รู้หรือไม่ ทำไมออกกำลังกายไม่เห็นผล
หลายคนรักในการออกกำลังกาย เพราะอยากมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง จนโหมการออกกำลังกายที่หนักและมากจนเกินไป จนบางครั้งอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหรืออวัยวะต่างๆ ได้ แต่ผลสุดท้ายก็ยังไม่ได้ตามที่ใจหวัง คุณรู้หรือไม่ว่า มีพฤติกรรมบางอย่างที่อาจจะทำให้การออกกำลังกายของคุณไม่เห็นผล และต่อไปนี้คือ พฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้การออกกำลังกายของคุณไม่เป็นผลเท่าที่ควร และคุณเองควรจะรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อให้การออกกำลังกายของคุณเป็นผลอย่างที่ตั้งใจไว้
1 . ออกกำลังกายตอนท้องว่าง พฤติกรรมแรกมาจากความเชื่อเก่าๆ ว่า ควรออกกำลังกายตอนท้องว่างเพื่อการเผาผลาญไขมันที่ดีขึ้น ซึ่งนั่นไม่จริงเลย งานวิจัยส่วนมากในปัจจุบันพบว่าการออกกำลังกายระหว่างท้องว่างจะทำให้การออกกำลังกายของคุณด้อยประสิทธิภาพลง และทำให้คุณไม่สามารถทุ่มเทแรงได้เต็มที่สำหรับการออกกำลังกายแบบหนักๆ ได้อีกด้วย เพราะอันที่จริงแล้ว ร่างกายต้องการกลูโคสเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานในร่างกายเพื่อเสริมให้มีการนำไขมันเก่ามาใช้ระหว่างออกกำลังกาย ถ้าคุณท้องว่างและไม่มีน้ำตาลในเลือดเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย ร่างกายของคุณจะใช้ไกลโคเจนจากกล้ามเนื้อแทน ซึ่งนอกจากจะไม่เบิร์นไขมันแล้ว ยังเอากล้ามเนื้อที่มีไปด้วย นอกจากนี้ถ้าน้ำตาลในเลือดน้อย คุณจะยิ่งเหนื่อยมากขึ้นและมีโอกาสวิงเวียนศีรษะมากขึ้นในระหว่างการออกกำลังกายด้วย
2 . พฤติกรรมการกิน ส่วนสำคัญในข้อนี้คือ คาร์โบไฮเดรต เพราะคาร์โบไฮเดรต นับว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญต่อการออกกำลังกายอีกชนิดหนึ่ง แต่คุณควรเลือกที่จะบริโภคด้วย โดยควรกินคาร์โบไฮเดรตนิดดีที่ร่างกายสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานในการออกกำลังได้ดีกว่า หรืออาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีแทน ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีทและโฮลเกรน และควรจะหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่ดีจากอาหารที่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว และพาสต้า เป็นต้น เพราะคาร์โบไฮเดรตชนิดนี้จะไปสะสมในร่างกายในรูปแบบของไขมันแทนที่จะนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน นอกเหนือจากการกินคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมและถูกประเภทแล้วนั้น การเลือกกินอาหารที่มีธาตุเหล็กก็สำคัญเช่นกัน เนื่องจากธาตุเหล็กทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อทนต่อความเมื่อยล้าได้ดีขึ้น ซึ่งผลการวิจัยพบว่า สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ง่าย เป็นเพราะว่าร่างกายขาดธาตุเหล็กนั่นเอง ดังนั้นแนะนำให้กินอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เช่น อาหารจำพวก เนื้อวัว เนื้อหมู ผักใบเขียว และถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเลือดเพื่อป้องกันโรคโลหิตจางด้วย
3 . พักผ่อนไม่เพียงพอ ปัจจัยข้อต่อมา คือ การอดหลับอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอหรือน้อยเกินไป จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงบนวารสาร Sports Medicine พบว่า การนอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ช้า เมื่อไปออกกำลังกายก็จะรู้สึกเหนื่อยง่ายอย่างเห็นได้ชัด เอาเป็นว่าควรพักผ่อนให้เต็มอิ่มอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนได้เพียงพอสำหรับการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
4 . ไม่ยืดกล้ามเนื้อก่อนฝึก หรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อผิดวิธี สำหรับคนที่เพิ่งออกกำลังมาได้ไม่นาน แล้วฝึกได้ไม่เท่าไรก็รู้สึกปวดตามกล้ามเนื้อ นั่นอาจเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อของคุณยังไม่มีความยืดหยุ่นมากพอ ส่งผลให้ปวดกล้ามและอาจถึงขั้นกล้ามเนื้อฉีกขาดเลยก็เป็นได้ ทางที่ดีแนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังทุกครั้งสัก 5 นาที เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกายและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อก่อนออกกำลัง นอกจากนี้ หลังการออกกำลังกายก็ควรยืดกล้ามเนื้อประมาณ 5-10 นาที ด้วยเพื่อเป็นการ cool down ให้ร่างกายได้ปรับเข้าสู่สภาวะปกติ
5 . ออกกำลังกายรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ว่าคุณจะออกกำลังโดยการวิ่งหรือเล่นเวท ร่างกายจะใช้พลังงานและกล้ามเนื้อเยอะมากจนรู้สึกได้ในช่วงแรก ๆ แต่พอผ่านไปได้สักระยะ เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว แต่ก็ยังออกกำลังเท่าเดิมไปเรื่อย ๆ อยู่ บอกเลยว่าคุณจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการแน่นอน เพราะร่างกายไม่ได้พัฒนาขีดจำกัดไปมากกว่าเดิม ทางที่ดีควรเพิ่มความท้าทายให้ร่างกายโดยการเพิ่มระยะทางวิ่งและเพิ่มน้ำหนักเวท เป็นต้น ดังนั้น ถ้าอยากให้การออกกำลังกายได้ผลที่สุด ควรเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังทุก 2 สัปดาห์ โดยการเปลี่ยนท่าทางออกกำลังกาย จำนวนครั้งหรือเซ็ตที่ทำ หรือว่าน้ำหนักเวทที่ยก นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเติมการเล่นคลาสต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ พีลาทีส เต้น ชกมวย โหนบาร์ ฯลฯ ซึ่งการฝึกในหลายๆ รูปแบบจะทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แข็งแรง และบาดเจ็บน้อยลง
6 . ออกกำลังกายหักโหมเกินลิมิต เพราะความคิด ความเชื่อที่ว่า การออกกำลังกายให้ได้ผลดี คือการออกกำลังกายอย่างหนัก ยิ่งออกเยอะมากเท่าไรยิ่งดี ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เยอะเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว การออกกำลังกายก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียถ้าคุณไม่รู้จักลิมิตของตนเองหรือหักโหมจนเกินไป ร่างกายก็จะยิ่งเหนื่อยล้ามากขึ้น และอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บได้ ทั้งนี้อาการบาดเจ็บอาจไม่แสดงออกให้เห็นในทันที แต่ความบอบช้ำจะค่อย ๆ สะสมและแสดงออกมาในท้ายที่สุด ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินแก้แล้วก็ได้