สังคมนิยมซิกซ์แพ็ก เมื่อสังคมให้คุณค่ากับกล้ามเนื้อ 6 มัด
สังคมนิยมซิกซ์แพ็ก
โดย นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ kenshiro843@gmail.com
ผมเป็นคนไม่มีซิกซ์แพ็ก และไม่เคยคิดอยากจะมีซิกซ์แพ็กมาก่อนในชีวิต
กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องของผมไม่ได้ถึงกับย้วยลงพุงกลมกลึงเป็นถังเบียร์ หรือตึงเปรี๊ยะจนเห็นเป็นมัดกล้ามเหมือนแท่งช็อกโกแลต มันเป็นเพียงหน้าท้องธรรมดาๆ แบนราบในยามที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องและหย่อนยานบ้างในยามที่อิ่มหมีพีมัน
ผมไม่เคยมีปัญหากับหน้าท้องตัวเอง ไม่เคยถึงขั้นต้องอดอาหารหรือซิตอัพทุกวัน อาจจะมีควบคุมอาหารและออกกำลังกายบ้าง (ผมพยายามจะวิ่งให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 15 กิโลเมตร) เมื่อเริ่มรู้สึกว่าใส่กางเกงตัวเดิมไม่เข้า
ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวเท่านั้น คนรอบข้างก็คิดคล้ายๆ กัน ผมจำได้ว่าเพื่อนๆ ผู้ชายสมัยเรียนมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยมีใครหมกมุ่นกับการเล่นกล้ามหรือสร้างซิกซ์แพ็กมากนัก หรือถ้าจะมีก็ไม่เยอะ ในกลุ่มทั้งหมด 10 คนจะหลุดมาสักคน
และคนคนนั้นก็มักจะโดนเพื่อนล้อเลียนขำๆ อยู่บ่อยๆ ว่า "ไอ้นักกล้าม" หรือ "ประเวศยิม"
เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ กลุ่มดังกล่าว ในขณะที่ผมกำลังถอดเสื้อและเตรียมจะกระโดดเล่นน้ำ เพื่อนผมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทัก
"มึงผอมไปนะ เล่นกล้ามให้มีซิกซ์แพ็กบ้างสิ" พูดเสร็จมันก็ถอดเสื้อโชว์มัดกล้าม 6 มัดที่เพิ่งปูดโปนมาสดๆ ร้อนๆ จากการควบคุมอาหารและเข้ายิมอย่างหนัก
"ต้องหกมัดเท่านั้นด้วยนะเว้ย สองหรือสี่ก็ไม่เท่" เพื่อนผมคนนี้แต่ก่อนเป็นคนตัวเล็กและผอมบาง หุ่นของมันในตอนนี้ แม้ผมจะเป็นผู้ชาย ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม
"เซ็กซี่จัง" เพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยพากันเป่าปากแซว และจัดการเซลฟี่โพสต์ลงอินสตาแกรมกันยกใหญ่
"ผู้ชายยุคใหม่ต้องมีซิกซ์แพ็กแล้วว่ะ" มันกล่าวกับผมเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะกระโดดลงสระไป ทิ้งให้ผมครุ่นคิดกับตัวเองว่านี่เรากำลังเป็นผู้ชายตกยุคแล้วหรือเปล่า
ทุกวันนี้ซิกซ์แพ็กคือสัญลักษณ์ใหม่ของความเซ็กซี่ (นักเขียนฝรั่งคนหนึ่งใช้คำว่า new norm of sexiness) ผู้ชายที่มีซิกซ์แพ็กสวยงามได้รับการยกย่องว่ามีความเซ็กซี่ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่มีหน้าอกอึ๋ม
สังคมปัจจุบันกำลังให้คุณค่ากับกล้ามเนื้อ 6 มัดนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ซิกซ์แพ็กแสดงถึงความแข็งแรง ความเป็นชาย ความอดทนบากบั่นในการซิตอัพครั้งแล้วครั้งเล่า ความอึดในการอดอาหาร รวมไปถึงสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าของมัดกล้ามนี้เป็นคนใส่ใจกับสุขภาพและรูปลักษณ์ตัวเองมากแค่ไหน
ซิกซ์แพ็กคือ "สิ่งจำเป็น" สำหรับดารา-นักร้อง-นักแสดง-นักกีฬาชาย ซิกซ์แพ็กช่วยสร้างความดัง สร้างรายได้ และสร้างบันไดในอาชีพ หากคนไหนหน้าท้องแบนราบเฉยๆ ไม่มีกล้ามเป็นลอน ต้องรีบไปเข้าฟิตเนสโดยด่วน
ซิกซ์แพ็กคือเครื่องอาภรณ์ ไม่ต่างอะไรจากนาฬิกาเรือนละล้าน แหวนเพชร 16 กะรัต หรือรถสปอร์ตคันงาม มันแสดงถึงสถานะพิเศษของคุณ มันคือแรงดึงดูดให้เพศตรงข้ามหันมามองคุณ มันทำให้คุณแตกต่างและเป็นจุดสนใจ มันคือใบเบิกทางไปสู่สิ่งอื่นๆ ได้อีกมากมาย
ซิกซ์แพ็กคือมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่ามิได้ หยูกยา อาหารเสริม อุปกรณ์ คอร์สฟิตเนส เทรนเนอร์ชื่อดัง เซเลบ นิตยสารออกกำลังกาย ฯลฯ ทุกองค์ประกอบเหล่านี้สร้างเม็ดเงินมหาศาล โดยมุ่งไปที่เป้าหมายเดียวกันคือ การสร้างความฝันที่ว่า "คุณก็มีซิกซ์แพ็กเป็นของตัวเองได้"
ซิกซ์แพ็กกลายเป็นความฝันลำดับต้นๆ ของผู้ชายสมัยใหม่ ถัดจากคุณสมบัติอื่นๆ อย่างเช่น หล่อ รวย เก่ง ชีวิตดี ไลฟ์สไตล์เก๋
งานวิจัยชิ้นหนึ่งชื่อ It"s all about the six-pack : Boys" bodies in contemporary Western culture. จัดทำโดย Drummond M และ Drummond C ในปี 2014 เขาทำการสอบถามความคิดเห็นและทัศนคติของเด็กเล็กไปจนถึง 10 ขวบในประเทศออสเตรเลียกลุ่มเดียวกันเป็นเวลา 5 ปี เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างความเป็นชาย (construction of masculinities)
ผลปรากฏว่าคำว่า "ซิกซ์แพ็ก" กลายเป็นคำศัพท์ลำดับต้นๆ ที่เด็กมองว่าคือสัญลักษณ์ของความเป็นชาย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ซิกซ์แพ็กถูกให้ความสำคัญมากขนาดนี้?
ผมคิดว่าซิกซ์แพ็กเพิ่งได้รับความนิยมเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักๆ เกิดจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ สื่อบันเทิงและโซเชียลมีเดีย
สื่อบันเทิงจำพวกภาพยนตร์ ซีรี่ส์ นิตยสาร โฆษณา แฟชั่นโชว์ มีผลอย่างมากในการกำหนดเทรนด์ "ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ" หรือ "ผู้ชายในอุดมคติ" ในแต่ละยุค
เว็บไซต์ artofmanliness.com ระบุว่าในยุค "50s มีสิ่งพิมพ์โฆษณาเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่โชว์ให้เห็นผู้ชายเปลือยกายหรือไม่ใส่เสื้อ
ในขณะที่ปัจจุบันสูงขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังมีอีกผลสำรวจที่เปิดเผยว่าผู้ชายตะวันตกในปัจจุบันกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ไม่พึงพอใจในรูปร่างของตัวเอง เทียบกับเมื่อ 25 ปีก่อนที่ไม่พึงพอใจเพียงแค่ 15 เปอร์เซ็นต์
ไม่ใช่แค่ปริมาณเท่านั้น แต่มาตรฐานความหล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดาราในยุคเก่าระดับไอคอนอย่าง Humphrey Bogart, James Dean และ Cary Grant มีรูปร่างที่สมส่วน ไม่อ้วน ไม่ผอม มีความแข็งแรง เห็นมัดกล้าม แต่ไม่ถึงกับต้องเป็นลอนๆ ตรงกันข้ามกับดาราในปัจจุบันที่แทบไม่มีคนไหนที่เราไม่เคยเห็นซิกซ์แพ็กของเขา
ฮีโร่อย่างแบ็ตแมนในยุคเก่าที่หน้าทองแบนราบยังต้องเปลี่ยนตัวเองให้มีมีซิกซ์แพ็กในปัจจุบัน!
หรือแม้แต่หนังอย่าง 300 หรือ Spartacus ก็ยังสร้างภาพให้นักรบกรีกหรือนักรบโรมันต้องมีซิกซ์แพ็ก ทั้งที่ตามประวัติศาสตร์แล้วนักรบพวกนี้จำเป็นต้องมีไขมันอยู่บ้างเล็กน้อยเพื่อเป็นเกราะป้องกัน
แต่ต่อให้สื่อบันเทิงนี้ล้างสมองเราได้ขนาดไหน ซิกซ์แพ็กก็ไม่มีวันครองโลกได้หากไม่มีโซเชียลมีเดีย
เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ มีผลทำให้ทุกคนมีสื่อในการประชาสัมพันธ์ตัวเอง ทำให้เราสามารถลงรูปตอนถอดเสื้อเพื่อเรียกไลก์ได้ เรากลายเป็นจุดสนใจไม่ต่างจากดาราเมื่อโชว์ซิกซ์แพ็ก ตอนนี้กระแสการเซลฟี่เพื่อโชว์ซิกซ์แพ็กกำลังเป็นที่ระบาดไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง
มีคนเคยบอกผมว่า ความเก่งเหมือนกางเกงใน คือใส่ไว้ข้างในไม่ต้องเอาออกมาโชว์ แต่ซิกซ์แพ็กไม่เหมือนกัน ถ้ามีซิกซ์แพ็กอย่าเก็บไว้คนเดียว ต้องเอาออกมาโชว์
ซิกซ์แพ็กไม่เหมือนกับหน้าอก จมูกโด่ง คาง v-shape หรือผิวขาวแบบกลูต้าไธโอน เพราะมันอยู่ข้างใน
ผมเคยถามเพื่อนๆ หลายคนที่ชอบโชว์ซิกซ์แพ็ก เขาบอกว่าเหตุผลที่ชอบโชว์ เพราะภูมิใจ อุตส่าห์เล่นมาเยอะ ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่
แต่ซิกซ์แพ็กแสดงถึงสุขภาพที่แข็งแรงจริงหรือ?
มีสิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้เกี่ยวซิกซ์แพ็กด้วยกันหลายประการ หนึ่งในนั้นคือคนที่มีซิกซ์แพ็กไม่ได้การันตีว่าแข็งแรงเสมอไป และคนที่ไม่มีซิกซ์แพ็กก็ไม่ได้แปลว่าไม่แข็งแรง
เว็บไซต์ muscle.in.th บอกไว้ว่า อย่ามัวแต่สร้างขนาดของกล้ามท้องเพียงอย่างเดียว คุณต้องทำให้มันถูกมองเห็นได้ด้วย หากคุณมีกล้ามหน้าท้องที่สวยงาม แต่มันอยู่ภายใต้ชั้นไขมัน คุณจะเห็นแต่ไขมันเท่านั้น
การศึกษาของมหาวิทยาลัย Southern Illinois University Edwardsville ทำการทดลองกับผู้ชายสุขภาพดี 24 คน โดยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรก ไม่ต้องทำอะไร
กลุ่มที่ 2 ต้องเล่นกล้ามท้อง 140 ครั้ง/สัปดาห์ ติดต่อกัน 6 สัปดาห์
โดยทั้ง 2 กลุ่มถูกควบคุมอาหารและกิจกรรมอื่นๆ ให้เหมือนกัน หลังจากจบการทดลอง พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่มีอะไรที่ต่างกัน ทั้งลักษณะภายนอกและเปอร์เซ็นต์ไขมันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่กลุ่มที่เล่นกล้ามหน้าท้องมีกล้ามท้องที่แข็งแรงกว่าเพียงเท่านั้นเอง
ความลับสำคัญของซิกซ์แพ็กอยู่ที่ "เปอร์เซ็นต์ไขมันใต้ผิวหนัง" หากเป็นผู้ชาย คุณต้องมีไขมันน้อยกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ และถ้าคุณมีไขมันน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์จึงจะเห็นกล้ามท้องได้อย่างชัดเจน
Muscle.in.th สรุปทิ้งท้ายว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะฝึกกล้ามหน้าท้องมามากขนาดไหน หากคุณลดไขมันลงมาไม่ได้ (ด้วยการควบคุมอาหาร การเล่นเวตเทรนนิ่ง หรือใช้อาหารเสริม) คุณก็ไม่มีวันได้เห็นมัน
นั่นหมายความว่า "อาหาร" คือหัวใจหลักที่ทำให้คุณมีซิกซ์แพ็ก ไม่ใช่การออกกำลังกาย
คนที่ไม่มีซิกซ์แพ็กจึงอาจจะเป็นคนที่ออกกำลังกายหนักมากและแข็งแรงมาก เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ควบคุมอาหารเท่านั้นเอง
ซิกซ์แพ็กเป็นเรื่องส่วนบุคคล เหมือนกับการทำศัลยกรรมเรือนร่าง จมูกใครก็จมูกมัน นมใครก็นมมัน กล้ามท้องใครก็กล้ามท้องมัน
ผมไม่เคยรู้สึกว่าการโชว์ซิกซ์แพ็กเป็นเรื่องไม่ดี
การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และใส่ใจสุขภาพมีแต่ข้อดีทั้งนั้น หากคนที่เล่นกล้าม เขาเหนื่อยยากลำบากมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะโชว์ เพราะนอกจากความภูมิใจ เขายังอาจได้โบนัสอื่นๆ ตามมาอีกเพียบ เช่น ชื่อเสียง เงินทอง สาวๆ ติดตรึม
ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ใครโชว์หรือโชว์ไปทำไม แต่อยู่ที่ว่าสังคมกำลัง "เห่อ" หรือ "ลุ่มหลง" หรือให้ความสำคัญกับมันมากไปหรือเปล่า เรายังมีสิ่งอื่นให้ยกย่องกันอีกหรือไม่ เรามองข้ามส่วนอื่นๆ จนเหลือแค่กล้ามเนื้อ 6 มัดนี้ใช่ไหม เรากำลังสร้างความฝันให้กับคนทั่วไปด้วยคำพูดง่ายๆ ว่า"สร้างซิกซ์แพ็กได้เพียง 4 สัปดาห์" มากไปหรือเปล่า เราจะมอมเมาเยาวชนด้วยซิกซ์แพ็กเต็มหน้าจอ เหมือนที่กำลังทำกับหน้าอกของผู้หญิงใช่หรือไหม
และจริงๆ แล้วอะไรที่สำคัญกว่ากันระหว่างสุขภาพที่ดีกับซิกซ์แพ็กที่แน่นเปรี๊ยะ
ผมครุ่นคิดถึงคำถามเหล่านี้ ระหว่างที่เพื่อนผมคนนั้นกำลังเซลฟี่ตัวเองกลางสระว่ายน้ำ
ผมมองที่หน้าท้องตัวเอง และเริ่มคิดว่าจะกลับไปวิ่งสัก 10 กิโลให้ได้ภายในอาทิตย์นี้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น การหายใจที่ยาวขึ้น และกล้ามเนื้อหัวใจที่แข็งแรง
แม้ว่าหน้าท้องของผมจะไม่มีสักแพ็กเลยก็ตาม
ที่มา : คอลัมน์ Pop Teen มติชนสุดสัปดาห์ 20 มี.ค. 2558