เปิดอกลูกกรุง ศรีวิไล "แอล กมลวรรณ" "ผู้ชายสมัยนี้ชอบคิดว่าผู้หญิงจะง่ายทุกคน"
เป็นเรื่องแปลกของเมืองไทย (หรือเปล่า?) ที่เหล่าดาวร้ายและดาราตลกชายมักจะได้ ‘เมียสวย’ แต่ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวของพวกเขาร้อยละเกือบร้อยหน้าตามัก ‘สวยกว่าแม่’
หนึ่งในนั้นที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ เธออยู่ในวัยสาวและสวยสะพรั่งจนหนุ่มๆ ทำหัวใจหล่นตุ้บกันมาแล้วเมื่อเห็นแฟชั่นวาบหวิวเบาๆ แต่เร้าอารมณ์ของเธอ 'แอล-กมลวรรณ ศรีวิไล' ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของดาวร้ายตลอดกาล ‘กรุง ศรีวิไล’
แอลมีชื่อเดิมว่าวันวิสา ปัจจุบันเป็นนักแสดงประจำวิก 7 สี เริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 6 ขวบโดยการชักนำของผู้เป็นพ่อ แต่มาจริงจังเมื่อปี 2550 เป็นต้นมา เล่นได้ทุกบทบาททั้งบู๊ หวาน ห้าว เป็นสาวเจ้าเสน่ห์ทั้งตัวจริงและในจอ
ปัจจุบันนอกจากงานแสดงแล้ว แอลยังมีธุรกิจที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ คือ ร้านอาหาร และคลินิกเสริมความงาม
มองจากภายนอก แม้แอลจะดูเป็นสาวห้าว เด็ดเดี่ยว ลุยไหนลุยนั่น แต่ลึกๆ เธอมีความอ่อนหวานซ่อนอยู่ ...ลองสัมผัสความนัยระหว่างถ้อยคำกันดูแล้วคุณจะรู้ว่า ลูกสาวดาวร้ายก็มีแรงดึงดูดหัวใจไม่น้อยทีเดียว
อายุยังน้อย ทำไมหันมาทำธุรกิจแล้ว
แอลชอบทำงานตั้งแต่เด็กแล้วนะ ตอนเด็กๆ ก็พับกระดาษเป็นรูปดาวเอาไปขายเพื่อนๆ โตมาก็เก็บเสื้อผ้าตัวเองไปขาย ทุกวันนี้ก็ยังขายอยู่บ้าง เราขายไม่ได้เน้นรวยอะไรหรอก แค่เอาของที่ไม่ได้ใช้ไปให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์ต่อ
ด้วยความเป็นลูกกรุง ศรีวิไล แล้วเรามานั่งขายของแบบนี้ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงเหรอ
มันไม่เกี่ยวเลยนะ จริงๆ คุณพ่อแอลมาจากลูกชาวนาด้วยซ้ำไป แถมไม่ได้เลี้ยงเราแบบลูกดาราด้วย ค่อนข้างจะเลี้ยงแบบฝรั่ง จะไปไหนจะทำอะไรไม่ได้ว่า แต่ขอให้บอก จะไปเที่ยวกับเพื่อน ปาร์ตี้ก็ขอให้บอก พ่อเขาเข้าใจชีวิตวัยรุ่น ไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น
จริงๆ แล้วการทำธุรกิจของเราไม่ได้ปรึกษาคุณพ่อเลย อย่างที่บอกเราไม่ชอบที่จะอยู่เฉยๆ ชอบมีอะไรทำตลอด อยู่นิ่งไม่ได้ ตรงนี้อาจจะซึมซับมาจากคุณพ่อด้วย
ทำไมมาจับธุรกิจความงาม
เรามีเพื่อนเป็นคุณหมอ ตัวเราเองก็เคยทำมาก่อน นวดหน้า ฉีดหน้า ทำโน่นทำนี่ คือเราอยากให้เห็นว่าคลินิกตรงนี้เป็นของที่ดีเพราะเราเคยเป็นผู้บริโภคมาก่อน บุคคลทั่วไปสามารถเดินเข้ามาได้หมด แล้วตอนนี้ผู้หญิงไทยก็นิยมมากขึ้น ส่วนร้านอาหารนี่เรามีเพื่อนเยอะอยู่แล้ว เวลาที่มีปาร์ตี้ก็ชวนเพื่อนมาที่นี่ได้ เหมือนวัยรุ่นอยากทำร้านอาหารทั่วไป อยากเปิดร้านเหล้า ประมาณนั้น
มีประเด็นหนึ่งที่นักข่าวหนังสือพิมพ์เคยสัมภาษณ์ว่าเรากำลังหนีเงาพ่อตัวเอง ทำไมล่ะ
แอลเกิดมาเป็นลูกคุณพ่อ อันดับแรกเลยตั้งแต่เด็กเราจะถูกคาดหวังไว้เยอะว่าเราเป็นลูกกรุง สิ่งนี้คือสิ่งที่คนมองมาทั้งชีวิต แล้วก็มีเรื่องเกิดขึ้นในตอนเด็กๆ คือตอนนั้นเพื่อนขโมยของกัน เป็นเกมบอย ครูถามว่าใครเอาไป แล้วทุกคนก็บอกว่าแก๊งลูกกรุง ก็คือแก๊งเพื่อนเรา มันเหมือนว่าอะไรๆ ก็โยนมาแก๊งลูกกรุง
โอเค เข้าใจว่าเพื่อนๆ แอลเนี่ยแสบ แต่ไม่ว่าจะทำดีทำร้ายก็เป็นแก๊งลูกกรุงหมด โยนมาให้เราหมดเลย คนจะจับตามองมาที่เราเยอะ
พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเราก็เลยตัดสินใจว่า เอาล่ะ ขับรถไปเองแล้ว ไม่ให้คุณพ่อมาส่งเหมือนตอนมัธยม จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นลูกใคร จนปี 3 เพื่อนมาบ้าน เพื่อนถามว่าทำไมบ้านเรามีรูปดาราคนนี้ติดอยู่เยอะจัง เราก็เลยบอกว่ารูปพ่อเรา แต่ก็ได้เพื่อนตรงนั้นมาแล้วนะ
ถามจริงๆ การที่คุณพ่ออยู่ในวงการมายาวนาน ถือเป็นใบเบิกทางสำหรับเราไหม
เราเป็นคนชอบร้อง เต้น เล่นละครอยู่แล้ว มันก็ไม่แปลกที่คุณพ่อจะสนับสนุน เพราะลูกชอบอะไรพ่อก็อยากให้เป็นอย่างนั้น ส่วนคุณพ่อเป็นใบเบิกทางไหม? ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเวลาที่เราไปกองถ่าย ไปเจอลุงป้าน้าอา ก็เป็นลุงป้าน้าอาเราหมด สิ่งแวดล้อมมันมีผล เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น
แต่ถ้ามีคนพูดว่าเข้าวงการมาได้เพราะพ่อหรือเปล่า แอลเข้าวงการไม่ได้ใช้เส้นพ่อเลย เพราะเราพิสูจน์ด้วยผลงานมาแล้ว ซึ่งมีเยอะแยะมาก และแต่ละบทที่ได้มานี่โหดเลย หนังของฉลอง ภักดีวิจิตร คุณก็รู้อยู่แล้วว่าโหดขนาดไหน การเล่นบู๊ เตะต่อยจริง ยิงปืนจริง เราก็พิสูจน์มาแล้วว่าทำได้ เพราะถ้าไม่ได้เรื่องต่อไปเขาก็ไม่ให้เราเล่นอีก ไม่ว่าจะเป็นลูกใครถ้าเล่นไม่ได้เขาก็ให้โอกาสแค่ครั้งเดียว
อย่างเรื่องบู๊ เราเตะต่อยไม่เป็นเลย คุณพ่อก็พาไปดูมวย ไปซ้อมมวย ยิงปืน ขี่ม้า ตอนแรกไม่เชื่อไงว่าการเล่นบู๊มันเหนื่อยมาก เพราะถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเตะต่อยอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเป็นก็แค่เทกเดียว ซึ่งเราต้องฝึกมาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและพยายามเอาอะไรใหม่ๆ ไปโชว์ผู้กำกับ
แอลดูมีบุคลิกแมนๆ ลึกๆ แล้วเป็นแบบนั้นไหม
อีกนิดเดียวเราจะเป็นผู้ชายอยู่แล้ว (หัวเราะ) แอลจะห้าวๆ ใจถึงทุกๆ เรื่อง
เรื่องรักล่ะ ใจถึงแค่ไหน
เอ่อ... (คิดนาน) จริงๆ แอลก็เต็มที่กับความรักนะ แต่ตอนนี้พักก่อน เราต้องมั่นใจว่าใช่ คือแอลจะไม่ชอบคนที่มาจีบ แต่เราต้องไปจีบเขาก่อน มันต้องมีความรู้สึกว่าเราชอบผู้ชายคนนี้ว่ะ ต้องคนนี้เลย แล้วเราจะหาวิธีเข้าไปหาเขา เขาไปอยู่ที่ไหนเราจะอยู่ที่นั่น ทำฟอร์มว่ามาเจอกันอีกแล้วนะ มองเขาบ้างไม่มองบ้าง นิสัยเหมือนพ่อเลย (หัวเราะ)
แล้วสำเร็จไหม
สำเร็จ เหมือนมันสปาร์กกัน แต่เราจะมีเชิงนะ เยอะด้วย เขาชวนกินข้าวยังไม่ไปเลย ปล่อยไว้ก่อนไม่รีบ ดูไปเรื่อยๆ ถ้าเขายังอยู่ต่อได้ก็แสดงว่ามีความพยายาม
แล้วผู้ชายสมัยนี้ชอบคิดว่าผู้หญิงจะง่ายทุกคน สังคมสมัยนี้มันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยน ผู้หญิงง่ายขึ้น ผู้ชายยากกว่าเดิม เป็นเกย์อีก แต่แอลก็ไม่แคร์ เราปล่อยเลยตามเลย ไม่โฟกัสเรื่องความรักมากมาย
คนที่มาจีบเรานี่บางทีก็หวานมากเกินไป ทำอะไรให้มากเกินไป มันกลายมาเป็นความสงสารมากกว่าความรัก มันไม่ท้าทายด้วย
แสดงว่าเราเป็นสาวนักล่าสิ
มันไม่ค่อยมีเวลาล่า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอใครด้วย จะนั่งอยู่บ้านมากกว่า เพื่อนๆ ก็มาชิลล์ที่บ้าน
แล้วชายหนุ่มที่จะทำให้เกิดอาการสปาร์กต้องเป็นยังไง
ไม่มีสเป๊ก แต่ชอบผู้ชายที่สะอาดสะอ้านแนวพี่ก้อง กรุณ (กรุณ ซอโสตถิกุล) นี่ใช่เลย จะออกแนวคล้ายๆ คุณพ่อ แต่หาได้ยากในยุคนี้ แบบตี๋ๆ ก็ไม่ชอบแบ๊วเกิน แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่เกย์ (หัวเราะ) เราเคยเป็นแฟนกับเกย์ด้วยนะ ตอนนั้นอยู่มัธยมก็มีผู้ชายมาจีบ เราอยากได้อะไรได้หมด มาหาถึงโรงเรียนมีดอกไม้ช่อเบ้อเร่อ
แต่เราไม่ชอบเขา ดันไปชอบอีกคน ซึ่งหล่อ สเป๊กเลย ในงานวันเกิดเรา คนที่จีบเราก็มาด้วย เขาก็มาป๊ะหน้ากับแฟนเราในตอนนั้น จากนั้นอีก 2-3 ปี เราเลิกทุกคนหมดแล้ว เพื่อนก็มาเล่าว่า หลังเลิกจากงานวันเกิดวันนั้น ผู้ชายที่มาจีบเราก็ไปนอนค้างบ้านแฟนเรา ซึ่งเราก็งงเลย ถึงว่าคบกันมาตั้งนานไม่เคยจับมือ เพื่อนสงสัยว่าที่เข้ามาเป็นแฟนเราในตอนนั้นเขาต้องการจะเข้าวงการหรือเปล่า
ฟังแล้วเฮิร์ต แล้วที่เฮิร์ตกว่านี้มีไหม
แรงสุดก็คือจับได้ว่ามีกิ๊ก รับไม่ได้เด็ดขาดเพราะเหมือนโดนหลอก และเขาก็ไม่ยอมเลิกกับกิ๊กด้วย แถมยังมาบอกเราว่าให้ทำตัวดีๆ ที่เขามีกิ๊กเพราะเราทำตัวอย่างนี้ คุณพ่อเกลียดผู้ชายคนนี้เลย ทั้งๆ ที่เรื่องความรักเขาจะไม่ยุ่งนะ แต่เราไม่ค่อยปิดบังคุณพ่อคุณแม่ว่าใครจีบหรือคบกับใครอยู่ จะออกแนวมากินข้าวที่บ้านด้วยกันเลย
จริงๆ เราอยากได้ผู้ชายที่เขาบริสุทธิ์ใจที่จะคบ และพยายามที่จะปรับตัวเข้าหาคุณพ่อคุณแม่ ยิ่งทำให้เขาสบายใจมากเท่าไหร่ยิ่งดี คือคบกันแบบเปิดเผย เคยครั้งหนึ่งมีผู้ชายมาจอดรถคุยกับเราหน้าบ้านไม่ยอมเข้าบ้าน เราก็บอกว่าให้เข้ามาคุยกันในบ้านเดี๋ยวพ่อมาจะดูไม่ดี พักเดียวคุณพ่อกลับมา พูดเสียงดังเลยว่าทำไมไม่ยอมเข้าไปคุยในบ้าน โต๊ะก็มีให้นั่ง ผู้ชายคนนั้นจ๋อยไปเลยครับ คือผู้ชายที่เข้ามาจีบเราต้องแมนๆ หน่อย
นิสัยผู้ชายที่เข้ามาจีบล่ะ
แอลเป็นคนง่ายๆ เข้าได้กับทุกคนด้วยซ้ำ แต่แอลจะมองผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ รักครอบครัวเราและครอบครัวเขา ขยันทำงานเพราะเราเป็นคนทำงาน ถ้าแฟนไม่ชอบทำงานก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เคยเจอมาแบบบ้านรวยไม่ทำอะไรเลย เล่นแต่เกม เราก็อยู่ด้วยไม่ได้ เพราะอีกหน่อยเขาก็ไม่สามารถดูแลเราได้
แล้วผู้ชายรวยล่ะ
เรื่องรวยไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับเรา ชอบคนที่ทำงานมากกว่า เพราะเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไรอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สอนว่าให้พอมีพอกิน ตอนไหนมีมากก็อาจจะใช้มาก ตอนไหนไม่มีก็ไม่ใช้ ฉะนั้นเรื่องความรวยเลยไม่ซีเรียส แต่ต้องเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน มีเงินเก็บ สามารถมองอนาคตด้วยกันได้ อายุจะมากกว่าหรือเท่ากันก็ได้ เดี๋ยวนี้ผู้ชายเก่งๆ ก็มีเยอะนะ แต่คนที่เอาเงินพ่อแม่มาซื้อของไม่เอานะ
แสดงว่าเราให้น้ำหนักกับความรักมากกว่าเรื่องเซ็กซ์
เราเป็นคนที่เต็มที่กับความรักนะ ถ้าไปด้วยกันได้เราก็พร้อมที่จะดูแลกันไป ไม่ใช่แบบว่าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่ความคิดเราเลย คุณพ่อเลี้ยงแบบฝรั่งก็จริงแต่ไม่เคยมีความคิดแบบ one night stand เลย เราเป็นคนชอบปาร์ตี้ ถ้าวันไหนไม่ไปทำงานนี่สุดเหวี่ยง
นอกจากปาร์ตี้แล้วชอบเที่ยวแบบไหนอีก
ถ้าถ่ายละครมาเก็บเงินได้เราก็ไปช้อปปิ้งเมืองนอก อยู่เมืองไทยไม่ค่อยใช้ตังค์ แต่สิ้นปีต้องไปอังกฤษทุกปี อันดับแรกคือมีบ้านของน้าอยู่ที่โน่น แล้วช่วงที่เราไปเป็นช่วง Boxing Day คือวันที่ 26 ธันวายาวไปถึงมกรา ของจะถูกมาก
คุยมาตั้งนาน จริงๆ แล้วเราเป็นคนแบบไหน
ถ้าดูจากชุดนี้ (ชุดถ่ายสัมภาษณ์) จะเห็นว่าเซ็กซี่อยู่บ้าง แต่ถ้าทำงานกองถ่ายจะเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้น จะเป็นแบบบอยๆ ไปเลย แล้วแต่วันและเวลาที่เหมาะสม เพราะอีกนิดเดียวเราจะกลายเป็นผู้ชายแล้ว
แฟชั่นเซ็กซี่ของแอลที่ผ่านมา หนุ่มๆ หลายคนฮือฮามาก เคยคิดไหมว่าส่วนไหนในร่างกายเซ็กซี่ที่สุด
ตามั้ง เพราะเราเป็นคนตาโต อย่างเวลาเล่นละครหรือถ่ายแฟชั่นอารมณ์มันจะออกมาที่ตา เคยมีคนบอกว่าเวลาแอลพูดหรือเล่นละครมันจะเหมือนตุ๊กตาเพราะตาจะกะพริบๆ อีกอย่างก็คงเป็นเสียง เป็นคนพูดเสียงมีหนักมีเบาที่ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกเซ็กซี่
อยู่ในวงการบันเทิงมาก็นานพอสมควร มองวงการบันเทิงบ้านเราทุกวันนี้ยังไงบ้าง
แอลว่าวันนี้การสร้างกระแสมันเยอะ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อสอนมาตั้งแต่เข้าวงการก็คือ การเป็นนักแสดงไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างกระแสเรียกเรตติ้งให้ตัวเอง ถ้าคนจะจดจำเรา รักเรา เขาจะรักในบทบาทจากละครที่เราเล่น ไม่ใช่การสร้างกระแส เพราะกระแสมันแป๊บเดียว แต่ถ้าเราเล่นละครเข้าถึงบทได้ดีคนจะมีภาพจำตรงนั้น เพราะสมัยคุณพ่อไม่มีเรื่องแบบนี้เลย
แล้วมองยังไงเรื่องการสร้างกระแส
ก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน มีกระแสก็มีงาน เพราะสังคมทุกวันนี้มันเปลี่ยนไป คือยิ่งหลุด ยิ่งโชว์มากเท่าไหร่ยิ่งดัง แต่มันเป็นอะไรที่ฉาบฉวยแป๊บเดียว ถ้ามีกระแสแต่ไม่มีผลงานมันก็แป๊บเดียว อย่างถ้าจู่ๆ แอลไปถ่ายชุดว่ายน้ำมันก็เป็นกระแสได้ แต่ก็ยังมากไปสำหรับเรา เซ็กซี่แต่ก็ยังมีลิมิตของตัวเอง เรามาพัฒนาตัวเองในการแสดงดีกว่า เพราะงานในวงการบันเทิงมันยืนยาวแค่ถอดแล้วดังแต่ไม่มีความสามารถก็เท่านั้น ยิ่งเราสร้างกระแสในสิ่งที่ไม่ดีสังคมยิ่งชอบ ถ้าอยากจะยืนยาวๆ ในวงการบันเทิงก็ต้องมีขอบเขต ความประพฤติที่ดี ไม่ใช่เอะอะก็สร้างกระแส
เรื่องสัมมาคารวะจำเป็นมาก นั่นคือสิ่งที่คุณพ่อแอลสอน เพราะการเป็นดารา วันนี้ยังเล่นไม่ได้แต่ต่อไปก็เล่นได้ แต่การประพฤติตัวมันได้แค่ครั้งเดียว ถ้าคุณไม่ตรงต่อเวลานี่จบเลย การไปก่อนเวลามันไม่ใช่เรื่องผิด อันนี้พ่อแอลย้ำมาก ไม่ว่าตากล้องหรือใครในกองถ่ายเราต้องสวัสดีทุกคน แล้วก็ต้องทำอย่างนี้ตลอดไป เป็นเรื่องธรรมดามากเลยนะการทักทายด้วยการไหว้ เพราะทุกคนในกองถ่ายก็เหมือนญาติพี่น้องเรา
เรื่อง : วรชัย รัตนดวงตา
ภาพ : อิศเรศน์ ช่อไสว / ขอขอบคุณภาพจาก ellelyy
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ