หุ้นตกแล้วไง? ในเมื่อยอดขายออนไลน์ Nike พุ่งพรวด 31% หลังกระแส Colin Kaepernick จุดติด
โฆษณาชุด Dream Crazy ที่ไนกี้ (Nike) จัดทำมาเพื่อฉลองการครบรอบ 30 ปีวลีทอง Just Do It ได้กลายเป็นกระแสที่ร้อนแรงอย่างมาก แม้ช่วงแรกของแคมเปญนี้ที่ใช้โคลิน แคปเปอร์นิค (Colin Kaepernick) จะถูกต่อต้านอย่างหนัก ส่งผลให้หุ้นไนกี้ลบ 3% แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปไม่กี่วัน ยอดสั่งซื้อทางออนไลน์ของไนกี้กลับโตพุ่งกระฉูดถึง 31%
>> ไนกี้เจอเสียงต่อต้าน หลังเลือก "แคปเปอร์นิค" เป็นนายแบบโฆษณา Just Do It
Believe in something. Even if it means sacrificing everything. หรือจงเชื่อในบางสิ่ง แม้จะต้องเสียสละทุกสิ่ง เป็นประโยคสั้นๆ ที่ไนกี้ใช้ในการโปรโมตแท็กไลน์ Just Do it ที่ครบรอบ 30 ปี โดยที่ประโยคดังกล่าวได้สะท้อนถึงจุดยืนของแคปเปอร์นิค ที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับคนผิวดำ กระทั่งนำมาสู่การประท้วงไม่ลุกขึ้นยืนด้วยการคุกเข่าขณะที่เพลงชาติสหรัฐอเมริกากำลังบรรเลงในเกมอเมริกันฟุตบอล NFL และแม้ในช่วงแรกที่ไนกี้ออกแคมเปญ Dream Crazy ที่ใช้โคลิน แคปเปอร์นิค เป็นตัวแทนของแคมเปญจะได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมากทั้งจากแฟนคลับไนกี้เองที่ติดแฮชแท็ก #NikeBoycott ไปจนถึงคำวิจารณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี เมื่อแคมเปญ Dream Crazy ถูกโปรโมตอย่างจริงจังในรูปแบบของวิดีโอโฆษณาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ลากยาวมาถึงวันแรงงานแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า ยอดขายในช่วง 4 วันดังกล่าวหลังการโปรโมตแคมเปญนี้ ยอดขายในช่องทางออนไลน์และหน้าร้านดั้งเดิมของไนกี้ (brick and mortar) กลับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 31% ทั้งที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายโตเพียงแค่ 17% เท่านั้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยว่า ยอดการสั่งซื้อที่เติบโตสูงขึ้นของไนกี้มาจากพื้นที่ใดในอเมริกา แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่า กลุ่มลูกค้าที่ช่วยผลักดันยอดการเติบโตของไนกี้ก็น่าจะมาจากกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ คนผิวดำ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นธรรมในสังคม สนับสนุนแนวคิดของโคลิน แคปเปอร์นิค หรือแม้แต่คนที่ยืนอยู่ขั้วการเมืองคนละข้างกับประธานาธิบดีทรัมป์ นั่นเอง
สำหรับวิดีโอแคมเปญ Dream Crazy ของไนกี้สามารถดูได้จากวิดีโอด้านล่างครับ