"คุณจะลดหรือคุณจะตาย" เจาะลึกการลดน้ำหนักจาก 125 กก. สู่ 65 กก.

"คุณจะลดหรือคุณจะตาย" เจาะลึกการลดน้ำหนักจาก 125 กก. สู่ 65 กก.

"คุณจะลดหรือคุณจะตาย" เจาะลึกการลดน้ำหนักจาก 125 กก. สู่ 65 กก.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ Sanook! Men มีบุคคลที่เป็นต้นแบบของคนรักสุขภาพมาฝาก จากน้ำหนัก 125 กก. สู่ 65 กก. เขาทำได้อย่างไร ? คุณเก่ง ณัฐพันธ์ เพิ่มศิลป์ จะมาบอกเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ทุกคนได้อ่านกัน

เอาล่ะครับมาเริ่มกันที่ผมเริ่มอ้วนตอนไหน ? บอกได้เลยครับว่า " อ้วนแต่เด็ก " แต่เห็นทีมาเริ่มเป็นน้องๆช้างน้ำก็ตอนป.3 เห็นจะได้

ถัดมานะครับระหว่างที่โตมาเรื่อยๆ ก็สารพันจะเป็นนักกินเลยครับ ทั้งบะหมี่พิเศษ 7 ชาม , ก๋วยเตี๋ยวเรือ 30 ถ้วย , พิซซ่า 2 ถาดใหญ่ , เค้ก 2 ปอนด์รวดเดียว , บุฟเฟ่ต์ปริมาณที่พนักงานยังแอบมองหน้า ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผ่านมาหมดแล้วครับ

ก็ผ่านมาได้เรื่อยๆ จนขึ้นมาอยู่ม.ปลายโดยสภาพนี้ สารร่างที่บอกได้เต็มคำว่าช่วง 120 - 125 กก. อย่างเต็มรูปแบบ

แล้วต้องบอกอีกว่าตอนไปตรวจสุขภาพนี่ตรวจพบโรคเยอะแยะเลยครับที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ไหนจะอาการที่คนอ้วนทั่วๆ ไปมักจะพบกัน เช่น ปวดข้อ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย บลาๆ ที่หนักสุดก็คงจะเป็นหน้ามืดวูบคาจานอาหาร

แล้วทีนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงสาเหตุที่ลดความอ้วนกันนะครับ
- หมอถามว่า " คุณจะลดความอ้วน หรือคุณจะตายเพราะความอ้วน "
- โดนสาวที่ชอบและพยายามจีบ 8 ปีปฏิเสธ ( ปิ๊งมาตั้งแต่ป.3 ...แก่แด๊ดแก่แดด )
- ตอนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยโดนอาจารย์ที่เป็นกรรมการพูดว่า " ไปลดความอ้วนมาซะถ้าคุณยังอยากจะเรียนที่นี่ ถ้าลดได้ผมก็จะรับพิจารณาคุณ "
- พ่อ แม่ โดนญาติๆ และเพื่อนๆต่อว่าเรื่องที่เลี้ยงลูกไม่ดี เลี้ยงตามใจ บลาๆ
- สังคมรอบข้างล้อและดูถูก ( เฮ้ย จริงนะที่แบบคนอ้วนมักเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นๆ ผมสัมผัสมากับตัวจนซึ้งเลย )
- ทนสารร่างตัวเองไม่ไหว หาเสื้อผ้าใส่ก็ยาก เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆนี่แบบอ๊ายอาย คนอื่นหน้าตาดีแต่เรานี่อัปปรีย์อยู่คนเดียว

...นี่ล่ะครับสาเหตุหลักๆ ที่ยังไม่ขอเอ่ยถึงสาเหตุย่อยๆ อีกในการลดความอ้วนของผม

มาทีนี้ผมก็เริ่มวางแผนและปฏิบัติจริงทันทีเกี่ยวกับการลดความอ้วน แต่ต้องบอกเลยครับว่าแรกๆ ก็มั่วหลายวิธีมากๆ
ต้องบอกง่ายๆ ไว้เลยว่าผมลองมาหลายวิธีจนชำนาญเลย -*-
หลังจากผมได้ปรับอาหารการกินใหม่ทั้งหมด หันมาออกกำลังกายเป็นประจำ และขอย้ำว่าผมคุมแบบโหดมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพมากๆ
( วิธีที่ใช้ตอนนั้นคือ 500 - 1000 kcal + การออกกำลังกายอย่างโหมหนักบ้าพลัง ซึ่งบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ไม่แนะนำครับ มันทำลายสุขภาพแถมโทรมอีกต่างหาก แถมด้วยการไม่กินมื้อเย็นแต่ดื่มแค่พวกน้ำผลไม้สด น้ำธัญพืช ผลไม้ แค่นี้ครับ ...อันนี้ใครทำแบบนี้อยู่ก็เลิกซะนะครับ มันได้ผลก็จริงแต่สุขภาพของคุณนั้นมันไม่ดีเลย เชื่อผมสิผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว ) ผลที่ได้จากการบ้าเลือด หักโหมในตอนนั้นก็คือลดลงมาเดือนละราวๆ 10 - 12 กก. ครับ ใช้เวลาทั้งสิ้นคือ 5 เดือนในการลดน้ำหนัก โดยไม่พึ่งยา ไม่พึ่งศัลยกรรมตกแต่งการผ่าตัดใดๆ ไม่เคยเข้าคอร์สของโรงพยาบาล

" จาก 125 กก. เหลือ 65 กก. ภายในเวลา 5 เดือน " และสภาพผมตอนนั้นก็ประมาณนี้ครับ

...ดูผอมแห้ง และผอมแบบกากๆยังไงก็ไม่รู้สินะครับ - -"

เอาล่ะจากนี้ไปคือส่วนที่ผมไม่เคยเล่าแบบจริงจังมาก่อน ผมขอเรียกว่า " ช่วงชดใช้กรรม " นะครับ เพราะแบบที่ผมบอกข้างต้นว่าผมใช้วิธีที่ไม่ดีต่อสุขภาพในการเร่งลดความอ้วน ทำให้ผมต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายที่นานสุดๆเกือบๆ 3 ปีเห็นจะได้

หลังจากที่ผมลดลงมาได้แล้วนะครับ ผมก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการกิน หลายๆคนอาจจะรู้จักคำว่าโยโย่เอฟเฟ็คกัน
แต่ผมจะเป็นกรณีตรงข้ามครับ นั่นคือภาวะ anorexia หรือโรคกลัวความอ้วนครับ
ผมกลายเป็นคนวิตกจริตไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย แถมร่างกายดันมีอาการต่อต้านอาหารต่างๆ ไม่ดูดซึมอาหาร กินยังไงน้ำหนักก็ไม่ขึ้นมีแต่ลดลงอย่างเดียว ...พอนานๆเข้าเริ่มกลายเป็นคนที่ไม่อยากกินอาหาร เพราะกินเข้าไปก็รู้สึกคลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร มีภาวะความดันต่ำ และร่างกายขาดน้ำตาล

ซึ่งการมีอาการเหล่านี้ผมไม่ได้ปรารถนาเลย ทำให้ผมหันกลับมาศึกษาเรื่องโภชณาการ รวมถึงวิทยาศาสตร์การกีฬาใหม่อีกครั้ง เพื่อที่ผมจะได้หาทางออกของอาการเหล่านี้และแก้ไขฟื้นฟูสภาพร่างกายตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งผมก็ได้ค้นพบแสงสว่างของการลดความอ้วนที่ถูกวิธีแล้วก็ศึกษา พร้อมการปรับใช้กับตัวเองมาเรื่อยๆตลอด 3 ปีจนร่างกายดีขึ้นตามภาพนี้

และมาในช่วงปี 2014 ผมก็เริ่มได้ถูกเชิญไปออกรายการต่างๆ เช่น
เป็นพิธีกรในช่วงทำอาหารสุขภาพของรายการ สูงวัยกำลังดี ทางช่องทรูปลูกปัญญา

ถูกเชิญไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ เรื่องบันดาลใจ ทางช่องโมเดิร์นไนน์

แต่ทีนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่อยู่ในรูปร่างที่เรียกว่าดี ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเพิ่มน้ำหนักตัวเองให้ขึ้นมาที่ 75 - 77 กก. และเสริมการออกกำลังให้เข้มข้นแต่เน้นเฉพาะจุดมากขึ้น

และระหว่างนั้นผมก็ได้ถูกเชิญไปออกรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ทางช่องโมเดิร์นไนน์

ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่เกินความคาดหมายของผมนะครับ ที่สามารถบอกลาอดีตตัวเองได้ และผมตั้งใจว่าจะฟิตแบบนี้ต่อไปจนกว่าจะได้รูปร่างที่ดีน่าพอใจครับ ตบท้ายเรื่องราวด้วยประโยคประจำตัวผมล่ะกัน
" อย่ามีความสุข บนความทุกข์ของร่างกายตัวเอง "

งั้นถัดจากนี้ผมจะมาขอแชร์วิธีการเริ่มต้นลดน้ำหนักที่ถูกต้องนะครับ
Step 1
- สร้างแรงจูงใจที่เด่นชัดในการลดความอ้วน
- วางแพลนชีวิตและการออกกำลังกายให้ดี มีกติกาและกฏให้กับตัวเอง
- ถ้าคิดว่าลดคนเดียวไม่ไหว ก็หาแนวร่วมที่จะฟันฝ่ามรสุมทะเลไขมันไปกับเรา

Step 2
- ลดปริมาณอาหารลงให้อยู่ในขนาดที่พอดี เช่น จากข้าว 1 จานพูนๆก็เหลือสักครึ่งจาน / จากชอบกินบุฟเฟ่ต์ก็ให้เน้นกินอาหารเป็นมื้อเดี่ยวๆแทน
- ลดอาหารที่เป็นพวก หวาน มัน เค็ม ทอด ขนม จั๊งค์ฟู้ด น้ำอัดลม
- ห้ามใช้วิธีอดอาหาร
- ศึกษาเรื่องการกินเพื่อสุขภาพให้มากขึ้นแล้วปฏิบัติตาม
- ศึกษาเกี่ยวกับโภชณาการให้มากขึ้น

Step 3
- ศึกษาเรื่องการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆแล้วปฏิบัติตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอแนะนำการออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง + คาร์ดิโอ จะเห็นผลไวสุด

** กฏบังคับ **
- ถ้าไม่รู้ก็ให้ถามผู้รู้ อย่าอายที่จะถามครับ
- มีวินัยกับตัวเอง อย่าผลัดวันไปเรื่อยๆ
- หยุดวาดภาพว่าสักวันฉันจะหุ่นเป๊ะครับ ...ลุกขึ้นมาทำเดี๋ยวนี้ครับ แล้วเอารูปตัวเองในจินตนการแปะข้างฝาบ้านไว้เป็นเป้าหมายซะ

** ข้อแนะนำ **
- การกินอาหารเพื่อสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาวะต่างๆขึ้นด้วยนะครับ เช่น การกินอาหารคลีนนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด - เด็กม.ต้น เนื่องจากจะทำให้เด็กไม่มีภูมิต้านทานต่ออาหารปกติทั่วไปและอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป้นต้น
- การออกกำลังกายจริงจังนั้นดี แต่หากหักโหมมากเกินจะส่งผลเสียต่อร่างกายและมวลกล้ามเนื้อนะครับ

ขอเพิ่มเติมถึงตารางการออกกำลังกายของผมไว้ให้เป็นตัวอย่างนะครับ ซึ่งผมก็จะจัดตารางการเล่นตัวเองเป็นแบบทั่วร่างกายนะครับ จะมีการสลับเปลี่ยนไปมาบ้างในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายนั้นไม่คุ้นชินและทำการเผาผลาญได้เต็มที่ที่สุด

Warm up
- ยืดกล้ามเนื้อ 10 นาที

Biceps
- Dumbbell Curl 5 set ( 12 ครั้ง / set )
- Hammer Curl 5 set ( 12 ครั้ง / set )

Triceps
- Bench Dip 5 set ( 12 ครั้ง / set )

Chest
- Dumbbell Bench Press 5 set ( 12 ครั้ง / set )
- Dumbbell Fly 5 set ( 12 ครั้ง / set )

ABS
- V Crunches 5 set ( 10 ครั้ง / set )
- Side Crunches Each Side 5 set ( 10 ครั้ง / set )
- Leg Raises 5 set ( 10 ครั้ง / set )
- Knee Tuck Crunches 5 set ( 10 ครั้ง / set )
- Abdominal Crunches 5 set ( 10 ครั้ง / set )
- Bicycle Crunches 5 set ( 10 ครั้ง / set )

Legs
- Squat 50 ครั้ง
- Sumo Squat 50 ครั้ง
- Leg Lung 50 ครั้ง
- Hamstring Raise 50 ครั้ง
- Calve Raise 50 ครั้ง
- Twist Leg Lung 50 ครั้ง

Cardio
- เดินบนลู่วิ่งความเร็วระดับ 5 ความชันระดับ 11 เวลา 40 นาที

อาหารการกิน
- Clean food 80% ขึ้นไป

ท้ายสุดนี้ถ้าใครสงสัยอยากสอบถามอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพการออกกำลังกาย และการลดน้ำหนัก สามารถตามมาได้ที่ลิงค์ข้างล่างนะครับ
FB Group : Friends เพื่อนลดน้ำหนัก : https://www.facebook.com/groups/342256509259003/
( อันนี้ผมเป็นแอดมินร่วมกับพี่ๆอีกหลายคนอยู่ มีกูรูเจ้าของเพจดังๆอยู่ด้วย ที่นี่เน้นการตอบแบบ Real - time ไม่ไล่คนไปหาไฟล์ ไม่ไล่คนไปหา Google เองสิ แน่นอนครับ ลดน้ำหนักก็เฮฮาได้ไม่เห็นต้องเครียดเลย )

FB Page : Healthy Hunger : https://www.facebook.com/healthyhungerpage
( อันนี้เป็นเพจที่เกี่ยวกับรวมสูตรอาหารคลีนนะครับ ผมก็เป็นแอดมินเองน่ะแหล่ะ จะพยายามอัพเดทเรื่อยๆ )

หรือใครอยากมาสอบถามแบบส่วนตัวโดยตรงก็มาที่เฟสส่วนตัวผมตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ
https://www.facebook.com/GengNutthapun

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://pantip.com/topic/33084658

...ก็คงต้องขอจบการเล่าที่ยืดยาวแต่เพียงเท่านี้ ใครที่อ่านจนจบผมขอแสดงความนับถือ ปรบมือเป็นจังหวะสามช่ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปิดท้ายด้วยรูปปัจจุบันล่ะกันครับ ตอนนี้ผมหนัก 77 กก.

โอ้โหเห็นแล้วก็ต้องบอกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว แต่เพื่อนๆ สามารถทำอย่างคุณเก่งได้นะครับ อาจจะเริ่มต้นออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ และค่อยๆ ก้าวไปสู่เส้นชัยพร้อมๆ กัน

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ "คุณจะลดหรือคุณจะตาย" เจาะลึกการลดน้ำหนักจาก 125 กก. สู่ 65 กก.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook