นวลนารี ศรีวรารักษ์ Healthy is the new Sexy

GMกำลังตกหลุมรักสาวกล้ามแน่นคนนี้ เธอคือคนที่มาช่วยยืนยันเทรนด์แห่งสุขภาพ ว่ากำลังมา และมันกำลังจะนิยามคำว่า ‘ความงาม’ กันเสียใหม่ ภาพเหมารวมของความเป็นหญิงที่ต้องมีความอ่อนหวาน นุ่มนวลชวนให้ชายทะนุถนอมเธอ กำลังจะเอาต์แล้วครับ เรารับรอง!

นวลนารี ศรีวรารักษ์ หัวหน้าค่ายมวย ‘ศิษย์ยอดธง’ ทายาทหัวแก้วหัวแหวนของครูมวยไทยระดับตำนานโลก ครูยอดธง เสนานันท์ GM มีนัดกับเธอไกลถึงพัทยา เพื่อไปพูดคุยและเฝ้ามองเธอฝึกซ้อมร่างกายในยามเช้าราว8 โมง ที่ค่ายมวยไทยของเธอเองภาพที่เห็นนั่นคือสาวสุขภาพดี ไหล่กว้าง ท่าทางทะมัดทะแมง นั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าลูกศิษย์ของเธอ ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งร่างบึ้กกว่าครึ่งร้อย ที่ต่างกำลังซ้อมมวยไทยกันอย่างขะมักเขม้น

คุณพ่อของเธอขอร้องแกมบังคับ ให้กลับมาช่วยดูแลกิจการ ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยบูรพาเมื่อต้องมาดูแลนักมวย 30-40 คน ครูมวยเทรนเนอร์อีก 10 ชีวิต จัดตารางซ้อม พร้อมหาเวทีให้ขึ้นชก บริหารรายรับของนักมวย โดยแบ่งเกรดกันไปตามฝีมือ

รายได้อีกส่วนมาจากชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียน มีทุกขั้นตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทรนเพื่อขึ้นชก ซึ่งค่ายศิษย์ยอดธงสอนวิชาความรู้แบบไม่มีกั๊ก ใครเก่ง ใครหัวไว ก็ได้พัฒนาไปถึงระดับยอดฝีมือ กลับบ้านเกิดเมืองนอนไปเปิดยิมมวยไทยของตัวเอง

สาวน้อยกับวิถีมวยไทย ความงดงามกับเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม สิ่งเหล่านี้สามารถไปด้วยกันได้จริงๆ หรือ วันนี้ GMจะมีคำตอบให้คุณ

GM ถามเธอถึงเรื่องการงานและธุรกิจค่ายมวยที่เธอคร่ำเคร่งอยู่ ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ สายตาสนุกขี้เล่นจะเปลี่ยนไป เธอดูจริงจังและสวมมาดนักธุรกิจสาวในทันที น้ำเสียงเริ่มเข้าสู่ช่วงเป็นทางการ

“หากนับเรื่องงานบริหารธุรกิจก็สัก 5 ปี ส่วนเรื่องความผูกพันกับที่นี่ ก็ตั้งแต่เด็กๆ เริ่มจำความได้ ภาพที่เห็นก็คือบ้านเราเป็นค่ายมวย มีพ่อเป็นผู้ฝึกสอน พลอยเห็นแชมป์มากมายมาที่บ้าน ทั้งมวยไทยและมวยสากล ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ยอดสนั่น 3K แบตเตอรี่”

เธอช่วยเรานับย้อนกลับไป ค่ายศิษย์ยอดธงถือเป็นค่ายมวยที่ผลิตแชมป์มวยไทย ระดับเวทีใหญ่ๆ ได้เข็มขัดแชมป์มากเส้นที่สุด

กว่านักมวยสักคนจะเก่งนี่ยากไหม – GM ถามถึงบรรดาแชมป์ที่เธอเคยสัมผัส

“ยากสิ ทั้งประเทศมีคนต่อยมวยไทยตั้งกี่คนอยากเก่งกว่าเขาต้องซ้อมมากกว่า ตามโปรแกรมอย่างน้อยๆ เรื่องวิ่งต้องมีวันละ 10-20 กิโลเมตร กลับมาต่อด้วยซ้อมมวย เอากำลัง เอาเชิง เทคนิคต่างๆ กว่าร่างกายจะพร้อมขึ้นชก ไหนจะเรื่องประสบการณ์อีกต้องขึ้นชกเก็บชั่วโมงบินไปเรื่อย กว่าจะถึงระดับลุ้นแชมป์มีความสำเร็จ”

พลอยเล่าว่าเห็นนักมวยหนุ่มๆ หลายคนถอนตัวถอดใจไปกลางคัน รุ่นแล้วรุ่นเล่า

ชาวต่างชาติเขามองมวยไทยในปัจจุบันอย่างไร -GM สงสัย

“จากที่สัมผัสมา เรียกว่าบ้ามวยเลยก็ได้นะ(หัวเราะ) ชาวต่างชาติพวกนี้ทั้งทดลองฝึกจริงทั้งค้นคว้าหาข้อมูล พวกนี้ก่อนมาเรียนที่นี่ เขาก็ค้นคว้าดูเทปเก่าๆ อ่านหนังสือมามากมาย เทียบกับคนไทยเรา เรามองมวยไทยต่างออกไป เราไม่สนใจนักหรอก ซึ่งตรงนี้พลอยอยากฝากบอกคนไทยด้วยกัน หากไม่สนใจ ไม่ร่วมกันอนุรักษ์มวยไทยอีกไม่นานพวกต่างชาติเก่งกว่าเราแน่ๆ”

“แต่แปลกที่คนไทยไม่ฮิตกัน ยิ่งหาคนไทยมาต่อยมวยเป็นอาชีพตอนนี้ยิ่งหายาก” เธอบอก

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนไทยมองมวยไทยเป็นของตาย ยังไงๆ มันก็ไม่ไปไหน มวยไทยเป็นของคนไทยตลอดไป จึงไม่สนใจเข้ามาในระดับเป็นอาชีพ

“คนไทยสมัยนี้คิดว่ามันยาก ต้องทำน้ำหนักต้องเจ็บตัว มันดูไม่สนุก แต่แปลกนะ ฝรั่งเขามองกลับกัน เขามองว่ายิ่งเจ็บยิ่งสนุก ยิ่งอยากเรียนยิ่งต้องการพัฒนา”

เทรนด์มวยไทยในระดับโลก กลายเป็นสาเหตุให้บุคลากรมวยไทยสมองไหลไปต่างแดน พลอยเล่าให้ฟังว่าพวกครูมวยไทยรับเงินเดือนในเมืองไทย เต็มที่2-3 หมื่นบาท แต่พอไปเมืองนอก เขาจะได้รับในหลักแสน แต่อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติยังคงต้องข้ามน้ำข้ามทะเล เเพื่อมาขอพิสูจน์กับต้นตำรับที่บ้านเรา…แปลกดีไหมล่ะ

‘วงการมวยสกปรกจะตาย’ คำนี้จริงไหม – GM สงสัย

พลอยยอมรับว่าก็มีส่วนจริง

“เสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่แน่จริงอยู่ยาก ทั้งค่ายและนักมวย วงการนี้มีมุมมืดเยอะ ทั้งการซื้อ-ขายนักมวย ไหนจะเรื่องการพนันที่เข้ามาเกี่ยว ทำให้ความโปร่งใสไม่มี จ้างให้แพ้ล้มมวย เล่นไว้ห้าแสนแล้วไปจ้างเขาแพ้แสนหนึ่ง ค่าตัวนักมวยไทยแค่สองหมื่น แบบนี้เขาจะไม่ตาโตได้อย่างไร

ไหนจะวางยานักมวยอีก ของพวกนี้ถึงตายได้เลยนะ เพราะร่างกายแต่ละคนต้านทานยาได้ไม่เหมือนกัน ส่วนตัวก็เคยเห็นเรื่องราวที่แย่มาก เขาทำเหมือนนักมวยไม่ใช่คน การแข่งขันที่ออกมาก็เลยไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนความสวยงามของศิลปะก็ไม่เหลือ กลายเป็นแค่เรื่องผลแพ้-ชนะ”

ในฐานะคนทำค่ายมวย อยากให้วงการมวยไทยเป็นอย่างไร - GM ถามเธอ

“เราต้องทำให้มวยไทยใกล้ชิดกับคนไทยมากกว่านี้ให้เด็กไทยรู้สึกกับมวยไทยเหมือนกับที่เขารู้สึกกับบาสเกตบอล ฟุตบอล หรือวอลเลย์บอลนี่คือมรดกของชาติ เป็นสิ่งที่เราหวงแหน แต่คนรุ่นใหม่กลับไม่คุ้นเคย และบางคนก็กลัว หลายฝ่ายมองว่ามันอันตราย เจ็บตัวมาก เลยไม่อยากบรรจุในหลักสูตรของเด็กนักเรียน ทั้งที่ยังไม่ได้ลองมาเรียนกันจริงๆ เลย”พลอยรู้สึกน้อยใจ ว่าเด็กไทยรู้สึกกลัวมวยไทยและหันไปเรียนยูโด คาราเต้ เทควันโด ทั้งที่เธอมองว่ามันก็ไม่ต่างกันเท่าไร ไม่ว่ากีฬาหรือกิจกรรมทุกประเภทก็อันตรายพอกัน

สมัยที่เธอเองยังเป็นเด็กสาวก็เคยรู้สึกกลัวมวยไทยคิดว่ามันอันตราย แต่พอได้มาซ้อมมวยหนักๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอพบว่ามวยไทยก็เป็นเรื่องของการพัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจได้ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรเลย

“จากที่จินตนาการไว้ตอนเด็กๆ เปลี่ยนไปหมดเลยตอนนี้กลายเป็นชอบมาก ถึงขนาดคลั่งเลยละ ถ้าไม่ได้ซ้อมมวยวันไหนจะหงุดหงิดมาก”พูดจบก็ตบมือฉาดใหญ่ ชวนเราไปซ้อมมวยไทยด้วยกัน แน่นอนว่าตอนขยับเขยื้อนร่างกายลุกขึ้นมายืนโพสท่า กล้ามแขนเธอขึ้นครบทุกมัด ทำเอา GMรู้สึกอายม้วนไปเลย

“รู้สึกว่าช่วงนี้ฮอตขึ้นมากเลยละ” นวลนารี ศรีวรารักษ์ หรือน้องพลอย กล่าวกับ GM แล้วก็หัวเราะแบบเขินๆ เพราะช่วงนี้เธอมีคิวสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนมากมายหลายแขนงเรียงหน้ากันเข้ามา“ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เวลาเขาเห็นหุ่นเรา เขาชื่นชมกันมากเลย โดยเฉพาะตรงกล้ามท้อง พวกผ้ชูายเวลาเห็นพลอยใส่ชุดธรรมดา เขาก็มองเราผ่านๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่สายตาของเขาจะเปลี่ยนไปทันที ตอนที่เห็นพลอยใส่ชุดออกกำลังกายหรือบิกินี เขาจะมองแบบอึ้งๆ เขาบอกว่าปลื้มเลย

บางคนบอกว่าเห็นหุ่นเราแล้วอายตัวเอง อยากจะกลับไปฝึกซ้อมให้ได้แบบนี้บ้าง”เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงนั้น เริ่มต้นมาจาก 5 ปีก่อนที่เธอเริ่มเข้ามาทำงานธุรกิจของครอบครัว รับหน้าที่บริหารงานให้กับค่าย เธอต้องอยู่เฝ้าค่ายตั้งแต่เช้าจรดเย็น

รูปร่างสวยงาม ฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกล้ามหน้าท้องขึ้นชัดเจน ทั้งหมดมาจากการซ้อมมวยไทย

“จะบอกให้จริงๆ นะ ว่าพลอยไม่เคยไปเล่นฟิตเนสจริงจัง ไม่ชอบความรู้สึกแบบไปวิ่งบนลู่ วิ่งแบบนั้นไม่ได้ ถ้าจะให้พลอยวิ่ง 4-5 กิโลเมตร ไม่ไหวหรอกแต่พลอยซ้อมมวยแทน ที่เห็นรูปร่างทั้งหมดนี้มาจากการซ้อมมวย พลอยว่ามันสนุกกว่า สะใจ สวยงามและที่สำคัญ มันเบิร์นเร็วกว่าด้วย ถ้าคุณอยากหุ่นดีลดน้ำหนักไว มาเลยๆ พลอยจะหัดให้เอง”

เธอชกลมด้วยความคล่องแคล่ว หักศอก แทงเข่าและพวกเรา GM กำลังถอยกรูดเพื่อให้ออกจากรัศมีทำลายล้างของเธอ

“อย่ากลัวไปก่อนว่ามันเจ็บ มันไม่เจ็บหรอกหากคุณหัดอย่างถูกวิธี แค่ภาพมันออกมาน่ากลัว ทั้งมือเท้า เข่า ศอก ตามประสากีฬาต่อสู้ก็เท่านั้น หากแค่เราซ้อมกัน มันไม่เจ็บหรอก”เธอตะโกนบอกพวกเรา ที่ตอนนี้ ทั้งตากล้องช่างไฟ และผู้สัมภาษณ์ ต่างก็แยกย้ายกันไปยืนอยู่คนละมุมห้องแล้ว

“ไม่เชื่อก็ต้องลองเอง อย่าเชื่อเพราะคิดตัดสินไปก่อน ลองก่อน ไม่ชอบไม่ว่ากัน ไม่อย่างนั้น ชีวิตนี้คุณก็ไม่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้เลยนะ” เธอสอนปรัชญาชีวิตให้เรา ในระหว่างที่กำลังชกลม

“บางทีเราต้องรู้จักใช้ความเจ็บปวด ความผิดพลาดในชีวิต เราใช้มันมาเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันสร้างแรงบันดาลใจ ให้เราทำอะไรๆ ให้ดีขึ้นก็ได้ อย่าเพิ่งปิดใจ ปิดกั้น ชีวิต คือการเปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ”เธอบอก

ตอนนี้เทรนด์สาวๆ หันมาออกกำลังเยอะมากพวกดารา เซเลบ ที่หันมาชกมวยแล้วถ่ายลง IG กันเยอะคุณรู้สึกอย่างไร - GM ตะโกนถามกลับไป

“รู้สึกดีที่เห็นทุกคนหันมาออกกำลังกาย แต่อีกมุมหนึ่ง ก็หวังว่ามันไม่ใช่แค่เป็นกระแส เดี๋ยวเดียวก็หมดไป อยากให้มันอยู่อย่างนี้นานๆ อยากให้ดาราสาวไปเข้ายิมแล้วเซลฟี่กันเยอะๆ อย่างน้อยก็จะทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และอยากให้ทุกคนได้ลองชกมวยอยากให้ค่ายศิษย์ยอดธงและตัวพลอยเอง ช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับมวยไทย ให้คนไทยหันมาฝึกกัน”

พลอยบอกว่าในยุคนี้ ค่ายศิษย์ยอดธงมีชื่อเสียงแบบตำนานเก่าแก่ แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์แบบทันสมัยที่จะเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอหันมาใช้โซเชียลมีเดีย มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเซลฟี่เล่นๆ แต่มันคือการพีอาร์ การตลาด และการทำธุรกิจแนวใหม่

“พลอยอยากเสนอภาพผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่กับมวยแม้พลอยจะไม่ดังเปรี้ยงแบบเน็ตไอดอลคนอื่น ที่โชว์หน้าอกใหญ่ๆ อยากมีหน้าอกใหญ่ๆ แบบนั้นบ้างเหมือนกัน (หัวเราะ)”

“นมใหญ่ ใครๆ ก็โชว์ได้ถ้าใจถึง หรือไปหาหมอก็มีได้แล้ว แต่หุ่นนักกีฬานี่สิยากของจริง ลองดูรูปร่างแบบนักกีฬาของ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ หรือ หญิง-รฐา โพธิ์งาม ทำให้ได้แบบนี้ไม่ง่ายเลยนะ ไม่มีหมอคนไหนมาฉีดกล้ามเนื้อหรือฉีดซิกซ์แพ็คให้คุณได้ของแบบนี้มันต้องเอาเหงื่อ เอาความอดทน เอาวินัยมากมายไปแลกมา”

เธอฝึกมวยแบบเน้นออกกำลังกาย สัปดาห์ละ5-6 วัน โดยทำสม่ำเสมอ นอกนั้นก็ใช้ชีวิตไปตามปกติทำงานอยู่ที่ค่าย ในเวลาเลิกงานก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเหมือนคนปกติทั่วไป

“ก่อนหน้าที่จะมาซ้อมมวยจริงจัง เป็นคนผอมๆขาว ซีดหน้าใสๆ ขาเรียวๆ แขนเล็กๆ หุ่นนางแบบอย่างที่ผู้ชายเขาชอบกันเลยแหละ” (หัวเราะ)ตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองก็สวยดีอยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ในค่ายมวยทุกวัน ก็ค่อยๆ รู้สึกว่ารูปร่างแบบนั้นผอมไม่มีเรี่ยวแรง

“คุณคิดดูสิ หากเจ้าของค่ายผอมแบบนั้นมันพรีเซนต์ตัวเองไม่ได้หรอก พลอยเลยต้องแข็งแรงฝึกซ้อมไปสักพักก็จะติด ส่วนตัวชอบถ่ายรูปเก็บไว้พอเอามามองย้อนเปรียบเทียบ เออ…มันต่างกันชัดพัฒนาการมีให้เห็น”

ผูกพันกับค่ายมวยมาตั้งแต่เด็ก มีคุณพ่อเป็นครูมวยแบบนี้หนุ่มๆ หน้าไหนจะกล้ามาจีบ - GM ถามเธอเมื่อเธอเสร็จสิ้นการฝึกชกลม

“เป็นเมื่อก่อนตอนเด็ก เพื่อนๆ จะรู้อยู่แล้วว่าบ้านพลอยทำค่ายมวย ส่วนตัวออกห้าวๆ เพราะอยู่กับนักมวยมาตลอด พอมีหนุ่มๆ เข้ามาทำท่า แป๊บเดียวเขาก็ถอยแล้ว หนุ่มที่จะมาจีบจริงๆต้องใจกล้าหน่อยนะ” เธอหัวเราะร่าเริง

นอกจากชื่นชมแล้ว พลอยเล่าว่าเดี๋ยวก็มีคำพูดด้านลบมาเข้าหูเหมือนกัน

“ประมาณว่าถ้ากล้ามเยอะไป จะเหมือนกะเทยหรือประมาณว่า ยังไงๆ ผู้ชายเขาก็ชอบผู้หญิงที่ความนุ่มนวลมากกว่า พลอยก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแน่ เอาเป็นว่าพลอยมีความสุขกับการฝึกมวย และรูปร่างของตัวเองตอนนี้มาก”

ถามจริงๆ ว่าถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณจะมองร่างกายผู้หญิงแบบไหนว่าเซ็กซี่ - GM ถาม

เธอครุ่นคิดอยู่นาน แล้วตอบกลับมาอย่างน่าสนใจ

“กล้ามเนื้อไม่ได้ทำให้เซ็กซี่ กล้ามไม่ได้ทำให้คุณเย้ายวน ดึงดูดเพศตรงข้าม แต่กล้ามเนื้อทำให้ร่างกายสวยงาม มันคือคำชื่นชมแบบใหม่ และเป็นเรื่องของสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

แล้วผู้ชายแบบไหนที่พิชิตใจคุณได้

“ส่วนตัวเป็นคนชอบผู้ชายตัวใหญ่ มีกล้ามแบบนักกีฬา แต่รอบข้างไม่มีใครหุ่นแบบนั้นเลย มีแฟนมาก็ไม่เคยมีหุ่นแบบนั้นเลย” พลอยตอบแบบเขินๆ

ความรักในมวยไทย การออกกำลังกาย และรักษาสุขภาพ เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เธอฝึกฝนชีวิตและร่างกายให้เป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องความรัก เรื่องเพศกลายเป็นประเด็นรองไป

“พลอยโตมากับครอบครัวนักมวย ต้องมีร่างกายเป็นเกราะไว้ป้องกัน รูปร่างก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่บ่งบอกความเจ๋งได้ แต่เห็นห้าวๆ แบบนี้ ที่ผ่านมาก็เคยอกหักหนักๆ มาก่อน ตามประสาเด็กสาววัยรุ่นน่ะแหละแต่ก็ได้มวยไทยที่ทำให้พลอยกลับมาได้ และเป็นแบบทุกวันนี้ พลอยยอมรับว่ามีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะมวยไทยสอนให้เรารู้จักความรับผิดชอบ พาเรามาเจอสิ่งที่เรารักและหลงใหล”

จากสาวน้อยนวลนารี ที่ผอมเพรียวเป็นนางแบบพิมพ์นิยม กลายเป็นสาวน้อยนวลนารีพร้อมมัดกล้ามและซิกซ์แพ็คเพราะร่างกายที่สวยงามและแข็งแรง ทำให้เธอกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ แสวงหาสิ่งใหม่ให้กับชีวิต

Credit

เรื่อง: พรรษิษฐ์ วิชญคุปต์

ภาพ: สรรค์ภพ จิรวรรณธร

ภาพประกอบเพิ่มเติมจาก : @nuannaree

(คลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่)