หนุ่มกรุงเทพ ชอบโบท๊อกซ์ เล่นโซเชียลมีเดีย มากขึ้น
เผยผลสำรวจคนกรุงเชื่อมั่นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 5 ปีก่อนเหตุรายได้เพิ่มแถมเชื่อว่ารัฐบาลแข็งแกร่งสนใจซื้อบ้านมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ยังกังวลเรื่องยาเสพติดเหตุรัฐบาลไม่มีนโยบายชัดเจน แต่น่าแปลกพบผู้ใช้ชายโซเชียลเน็ตเวิร์ก และทำศัลยกรรมมากกว่าผู้หญิง
นางสาววิริยา วรกิตติคุณ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลวิจัยไทยวิวซึ่งสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯจำนวน 400 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป มีรายได้ครอบครัวตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป โดยสำรวจตั้งแต่วันที่ 17-29 ตุลาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของคนกรุงเทพฯ พบว่าความเชื่อมั่นของคนกรุงเทพฯต่อภาวะเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดย 54% ของคนกรุงเทพฯระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่นมากว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นใน 12 เดือนข้างหน้า ถือเป็นความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจสูงที่สุดในรอบ 5 ปี จากการสำรวจครั้งในปี 2550 ที่ความเชื่อมั่นอยู่ที่ 25% หรือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็นผลมาจากนโยบายการเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำและขึ้นเงินเดือนข้าราชการของภาครัฐ อีกทั้งคนกรุงเทพฯยังเชื่อว่าภาวะการเมืองมีความมั่นคงขึ้น ไม่มีปัญหาขัดแย้งทางการเมือง ไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แม้ว่าจะมีความกังวลต่อราคาสินค้าและค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยสนใจซื้อสินค้าถาวรคือที่อยู่อาศัยถึง 18% ยานพาหนะ 14% และทองคำ 12%แต่ไม่เตรียมพร้อมเรื่องในอนาคตมากนัก เช่น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
นางสาววิริยากล่าวว่า ส่วนสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้คนกรุงเทพฯ 10 อันดับแรกคือ ปัญหายาเสพติด เพราะมีกลุ่มตัวอย่างถึง 60% ที่กังวลถึงปัญหานี้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 16% เพราะไม่มีมาตรการที่ป้องปรามชัดเจนนอกจากนี้คนกรุงเทพฯยังมีความกังวลเรื่องปัญหาจราจรถึง 35% หรืออยู่ในอันดับ 4 ของสิ่งที่สร้างความกังวล เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน 15% เป็นผลจากนโยบายการคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก
นางสาววิริยากล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้สำรวจการใช้เครื่องมือสื่อสารของคนกรุงเทพฯ พบว่าทีวียังมีบทบาทสำคัญ วิทยุมีบทบาทน้อยลง โทรศัพท์มือถือมีบทบาทมากขึ้น และที่น่าสังเกตคือการใช้โซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม การแชตทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นที่นิยมของคนในวัย 18-39 ปี นั้นพบว่าเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายนิยม 40% ขณะที่ผู้หญิงนิยม 28% ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้หญิงอาจมีกิจกรรมประเภทอื่นเสริม เช่นการช็อปปิ้ง นอกจากนี้พบว่าคนกรุงเทพฯนิยมดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นด้วยวิธีการที่ไม่ต้องใช้เวลาหรือความพยายามในการทำกิจกรรม เช่น การกินอาหารเสริม วิตามินเสริมมากกว่าการออกกำลังกาย ผู้ชายจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาในการดูแลตัวเองมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงจะใช้วิธีการทำอาหารเสริม การทำสปา หรือนวด และที่น่าแปลกใจคือการทำให้หน้าตาดูดีด้วยการทำศัลยกรรมในกลุ่มอายุ 18-29 ปี พบว่าเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป็นการแสดงให้เห็นถึงค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ที่นิยมใช้ชีวิตที่หรูหรามากขึ้น โดยยืนยันได้จากข้อมูลการวิจัยเรื่องคนกรุงเทพฯกับการท่องเที่ยวที่พบว่าคนกรุงเทพฯอายุระหว่าง 18-24 ปีจะนิยมการไปท่องเที่ยวแบบหรูหราถึง 48%
พร้อมด้วยหลากหลายบทความเกี่ยวกับ สุขภาพ สาวสวย และที่เที่ยวกลางคืนได้ที่นี่