ไขสูตรความสำเร็จ "จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี" ผู้กุมบังเหียน "บิวเทรี่ยม" บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์

ไขสูตรความสำเร็จ "จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี" ผู้กุมบังเหียน "บิวเทรี่ยม" บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์

ไขสูตรความสำเร็จ "จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี" ผู้กุมบังเหียน "บิวเทรี่ยม" บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้การทำธุรกิจในวงการความงามจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับ บอย-จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี อดีตแชมป์บีบีกันระดับประเทศ แต่ในฐานะผู้กุมบังเหียน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด  บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์ชั้นแนวหน้าของไทย ที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดนอกจากจับมือกับ “ The 1” Loyalty Platform อันดับหนึ่งของไทย มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าบิวเทรี่ยม สามารถสะสมคะแนน แลกสิทธิประโยชน์จาก The 1 ได้แล้ว ยังทุ่มเม็ดเงินเปิดแฟลกชิพ สโตร์ กลางสยามสแควร์สยายปีกให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวช้อปปิ้งเครื่องสำอางร่วมทั้งอาหารเสริมได้สะดวกขึ้น สะท้อนระยะเวลา 8 ปี ที่ขยายไปได้ 8 สาขา และมีเป้าหมายจะเปิดอีก 2 สาขาภายในปีนี้ นับเป็นการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งจิรวุฒิยังตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าบุกไปตลาดออนไลน์ภายใต้เวบไซต์ theBeautrium.com อีกด้วย

บทพิสูจน์เหล่านี้การันตีถึงการบริหารสไตล์หนุ่มไฟแรง ด้วยการใช้ดีกรีปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบริหารทั่วไป มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และไปศึกษาต่อปริญญาโทสาขาเดียวกันที่ MISSORI STATE UNIVERSITY  สหรัฐอเมริกากลับมาบริหาร  เหตุผลที่ทำให้คุณบอยก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงาม เนื่องจากความชื่นชอบในกีฬาแนวแอนเวนเจอร์  เช่น บีบีกัน กีฬาผจญภัยที่ต้องเล่นกลางแจ้ง ทำให้ผิวพรรณต้องพบเจอกับแสงแดดซึ่งเป็นปัญหาผิวพรรณ อีกทั้งจากการศึกษาตลาดความงามพบว่าในระยะ 7-8 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจด้านความสวยความงามเป็นกระแสอันดับ 1 และเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะเทรนด์ทั้งหญิงและชายหันมาดูแลเรื่องสุขภาพความสวยความงามมากขึ้น

เริ่มแรกเขากับน้องชาย (อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี) จึงจับมือการทำธุรกิจด้านความสวยความงามตั้ง “บิวเทรี่ยม” ขึ้น โดยมีการแบ่งหน้าที่กันคือ ในระยะแรกน้องชายจะเป็นผู้ดูแลด้านการตลาด  ส่วนจิรวุฒิเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารโดยภาพรวมก่อน แล้วค่อย ๆ เข้าบริหารอย่างเต็มรูปแบบใน 4 ปีต่อมา ซึ่งธุรกิจใหม่ด้านความงามช่างแตกต่างจากธุรกิจด้านเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ธุรกิจค้าเหล็กเส้นและคอนกรีตของครอบครัวที่เคยเขาเคยเข้าไปช่วยสานต่อ ธุรกิจด้านความงามจึงเป็นงานที่ท้าทายมากเหลือเกิน ไปค้นหาเคล็ดลับการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจที่ต่างไปอย่างสุดขั้ว ว่ามาบรรจบกับนักกีฬาผู้หลงรักกีฬาแอดเวนเจอร์ได้อย่างไร

ผ่านมา 8 ปี ผ่านบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี แต่จิรวุฒิกลับถ่อมตัวว่า เขาเองคิดว่าตนเองยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเป้าหมายของเขายังอยู่ไกลจาก ณ วันนี้ เพราะเขามีความฝันว่า อยากทำให้บิวเทรี่ยม กลายเป็น “บิวตี้ เดรสติเนชั่น” อันดับ 1 ของประเทศไทยให้ได้  ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเพราะในตลาดจำหน่ายเครื่องสำอางมีการแข่งขันกันสูงมาก อีกทั้งเขาอยากเป็นรีเทลสัญชาติแรกที่สามารถไปเปิดในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามกัมพูชาหรือประเทศอื่น ๆ ให้ได้  รวมทั้งมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อปูพื้นฐานให้มั่นคงเพื่อการก้าวไปสู่ระดับสากล คือ บริหารทรัพยากรบุคคลจากเริ่มแรก 30 คน เพิ่มเป็น 200 คน ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ที่วางจำหน่ายในร้าน และวางระบบทุกอย่างให้มีความมั่นคงและแม่นยำ

“ แม้การทำธุรกิจจะเป็นคนละประเภทกับที่ผมทำมา แต่ผมมองว่ากลับเป็นเรื่องที่สนุกและท้าทายมาก เพราะแต่ละธุรกิจมีพื้นฐานในการบริหารการตลาดไม่ต่างกันมากนักสามารถนำมาปรับใช้ด้วยกันได้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม แต่ที่สำคัญคือการบริหารคนในองค์กรและการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ตรงจุด อีกทั้งสินค้าแต่ละประเภทไม่ต่างแตกกันมากนัก แม้เครื่องสำอางจะมีเพียงค่ายที่ต่างกัน ด้วยความหลากหลายของสินค้า จึงทำให้เขาอยากก่อตั้งศูนย์รวมที่ไม่ใช่มีแค่เฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แต่เป็นศูนย์รวมสินค้าความงามและสุขภาพจากทุกที่มาไว้ที่เดียวกัน โดยไม่จำกัดค่าย และมีราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่หายากที่ร้านอื่นไม่มี จึงสามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย ซึ่งกว่าที่ผมจะก้าวไปสู่จุดที่ผมตั้งไว้ ยังมีการบ้านที่ต้องทำอีกมาก เช่น การวางระบบบัญชี การเงิน บุคลากรที่ต้องเตรียมไว้เพื่อโตขึ้นไปอีก ”

เคล็ดลับก้าวสู่ความสำเร็จอีกข้อที่ทำให้จิรวุฒิก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จอีกขั้นคือ  การเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้อง เอาจริงเอาจังกับการทำงาน ใจกว้าง มาทำงานตรงต่อเวลา ทุ่มเทให้กับการทำงาน หมั่นไปเยี่ยมแต่ละสาขาทุกสัปดาห์ให้ได้ครบ เพื่อรับทราบปัญหาและดูการจัดเรียงสินค้า พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกน้อง และปรับตัวระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องให้มีความคิดในการทำงานที่ใกล้เคียงกัน

“ หน้าที่หลักของผมตอนนี้ก็คือ การดูเรื่องช่องทางการจำหน่าย ดูโลเคชั่นตามชุมชนที่มีแทรฟฟิคเยอะ ๆ ที่ตรงไหนควรลงทุน ผมมองว่าการที่โลเคชั่นสำคัญในการขับเคลื่อนหรือเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้ผมดูเรื่องการจัดส่งสินค้า การเก็บสินค้า สุดท้ายดูเรื่องการเงินว่า เราต้องใช้เงินไปส่วนไหนบ้าง ”

แม้ธุรกิจด้านความงามแข่งขันกันดุ จึงต้องทันกับเทรนด์และกระแสของโลกที่หมุนเปลี่ยนไปเร็ว

“ ผมมองว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเอง เรารับสินค้าคนอื่น มาจำหน่ายในรูปแบบร้านเราคืออาณาจักรเครื่องสำอาง เรามีผลิตภัณฑ์ศีรษะจรดปลายเท้า เราเป็นเมกะสโตร์ นอกจากเครื่องสำอางเรายังจำหน่ายอาหารเสริมแม้ใน 4 ปีแรกไม่ได้รับความนิยมมาก แต่ตอนนี้เรื่องสุขภาพก็มา การแข่งขันจึงค่อนข้างรุนแรง จริง ๆ ผมมองว่าการแข่งขันมีหลายประเภท ก็เหมือนกับการแข่งกีฬา แต่นี่คือเราแข่งในธุรกิจความงาม เหมือนวิ่งบนลู่วิ่ง ต่างคนต่างวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ผมคิดว่าตอนนี้สำหรับผมไม่ใช่การวิ่งแล้ว แต่คือการต่อยมวยที่เราต้องจู่โจมให้ได้ จริงๆ ผมไม่อยากแข่งในวงการนี้ แต่เมื่อลงสนามต่อยแล้วต้อง น็อกเอาท์ ธุรกิจความงามไม่มีการตั้งการ์ด ต้องเดินหน้าอย่างเดียว หยุดก็ไม่ได้ เพราะธุรกิจเป็นแพชั่น มันเปลี่ยนเร็ว เราต้องไปกับมัน เราต้องจับเทรนด์ให้ได้ อินโนเวชั่นเราต้องทันเทรนด์ของกระแสโลก เพราะเครื่องสำอางมีหลายยี่ห้อมาก

นอกจากเรามีหน้าร้านแล้ว เราขายออนไลน์ด้วย  ร้านของเราไม่เน้นฮาร์ดเซลส์ แต่เราเน้นการให้บริการ ลูกค้ามาแล้วต้องไม่รู้สึกอึดอัด ถามอะไรตอบได้ ถ้าลูกค้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมแก้ไขให้ เราอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาสำคัญ เรื่องของมายเซทเกี่ยวกับเซอร์วิสเราเน้นมากๆ เราไม่ได้เน้นยอดขาย แต่พนักงานต้องมีมายเซทในการให้บริการก่อน  ตัวสินค้าสำคัญสินค้าต้องหลากหลายมีให้ครบ หรือตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสะสมแต้ม พนักงานก็ต้องรู้ว่า สะสมแต้มสะสมอย่างไร ลูกค้าถามต้องรู้และตอบลูกค้าได้ เทิร์นพอยท์จากเดอะวัน ไปบิวเทรี่ยมอย่างไร ลูกค้าถามต้องตอบได้ เราพยายามมีคลาสต่าง ๆ เบื้องต้นในการให้ความรู้ด้านสินค้าและบริการแก่ลูกค้า การแต่งตัวที่เหมาะสมกับพนักงาน เป็นต้น ”

เมื่อทำงานจิรวุฒิ มุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องจัดชีวิตให้สมดุลย์ด้วยการแบ่งเวลาพักผ่อนทำกิจกรรมที่ชื่นชอบบ้าง นอกจากบีบีกัน ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์รางวัลที่1 กับทัวร์นาเมนท์ยอดฮิต เขายังชื่นชอบความเร็วด้วยการขับบิ๊กไบค์ออกทริปไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ กับกลุ่มเพื่อน หรือทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์กลางแจ้ง เช่น เดินป่า ปีนเขา หรือออกกำลังกายด้วยการเตะฟุตบอล ว่ายน้ำ เป็นต้น  

“ แม้ตอนนี้ผมมีเวลาว่างน้อยลง แต่เรื่องการออกกำลังกายต้องอย่าขาด หากมีเวลาว่างผมจะไปวิ่งคนเดียวเพราะเล่นกีฬาที่เป็นทีมไม่ได้ เพราะเวลาว่างของผมไม่ตรงกับเพื่อน ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายผมรู้สึกเลยว่า ร่างกายผมเปลี่ยนไป รู้สึกไม่กระชับกระเฉงเหมือนเดิม  แต่ด้วยหน้าที่การงานที่หนักมากขึ้น อาจมีเวลาทำสิ่งเหล่านี้น้อยลง เพราะการเป็นรีเทลมีสิ่งที่ละเอียดอ่อนต้องดูแลมากมาย จึงต้องใส่ใจทุกรายละเอียด  “

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook