คุยกับ คิคุโอะ อิเบะ บิดาแห่ง G-Shock กับ 8 เรื่องที่สาวกต้องรู้
G-Shock นาฬิกาข้อมือที่ขายไปแล้วมากกว่าหนึ่งพันล้านชิ้น จากจุดประกายความคิดที่อยากสร้างนาฬิกาที่แข็งแกร่ง ใช้งานได้ยาวนาน เนื่องจากเคยทำนาฬิกาที่คุณพ่อให้ตกแตก กลายเป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่ขายได้จำนวนมหาศาล มีแฟนๆ ติดตามทั่วโลก
วันนี้ คิคุโอะ อิเบะ ผู้ชายที่ให้กำเนิดนาฬิกาสายพันธุ์แกร่งจนได้รับขนานนามให้เป็น บิดาแห่ง G-Shock เดินทางมาเมืองไทย Sanook ขออาสาพูดคุยเกี่ยวกับนาฬิกาในหลากหลายประเด็นที่หนุ่มๆ อยากรู้
กว่าจะเป็น G-Shock ให้เราได้ใส่กัน
จุดเริ่มต้นของ G-Shock เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1981 คุณอิเบะและทีมงาน ได้รับโจทย์จาก Casio ให้เริ่มโปรเจกต์สร้างนาฬิกาที่มีความทนทาน เขาจึงตั้งเป้าหมายไว้ว่า นาฬิกาดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติ Triple 10 คือ รองรับการกันกระแทกจากที่สูงได้ถึง 10 เมตร กันน้ำในความดัน 10 บาร์ หรือที่ความลึก 100 เมตร และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปี
และเพื่อทดสอบความทนทานของนาฬิกาก่อนออกสู่ตลาด เขาและทีมงานต้องโยนนาฬิกาลงจากชั้น 3 ของตึกค้นคว้าวิจัยฮามูระ โดยโยนกันครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้แน่ใจว่านาฬิกาสามารถตอบโจทย์ทั้งหมดที่ตั้งไว้ได้ จนในที่สุดก็สามารถผลิตโมเดลแรกออกมาในปี ค.ศ. 1983 ภายใต้ชื่อ G-Shock ซึ่งมีที่มาจากคำว่า Gravity ที่สื่อถึงความทนทานต่อแรงกระแทกและความนำสมัย
ทำไม G-Shock รุ่น GM-5600 ถึงเป็นที่สุดในดวงใจ
คุณอิเบะ เล่าว่า นาฬิกาหน้าปัดเหลี่ยมรุ่นนี้ เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่เขาผลิตขึ้น ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่ากว่าจะคิดค้นและผลิตออกมาได้มันยากเย็นเพียงใด เขาถึงได้รักนาฬิการุ่นนี้มาก นอกจากประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น นาฬิการุ่นนี้ยังได้รับการตอบรับที่ดีมากจากแฟนๆ ชาวไทยเรื่อยมา ซึ่งตัวเขาเองก็ปลาบปลื้มมาก
ขณะที่นาฬิกาที่บ้านเขาก็มีอยู่ 3 เรือนซึ่งเป็นรุ่น GM-5600 เหมือนกันหมด โดยมีนาฬิกา 3 สี ได้แก่ สีดำ สีแดง และ สีขาว เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า สีดำ จะใส่ในฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง สีแดงจะใส่ฤดูหนาว ส่วน สีขาวใส่ฤดูร้อน เขาใช้หลักการง่ายๆ แบบนี้สำหรับตัวเขาเอง ขณะที่คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าถ้าไปที่บ้านเขาต้องเจอโชว์รูมนาฬิกาแน่นอน แต่ไม่ใช่เลยในชีวิตประจำวันมีแค่ 3 เรือน
ขั้นตอนการออกแบบนาฬิกาของ G-Shock เป็นอย่างไร
หลักการง่ายๆ ที่เขาใช้ในสายการผลิตนาฬิกาก็คือ ต้องดูง่าย ใส่แล้วรู้สึกสบาย สองอย่างนี้เป็นหลัก จากนั้นรูปแบบสีสัน ฟังก์ชันต่างๆ ค่อยตามมา ขณะที่วัสดุก็จะมีความหลากหลายซึ่งตอนนี้มี โลหะ เรซิน คาร์บอน ที่วางขายอยู่ โดยความพิเศษของคาร์บอน คือ มันเบากว่าเหล็กแต่จะแข็งแรงกว่า ซึ่งเรื่องของนวัตกรรมในอนาคต นอกจากพัฒนานาฬิกา G-Shock ให้สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนต่างๆ ได้ เขาฝันว่าจะหาวัสดุที่ไม่ตายตัวมาผลิตเป็นนาฬิกา ซึ่งขยับให้เป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมแล้วผู้ใช้จะจับและปรับเปลี่ยนหน้าปัดให้เป็นแบบไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ตัวเขาเองยังหาวัสดุที่ถูกใจไม่ได้
G-Shock เลือกแบรนด์ที่จะมาคอลแลปส์อย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่การที่จะมาทำงานร่วมกับแบรนด์ไหนทาง G-Shock จะมองว่าต้องเกิดผลประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แม้แต่ในเมืองไทยเองเขาก็ยังตามหาแบรนด์ใหม่ๆ ที่จะมาทำงานร่วมกันเสมอ ส่วนการคอลแลปส์ข้ามสายพันธ์อย่างร้านอาหาร เขาบอกว่า ยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้น เพียงแต่จุดหลักของเขา คือ การร่วมงานกันมันต้องไปด้วยกันได้ หากเป็นอาหารก็คงต้องเป็นประเภทกินแล้วแข็งแกร่ง แข็งแรง อาจจะต้องเป็นแนวนั้น เพราะมันจะได้เข้ากับคอนเซ็ปต์นาฬิกาที่เขาคิดค้นมานั่นเอง
ร่วมงานกับ Carnival รังสรรค์ GM-5600 ล่าสุด ได้อย่างไร
ต้องย้อนกลับไปปี 2017 ที่ได้มาทำงานร่วมกันครั้งแรก โมเดลนั้นขายหมดเกลี้ยง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และด้วยความที่นาฬิกา GM-5600 ตัวนี้กรอบที่เขาคิดไว้มันเป็นโลหะ เขาเลยนึกถึง Carnival ที่มีไอเท็มหลายชิ้นมีความเป็นโลหะเหมือนกัน จึงน่าจะไปด้วยกันได้
ขณะที่เดิมทีตัวออริจินอลจะเป็นเรซินหมดทั้ง หน้าปัด สาย ตัวกรอบ แต่เรือนนี้ทั้งคู่เพิ่มความเป็นโลหะเข้าไป ซึ่งคุณอิเบะ ขยายความให้ฟังว่าเรซินเป็นที่นิยมอยู่แล้วในกลุ่มสตรีทสไตล์ แต่พอเพิ่มโลหะเข้าไปด้วย เหมือนเพิ่มความเรียบหรูเข้าไปอีก ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าเดิม เขายังนึกถึงการขยายฐานแฟนๆ ไปยังกลุ่มเซเลบต่างๆ ด้วย
เทรนด์นาฬิกาปีหน้าของ G-Shock เป็นอย่างไร
คงจะต่อจากปีนี้ คือ เน้นความเป็นโลหะเป็นหลัก ปีหน้าจะมีความหลากหลายมายมากขึ้นในเรื่องของโมเดลและการคอลแลปส์ข้ามแบรนด์ เพราะว่าในเทรนด์ของสตรีทสไตล์ โลหะเป็นที่นิยมอยู่แล้ว ทางแบรนด์จึงมองตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญและพัฒนารูปแบบนาฬิกาให้สอดคล้องไปกับความต้องการของตลาด เพราฉะนั้นไลท์อัพจะเกี่ยวกับโลหะเป็นหลักแน่นอน
เคล็ดลับทำงานให้สนุกในทุกวัน
แรกเริ่มเดิมทีผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ในการออกแบบ คิดค้น สร้างสรรค์ ไม่ได้คิดว้ามันสนุกหรือไม่สนุก ในเวลานั้นเป็นเหมือนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบมากกว่า แต่พอทำไปทำมากลับรู้สึกว่างานมันสนุกมาก ตั้งแต่ผลิตงานชิ้นแรกออกมา จนตอนนี้ไม่ได้อยู่ในแล็บแล้ว ครึ่งหนึ่งของการทำงานปัจจุบัน คือ เดินสายไปยังประเทศต่างๆ เล่าเรื่องราวของนาฬิกา G-Shock แต่จะมีคนอีก 3 กลุ่มที่ยังคงทำงานหนัก คือ สไตล์ วัสดุ และนวัตกรรมต่างๆ
วิธีทำความสะอาดนาฬิกาจากคำแนะนำของกูรู
จริงๆ แล้ว นาฬิกา G-Shock ไม่มีวิธีทำความสะอาดที่ตายตัว แต่ทุกครั้งที่ถอดแนะนำให้ทำความสะอาดทุกครั้งด้วยน้ำเปล่า จุดสำคัญ คือ เมื่อล้างแล้วต้องเช็ดให้แห้งสนิท พนักงานของเขาทุกคนพอใส่เสร็จปุบก็จะทำความสะอาดเลย ส่วน คุณอิเบะ กล่าวติดตลกว่า ตัวเขาเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจตั้งแต่ใส่มายังไม่เคยล้างเลย
ถึงแม้จะผลิตโมเดลแรกออกมานานแล้ว แต่ด้วยความคลาสสิกและจิตวิญญาณของผู้คิดค้นที่ต้องการจะสร้างนาฬิกาที่ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ในราคาที่จับต้องได้ ไม่แปลกใจที่นาฬิกาแบรนด์นี้เป็นขวัญใจของใครหลายคน ที่สำคัญ ถึงแม้ตัวนาฬิกาจะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่เบื้องหลังทีมงานก็ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง