ว่าที่ด็อกเตอร์สุดหล่อ! มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ จากพระเอกซีรีส์สุดฮอต สู่นักแสดงมืออาชีพ
เคล็ดลับเรียนรุ่ง แสดงเลิศของหนุ่มฮอตผู้โด่งดังจากพระเอกซีรีส์ 'มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์' กับการแบ่งเวลาอย่างไรให้ลงตัวจนรั้งตำแหน่งว่าที่ด็อกเตอร์อย่างทุกวันนี้!
เทรนด์ฮอตนาทีนี้คงไม่พ้นซีรีส์วายสุดฮอต ซึ่งเหล่าดาราหน้าใสที่แสดงนำก็เรียกได้ว่าได้รับความนิยม และมีเหล่าแฟนคลับคอยติดตามไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือหนุ่มหล่อคนนี้ 'มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์' บอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่ฝีมือและทักษะเรื่องการแสดงเท่านั้น เพราะหนุ่มมิวขอเรายังมีดีกรีเป็นถึงว่าที่ด็อกเตอร์อีกด้วยล่ะค่ะ และวันนี้ HELLO! Education ได้รับโอกาศพิเศษพูดคุยกับหนุ่มหล่อคนนี้ว่ามีเทคนิค เคล็ดลับ หรือวิธีแบ่งเวลาอย่างไรให้งานก็เลิศ และเรียนก็รุ่งแบบนี้
เด็กเรียน
คุณมิวเรียนจบจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สายวิทย์-คณิต แล้วเรียนต่อปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“สมัยเรียนม.ปลายกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมได้โควตาเรียนดีจากสาธิตเกษตรด้วยครับ ผมโชคดีที่เลือกภาคเข้ากับตัวเองคืออุตสาหการ รู้สึกคลิกกับมัน เพราะผมชอบเรียนเลขมากกว่าฟิสิกส์ อุตสาหการจะเน้นพวกสถิติเยอะ เรียนเรื่องโรงงานและธุรกิจ คือเป็นวิศวะที่เน้นทางด้านการจัดการภายในโรงงาน แต่ถ้าปรับมาทางธุรกิจก็จะไปด้านวิศวะมากกว่า MBA ครับ” จึงไม่น่าแปลกใจที่ตอนจบปริญญาตรี คุณมิวได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองของภาคติดมือมาด้วย
“น่าจะเข้าทางผมมั้งครับ ตอนเรียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องแข่งขันอะไรมาก ไม่เคยไปเรียนพิเศษ เพราะตอนนั้นผมเริ่มทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ก็ได้เพื่อนช่วยไว้เยอะมาก เวลาขาดเรียน เพื่อนจะมีเลคเชอร์มาให้ ช่วงสอบก็จะไปติวกันที่ห้องสมุด”
แรงบันดาลใจให้เรียนต่อ
ถึงจะเรียนไปด้วย ทำงานในวงการไปด้วย แต่คุณมิวก็ยังต่อยอดการเรียนรู้จนจบปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และขณะนี้เขาก็กำลังศึกษาปริญญาเอกที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของจุฬาฯ เช่นเดิม “ที่ผมเรียนต่อ เป็นความต้องการของทางบ้านครับ คือผมได้โจทย์มาว่าต้องทำเพื่อแลกกับการเข้ามาทำงานในวงการ จริงๆ คือไม่อยากให้เสียการเรียน แต่เขาก็รู้ว่าผมแบ่งเวลาได้ เลยไม่เข้มงวดมาก ประกอบกับการที่ผมอยากเข้ามาทำงานในวงการ เลยต้องพิสูจน์ว่าเราทำได้ ทางบ้านเลยอนุญาตครับ”
ครอบครัวจงชีวีวัฒน์
มีประสบการณ์ทั้งปริญญาตรี โท จนถึงเอก คุณมิวจึงเห็นถึงความแตกต่างของการเรียนด้วยตัวเอง “ปริญญาตรีที่ยากคือ จำนวนวิชาที่เรียนต่อเทอมเยอะมาก 8 - 9 ตัว เรื่องงานโปรเจกต์ยังไม่เยอะเท่า พอปริญญาโท อาจารย์จะชอบเอาความรู้มาปรับ แล้วทำเป็นโปรเจกต์ส่ง แต่ละวิชาจะมีโปรเจกต์หมดเลย แม้ว่าจะเรียนวิชาน้อยลงแต่ตัวโปรเจกต์หนักมาก ส่วนปริญญาเอก ทำธีสิสอย่างเดียว เพราะจำนวนวิชาที่เรียนมีนิดเดียว แล้วพอผมเรียนโทมาต่อเอก มันโอนเกรดได้ ก็เหลือทำวิจัยอย่างเดียว”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยิ่งชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากเท่าไร ตารางงานในแต่ละวันก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย เขาถึงขนาดเคยทำงานมากที่สุด 6 งานในหนึ่งวัน ทำให้กระทบการเรียนพอสมควร ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษา ของคุณมิวก็เข้าใจในตัวลูกศิษย์คนนี้เป็นอย่างดี และในอนาคต ถ้าได้ทำงานในสายที่เรียนมา เขาคิดว่างานที่ปรึกษา หรือการเข้าไปวางระบบต่างๆ ให้กับโรงงานน่าจะเหมาะกับเขามากที่สุด
โด่งดังจากบทพระเอกซีรีส์
ที่ผ่านมา คุณมิวมีผลงานทั้งละคร โฆษณามิวสิกวิดีโอ แต่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากการรับบทนำครั้งแรกใน TharnType The Series ซึ่งเขาบอกว่า เพราะได้รับโอกาสที่ดี “ผมไม่ได้อยู่โมเดลลิงใหญ่ โอกาสที่จะเข้าช่องก็น้อย พอเปิดแคสต์ก็ลองไปแคสต์แล้วได้รับเลือกไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้เราดังมากขนาดนี้ ตอนที่ผมได้รับเลือก มีคนว่าเยอะมากว่าไม่ตรงแคสต์ คนที่เคยอ่านนิยายมาเขาจะมีภาพในหัว ตอนนั้นคิดแค่ว่า เราจะเล่นยังไงให้คนที่อ่านนิยายเชื่อในตัวละครของเรา”
ยังไม่ทันเริ่ม ก็เจอกระแสต่อต้าน ยิ่งทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก “ใจไม่ฝ่อนะครับ แต่เรายิ่งต้องทำให้มันดีขึ้น เหมือนท้าทาย ต้องเวิร์กช็อปหนักมาก อะไรไม่เข้าใจก็ถามผู้กำกับ ผู้จัด นักเขียน เพราะการเขียนนิยายกับแสดงซีรีส์ ภาพที่ถ่ายทอดออกมามันต่างกัน เราก็ออกไอเดียของเรา คาแร็กเตอร์นี้จะเป็นยังไง”
อาจมีเขินๆ กันบ้าง เมื่อต้องมาเข้าฉากหวานกุ๊กกิ๊กกับผู้ชายด้วยกัน แต่ในความเป็นจริง คุณมิวบอกว่า ไม่มีเวลามานั่งเขินอายกันเลย “ช่วงเวิร์กช็อปเขินครับ แต่เราเวิร์กช็อปหนักมาก พอถ่ายจริงจึงไม่มีเขินแล้ว เพราะถ้ามัวมาเขิน เราจะถ่ายไม่ทัน เพราะวันหนึ่งเราถ่ายหลายซีนมาก แต่ละซีนก็มีหลายมุม พอเป็นพระเอก ถ่ายตั้งแต่หกโมงเช้ายันสี่ทุ่ม”
เส้นทางในสายบันเทิง
อนาคตในวงการบันเทิง คุณมิวอยากโฟกัสเรื่องงานเพลงมากขึ้น ทำเพลงดีๆ หลากหลายแนวมาให้แฟนๆ ได้ฟังกัน “ตอนนี้ก็พัฒนาการร้อง การเต้นเพิ่ม ส่วนการแสดง ผมอยากรับบทที่ยังไม่เคยได้ลอง แล้วภายใน 3 ปี ผมอยากลองเป็นผู้จัดละครดูครับ ยังไม่ได้คิดว่าจะออกมาเป็นแนวไหน แค่คิดว่า ผมชอบดูหนัง ดูซีรีส์ เลยอยากมีผลงานสักเรื่องที่เราเป็นผู้จัดเอง”
ถึงจะทำงานในวงการมาตั้งแต่สมัยเรียนม.6 แต่เพิ่งจะมาโด่งดังในวัย 29 ปี ซึ่งเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองโตเกินไป “ผมรู้สึกว่านักแสดงฮอลลีวูดบางคน 50 กว่าแล้ว ยังเป็นพระเอกได้อยู่เลย เรื่องนี้มันตัดสินไม่ได้หรอกครับ ผมว่าอยู่ที่บทด้วยว่าเราเหมาะกับแคสต์ตรงไหน”
สำหรับความฝันของคุณมิวในเรื่องการแสดงคือ อยากได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมมาครองสักครั้ง “อาจเป็นรางวัลตุ๊กตาทอง หรือสุพรรณหงส์ ก็ได้ ระหว่างนี้สิ่งที่ทำได้คือ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องเพลง ผมอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่คนทั้งฮอลล์สามารถร้องเพลงเราได้ ชูแท่งไฟ แล้วก็ร้องเพลงไปด้วยกันครับ”
มีวันนี้ได้เพราะการเรียน
สำหรับมิว การเรียนสำคัญมาก และที่มีวันนี้ได้ก็เพราะการเรียน คุณมิวจึงชอบเรียนรู้ทุกอย่าง ทั้งดนตรี กีฬา เรียกว่าไม่ได้เรียนเฉพาะแค่ในห้องเรียนเท่านั้น “ถ้าน้องๆ คนไหนชอบเรียน มันจะง่ายมาก ผมเคยเรียนมาหลายอย่าง พอถึงเวลาปุ๊บ ระบบความคิดมันจะเป็นเน็ตเวิร์ก คือน้องจะสามารถปรับไปเป็นอะไรก็ได้ ผมคิดว่าที่ผมทำข้อสอบได้คะแนนดี ก็มาจากการที่เราเอามาปรับใช้ได้ ผมเคยเป็น TA (Teacher Assistant) มาก่อน ทำให้พอรู้ว่าอาจารย์จะออกข้อสอบยังไงหรือเมื่อเดือนที่แล้วผมไปเป็นแขกรับเชิญที่มศว. บรรยายเรื่อง Growth Mindset ได้เอาประสบการณ์ของเราไปเล่าให้น้องๆ ฟัง เป็นการต่อยอดไอเดียที่ดีมากเลยครับ”
คุณมิวฝากถึงน้องๆ ที่ยังเรียนหนังสือด้วยว่า ให้จัดลำดับความสำคัญให้ดีว่า อะไรสำคัญที่สุด ถ้ามีสอบ ต้องอ่านหนังสือกี่วัน จะได้รู้ว่าเราต้องเริ่มอ่านตั้งแต่วันไหน
“ตามหลักการทางสมอง ถ้าอ่านก่อน 21 วัน มันจะฝังเข้า Long Term Memory อันนี้คือทางจิตวิทยาเลยครับ ถ้าน้องอยากได้เกรดดี พยายามอ่านล่วงหน้าสัก 21 วัน ก็จะดีครับ”
เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นศิลปินที่แฟนคลับชื่นชอบในผลงานแล้ว ยังเป็นไอดอลเรื่องการเรียนได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยเลยล่ะค่ะ
ติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! Education ประจำเดือนตุลาคม 2563
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com
Cr. Photos : Suppasit Jongcheveevat's Instagram