แนะเลี่ยงดื่ม′ชาเขียวปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาล-นม′ หวั่นกระทบสุขภาพ
สธ. แนะเลี่ยงชาเขียวปรุงแต่งน้ำตาล-นม หวั่นดื่มมากร่างกายรับน้ำตาลเกิน ชี้ไม่ควรบริโภคเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ด้านอธิบดีกรมอนามัยเผยชาเขียว มีสารอาหารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่ควรชงดื่มแบบสดๆ ส่วนชาเขียวพร้อมดื่มควรอ่านข้อมูลโภชนาการก่อนบริโภค
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าววานนี้ (23 มี.ค.) ว่า วิธีการปรุงแต่งรสเครื่องดื่มชาเขียวมีหลายวิธี และหลากหลายรูปแบบ อาทิ ชาเขียวปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆ เพื่อให้ชาเขียวมีรสชาติหวานขึ้น เพราะชาเขียวมีสารแทนนิน ทำให้มีรสเฝื่อนๆ ซึ่งการใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานจะทำให้ชาเขียวมีรสชาติหอมหวานมากกว่าเดิม ทำให้ผู้บริโภคหันมาดื่มชาเขียวเพื่อดับกระหายมากยิ่งขึ้น ส่วนชาเขียวปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลและนมอาจมีการเติมครีมเทียม เพื่อให้เครื่องดื่มชาเขียวมีรสชาติหอมหวานมันมากยิ่งขึ้น "การดื่มชาเขียวที่ปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆ และนมหรือผลิตภัณฑ์นมมากเกินไป ร่างกายจะได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็น หากดื่มแบบปรุงแต่งรสควรจำกัดปริมาณการบริโภค และควรจำไว้ว่าในแต่ละวันไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หรือ 24 กรัม" นพ.รัชตะ กล่าว
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ชาเขียวประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค อาทิ วิตามิน บี1 ให้สารไทอามีน ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้มีความสดชื่น วิตามิน บี2 ช่วยให้ผิวพรรรณสดชื่น ป้องกันผิวเหี่ยวย่น และป้องกันเชื้อโรคได้อย่างดี วิตามิน บี3 ช่วยในการสร้างฮอร์โมนหลายชนิด และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดซึ่งช่วยควบคุมเบาหวาน เป็นต้น
"การดื่มชาเขียวให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ควรดื่มชาเขียวรสธรรมชาติ ชงสดๆ ใหม่ ไม่ปรุงแต่งรส ด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆ และนม แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณใบชาที่ใช้ชง หรือความเข้มข้นในการชงแต่ละครั้ง ส่วนการเลือกซื้อเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มที่ขายตามร้านสะดวกซื้อมาบริโภค ควรอ่านข้อมูลโภชนาการก่อน และถ้าเลือกซื้อตามรถเข็นหรือร้านจำหน่ายทั่วไปควรลดน้ำตาลให้น้อยลง" นพ.พรเทพ กล่าว