รู้ไว้ใช่ว่า 3 ปัญหาสุขภาพเพศชายยอดฮิต ที่ชายไทยควรระวัง

รู้ไว้ใช่ว่า 3 ปัญหาสุขภาพเพศชายยอดฮิต ที่ชายไทยควรระวัง

รู้ไว้ใช่ว่า 3 ปัญหาสุขภาพเพศชายยอดฮิต ที่ชายไทยควรระวัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัจจุบันวิถีชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมเมืองมีความเร่งรีบมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมสุขภาพเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายไทยในปัจจุบันที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ต้องเผชิญกับภาวะความเครียด ความกดดัน ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ ทำให้บางครั้งจึงละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเองไป ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแบบสะสม ซึ่งเมื่อเริ่มเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป อันเป็นช่วงอายุที่ระบบฮอร์โมนในร่างกายเริ่มลดระดับลง ส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ และสมรรถภาพทางเพศ กลายเป็นภัยเงียบที่ก่อให้เกิด 3 ปัญหาสุขภาพเพศชายยอดฮิต ได้แก่ โรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมากโต ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานไว และอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศชาย

ในงาน Men′s Health Get Start Get Strong หนุ่มใหญ่สมวัย สุขภาพดีได้ไม่อายใคร หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาพูดเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของเพศชาย พร้อมรณรงค์ให้ชายไทยใส่ใจสุขภาพ และรู้ถึงวิธีการรักษาที่ถูกต้อง

ในวงเสวนาระบุว่า โรคที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคต่อมลูกหมากโต ที่พบได้เป็นปกติในเพศชายอายุตั้งแต่ 40 ปี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 50-60 ปี กว่า 50 % พบว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งอาการภาวะต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่มากขึ้น ไปกดเบียดทางเดินปัสสาวะ ทำให้ท่อปัสสาวะแคบลง เป็นผลให้ปัสสาวะลำเล็กลง ปัสสาวะไม่พุ่ง และปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโรคต่อมลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูกหมาก มักเกิดในผู้ชายสูงอายุ และอาการทั้ง 2 โรคนี้คล้ายกันมาก อย่างไรก็ตามโรคทั้ง 2 เป็นคนละชนิดกัน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากต่อมลูกหมากโตไปเป็นมะเร็งได้ แต่อาจพบรว่มกันได้ สำหรับการรักษาสามารถรักษาได้ด้วยยาคลายกล้ามเนื้อที่บีบเกร็งต่อมลูกหมาก หรือยาลดการสร้างฮอร์โมน หรืออาจจะต้องเพิ่มการรักษาด้านศัลยกรรม ตามดุลพินิจของแพทย์

วงเสวนายังระบุว่า อีกอาการหนึ่งที่ผู้ชายสูงวัยไม่ควรมองข้าม คือ ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานไว หรือ โอเอบี ที่ในประเทศไทยอาจมีผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า 6 ล้านราย ซึ่งพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยอาการนี้ พบว่าเมื่อมีการปวดปัสสาวะจะไม่สามารถกลั้นหรือผัดผ่อนได้ บางคนอาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จนมีปัสสาวะเล็ดราดออกมาก่อนไปถึงห้องน้ำ นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการปัสสาวะบ่อย หรือตื่นกลางดึกเพื่อปัสสาวะ ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามอาการนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่เชื่อกันว่าเกิดจากกล้ามเนื้อผนังกระเพาะปัสสาวะ สำหรับแนวทางการรักษาทำได้โดยการทานยาควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น งดดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะทำให้มีปริมาณปัสสาวะมากขึ้น แลคาเฟอีนทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวขึ้น

และอาการสุดท้ายที่วงเสวนาได้เตือนให้ชายไทยทั้งหลายควรพึงระวังคือ อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือโรคอีดี ผู้ที่ป่วยด้วยอาการนี้จะมีอาการอวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งไม่นานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดตีบ เส้นประสาทเสื่อม ซึ่งเกิดจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะฮอร์โมนเพศชายบกพร่อง หรืออายุที่มากขึ้น ปัจจุบันเข้าใจว่าอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศและอาการต่อมลูกหมากโต อาจะมีสาเหตุร่วมกัน เนื่องจากพบร่วมกันได้มาก และจากการศึกษายังพบว่าคนที่มีอาการต่อมลูกหมากโตรุนแรงอาจส่งผลให้พบภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากขึ้นด้วย สำหรับแนวทางการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะรักษาเป็นขั้นตอนคือตรวจร่างกายในห้องปฏิบัติการเช่นเบาหวานไขมันการทำงานของตับไต รวมถึงการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การงดสูบบุหรี่ การลดน้ำหนัก การใช้ปั๊มสุญญากาศ หรือใช้หลายๆวิธีร่วมกัน

ทิ้งท้าย แพทย์วิทยากรในงานทุกคน ยังฝากไปถึงชายไทยทุกคนว่าควรหันกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเองตั้งแต่วันนี้ ไม่ควรมองเป็นเรื่องน่าอาย เพื่อขจัดความเสี่ยง และความเป็นหนุ่มใหญ่สมวัย สุขภาพดี ในอนาคตต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook