพี่น้อง ทีมงาน ช.การช่าง ทุกคนที่ผลักดันให้เป็นปึกแผ่น"