หลอกสมองให้ลดความอ้วนแบบ “คีโต”
การลดความอ้วนด้วยการกินอาหารแบบที่เรียกว่า “โลวคาร์ป” เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมานานแล้วและปัจจุบันการกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำได้ถูกปรับรูปแบบให้เป็นวิธีการลดน้ำหนักแบบที่เรียกว่า “คีโตเจนิค”
วิธีทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโต
การทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ คีโตน คือภาวะที่ร่างกายไม่มีนำ้ตาลกลูโคส เพียงพอที่จะใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายจึงเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลจากไขมันที่มีอยู่ในร่างกายแทน เพื่อทดแทนน้ำตาลกลูโคสให้กับสมองด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้ ผู้ที่คิดจะลดความอ้วน ยังคงกินได้เป็นปกติ เพียงแต่หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด และร่างกายจะทำการดึงเอาน้ำตาลจากไขมันมาใช้แทน
แม้จะเป็นวิธีการลดน้ำหนักทีเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว แต่การลดน้ำหนักด้วยวิธีแบบ คีโตเจนิค ก็ยังไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยวารสารทางการแพทย์ ระบุว่ามีกลุ่มคนสามกลุ่มที่ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธี คีโตเจนิค กลุ่มแรกคือผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือ มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน กลุ่มที่สองคือ ผู้ที่ต้องกินยาควบคุมความดันโลหิต และ กลุ่มสุดท้ายคือมารดาที่กำลังให้นมบุตร
วิธีกินแบบคีโตเจนิค
วิธีกินแบบคีโตเจนิค คือการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ในจำนวนน้อย ซึ่งมีการระบุไว้ว่ากินได้ที่ 50 กรัมต่อวัน แต่ถ้าให้ดีให้ได้ผลเร็วคือ 20 กรัมต่อวัน (ข้าวหนึ่งทัพพี หรือ ขนมปังหนึ่งก้อน) ในขณะเดียวกันคุณสามารถทดแทนด้วยการกิน เนื้อสัตว์ได้ทั้งหมู เนื้อ ไก่ ปลา (ส่วนอาหารทะเลก็ได้แต่ไม่ควรมากเกินไปเพราะคอเลสเตอรอลสูง) ไข่ไก่ ชีส และ ผัก เพื่อทดแทนส่วนของคาร์โบไฮเดรต
นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถใช้เนย ในการทำอาหารแทน น้ำมันและยังใส่นมในเครื่องดื่มได้ด้วย ขณะเดียวกันอาหารประเภทถั่วทั้ง แมคคาดีเมีย และ อัลมอนต์ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในกรณีทีคุณชอบกินขนมขบเคี้ยว
สิ่งที่คนกินคีโตควรหลีกเลี่ยง
สิ่งที่ คนกิน คีโต แบบ Beginner ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลคือน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ผลไม้ที่ให้น้ำตาลสูงอย่างกล้วยหอม ขนมปัง มันฝรั่ง พาสต้า โดนัท ช็อกโกแลตบาร์ เบียร์ เหล่านี้ล้วนให้น้ำตาลสูงเป็นอย่างยิ่ง
แล้วเครื่องดื่มแบบไหนที่ดื่มได้บ้าง คำตอบคือ น้ำดื่มบริสุทธิ์ ส่วน ชา กาแฟ นั้นยังดื่มได้แต่ไม่ควรใส่น้ำตาล แต่ถ้ายังอยากใส่นมสดก็พอได้ นอกจากนี้คุณยังพอดื่มได้ โดยมีสิทธิดื่มไวน์แดงได้ 2 แก้ว
ทั้งหมดนี้คือการกินแบบ คีโตเจนิค แบบ Beginner ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีวินัยเป็นอย่างมาก และถ้าสามารถทำได้ติดต่อกัน 14 วันก็จะเห็นผลของการกินได้ทันที เพียงแต่ในระยะยาวคุณต้องกินในลักษณะนี้ให้เป็นนิสัย เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพกับวิธีการกิน แต่ถ้าน้ำหนักลดแล้วกลับไปกินแบบเดิม ก็จะกลับมาอ้วนอีกครั้ง แล้วกลับไปลดแบบเดิมใหม่ แบบนี้จะเกิดผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง