mars plus จัดหนัก! E-Photobook "โม่ยจัง" คอสเพลเยอร์ตัวแม่ของวงการ

mars plus จัดหนัก! E-Photobook "โม่ยจัง" คอสเพลเยอร์ตัวแม่ของวงการ

mars plus จัดหนัก! E-Photobook "โม่ยจัง" คอสเพลเยอร์ตัวแม่ของวงการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว! E-Photobook ‘โม่ยจัง-ชลฐิติรัตน์  แก้วแดง’ หลังร่วมงานถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่กับ mars plus มาพักหนึ่งพร้อมเปิดเปลือยชีวิตและเส้นทางในวงการคอสเพลย์ แฟชั่นหลากเซตหลายสไตล์ในคอนเซ็ปต์เซ็กซี่ตามแบบฉบับคอสเพลเยอร์ตัวแม่ของวงการได้ผ่านการคัดสรรมาเพื่อกำนัลแฟนคลับของเธอและชาว mars plus ให้ได้ดูกันอย่างเต็มตา เต็มอิ่ม และจุใจแล้ว บอกได้คำเดียวว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง!

สำหรับเส้นทางชีวิตของ ‘โม่ยจัง-ชลฐิติรัตน์  แก้วแดง’ นางแบบและคอสเพลเยอร์สาวคนดังคนนี้ เธอหลงรักการคอสเพลย์ตั้งแต่เด็กจนกลายมาเป็นคอสเพลเยอร์ตัวแม่คนหนึ่งของวงการคอสเพลย์เมืองไทยต้องบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะกว่าจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้เธอออกจากบ้านตั้งแต่วัย 15 ทิ้งห้องเรียนมัธยมเพื่อเดินตามเส้นทางที่เธอรักและชอบ…“คนเรามันก็ต้องสู้เพื่อความอยู่รอดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว” ขณะเดียวกันระหว่างทางในโลกของคอสเพลย์และนางแบบได้มอบหลายสิ่งหลายอย่างให้กับชีวิตของเธอ…“เรื่องที่สำคัญมากๆ คือเราถ่ายเซ็กซี่ เราอาจจะโดนคนเหยียดใครจะดูถูกหรือเหยียดหยามเราก็ตาม แต่เราอย่าดูถูกตัวเองเพราะถ้าเราดูถูกตัวเองถือว่าเราแพ้แล้ว”

 

ก่อนจะมาเป็นคอสเพลเยอร์

เป็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่เรียนหนักมากเพราะคุณแม่เป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเกรดคุณแม่ต้องการให้ทุกอย่างออกมาดูดีเพราะเชื่อว่าถ้าวันนี้เราเรียนดีมันจะเป็นส่งผลดีต่ออนาคตของเราในวันข้างหน้าเป็นคนที่ไม่มีกิจกรรมอะไรกับเพื่อนเลยตื่นเช้ามาไปเรียนเรียนเสร็จกลับบ้านเลยทันที

เริ่มชอบการแต่งคอสเพลย์มาตั้งแต่ตอนไหน มีคอสเพลเยอร์ที่เป็นไอดอลไหม

ช่วงวัยเรียนสิ่งที่ผ่อนคลายสำหรับเราคือการ์ตูนค่ะ กลับจากโรงเรียนมาดูการ์ตูนและทำการบ้านไป จากตรงนี้ทำให้เราเริ่มอยากคอสเพลย์ค่ะ ตอนนั้นเป็นแค่ความชอบ แต่ไม่ถึงกับคลั่งไคล้ แค่อยากแต่งตัวให้เหมือนตัวละครนั้นๆ ส่วนคอสเพลเยอร์ที่เป็นไอดอลของโม่ยคือคุณ ‘เอนาโกะ’ ซึ่งเป็นคอสเพลเยอร์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเขาเป็นคนคอสเพลย์เพราะความชอบ คอสเพลย์มาตั้งแต่เรียนมัธยมต้น และทำมานานมากๆ สิ่งที่โม่ยชอบเขามากๆ คือเขาแสดงความสดใสออกมาได้ดีมากๆ การคอสเพลย์แต่ละชุดของเขาเป๊ะมาก เขามีความเป็นมืออาชีพการทำงานของเขาแต่ละงานมันสมบูรณ์แบบ

ความต่างระหว่างคอสเพลย์กับการถ่ายแบบเซ็กซี่

การถ่ายแบบเซ็กซี่เราต้องพรีเซ็นต์ความเซ็กซี่ของตัวเองออกไป เช่นถ่ายบิกินี่คุณต้องคิดและพรีเซ็นต์ความเซ็กซี่ในแบบของตัวเองออกไปให้ได้ แต่ไม่ได้มีคาแร็กเตอร์ว่าให้คนใส่บิกินี่ต้องมีแบบแบบไหน ท่าทางยังไง แต่ว่าคอสเพลย์มันมีชุด มีตัวละคร มีคาแร็กเตอร์บทบาทมาให้เรา อย่างสมมุติคุณใส่ชุดชุดนั้น เป็นตัวละครตัวนั้น คุณจะต้องเป็นเหมือนตัวละครตัวนั้นทั้งหน้าตา ท่าทาง บุคลิก คำพูด ทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะเอาคาแร็กเตอร์นั้นออกมาได้ดีแค่ไหน

ทั้งคอสเพลย์กับการถ่ายแบบเซ็กซี่ โม่ยจังมีลิมิตของตัวเองไหมว่าเซ็กซี่ได้ขนาดไหน

ลิมิตการถ่ายแบบเซ็กซี่ของหนูก็คือแบบชุดเซ็กซี่โดยทั่วไป มีท็อปเรตบ้าง แต่ไม่ใช่เปลือยแบบเห็นหมดนะ มีปิดจุกเซฟไว้ หนูไม่ถ่ายนู้ด ส่วนคอสเพลย์ ก็คอสเพลย์ตัวละครที่ชอบไปเรื่อยๆ มีเวลาว่างเราแต่งคอสเพลย์ หรือมีงานถ่ายแบบเซ็กซี่ก็ถ่ายไปตามลิมิตที่เราไหว ตามชุด ตามงานใหม่ๆ ที่เรามี เพราะว่าคนเรามันต้องแบ่งเวลา ทำยังไงให้งานทั้งสองอย่างบาลานซ์กัน แต่ทั้งงานหลักและงานอดิเรกของโม่ยใช้การถ่ายรูปเหมือนกัน มันเลยไม่ได้ลำบากมากเท่าไหร่

 

จากคอสเพลย์สู่การถ่ายแบบเซ็กซี่ ครอบครัวและคนรอบข้างว่ายังไงบ้าง

เพื่อนและคนรู้จักเคยเห็นเราคอสเพลย์มาตลอดก็ตกใจค่ะ แต่เขาเข้าใจนะว่าหนูต้องทำงาน ไม่ใช่ทำแบบไม่มีเหตุผล ทุกคนไม่อยากให้ถ่ายเซ็กซี่หรอก แต่ทำยังไงได้ล่ะ ทุกคนติดตามงานเรา แต่ไม่ได้มาดูแลชีวิตเรา เขาก็ให้กำลังใจ ส่วนคุณแม่เฉยๆ ค่ะ โม่ยถ่ายงานเซ็กซี่เหรอ ก็ถ่ายไป เพราะคุณแม่มองว่าทำงานอะไรก็ได้ที่เป็นงานสุจริตและทำให้เรามีรายได้อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนคนอื่น บางคนอาจจะบอกว่าน้องโม่ยถ่ายงานแบบนี้ คุณแม่โอเคเหรอ หนูกลับไปเชียงใหม่ล่าสุดยังถามคุณแม่เลย แม่บอกว่าเอาเวลาที่ถามว่ารังเกียจไหม โอเคไหม ไปทำงานเถอะ ไม่ต้องมาสนใจเรื่องคนอื่นขนาดนี้ เพราะถ้าคุณแม่ไม่โอเคคงไม่ได้ทำมาจนถึงทุกวันนี้หรอก คือส่วนใหญ่จะคิดว่าพ่อแม่ครอบครัวของหนูไม่โอเค ซึ่งความจริงถ้าให้หนูพูดนะ นี่มันยุคไหนแล้ว สิ่งที่หนูทำมันคือชุดเซ็กซี่ ไม่ได้แก้ผ้าโฉ่งฉ่าง ใส่ชุดเซ็กซี่ไปสวนสาธารณะ มันไม่ใช่นะ มันเป็นการทำงานในสตูดิโอ อาจจะเป็นสิ่งที่สังคมไทยไม่ค่อยมี เลยทำให้ดูตื่นตระหนก แต่ความจริงให้นึกถึงฟิลลิ่งที่เราไปเดินตามชายหาดมีคนใส่บิกินี่เรายังรู้สึกเฉยๆ แล้วกับคนใส่บิกินี่ถ่ายรูปในสตูดิโอทำไมตกใจล่ะ แค่นี้เอง คนเราทำอะไรทุกอย่างต้องมีเหตุผล อยู่ที่คนจะมอง

การคอสเพลย์และถ่ายแบบน่าจะใช้ทักษะต่างกัน เรียนรู้และปรับตัวยังไง

จริงๆ การเป็นคอสเพลเยอร์ต้องมีทักษะในการโพสท่าอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าการโพสท่าของตัวละครแต่ละตัวไม่เหมือนกัน อย่างตัวละครที่เป็นผู้ชายต้องแมนหน่อย ตัวละครที่เป็นผู้หญิงขี้งอน เจ้าน้ำตา หรือเซ็กซี่ มีการโพสท่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ซึ่งทำให้การที่โม่ยมาเป็นนางแบบจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เพราะมีพื้นฐานจากการคอสเพลย์มาก่อน จริงๆ คอสเพลย์สำหรับโม่ยมันมีประโยชน์หลายอย่างนะ เช่นการกล้าแสดงออกอย่างบางคนแต่งคอสเพลย์แล้วมาเดินงาน แต่พอตากล้องจะถ่ายเขาไม่กล้าให้ถ่ายนะ มันฝึกเรา พอเราอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก อยู่ในบุคลิกตัวละครนั้นแล้ว มันฝึกเราเรื่องการจะแสดงออกมายังไง มันฝึกเราทั้งการบริหารเงินด้วย อย่างสมมุติเดือนนี้เราได้เงินมาห้าหมื่น เราจะซื้อชุดคอสเพลย์เท่าไหร่ถึงจะบาลานซ์กับเงินที่เราได้มา ฝึกทั้งทักษะการแต่งหน้า เซตวิก ทำพร็อพ รวมถึงการฝึกเราในเรื่องระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา เพราะบางงานคอสเพลย์ไม่ได้มีเราคนเดียว มีเพื่อนๆ ร่วมคอสด้วย ฉะนั้นมันจะฝึกการอยู่กับคนรอบข้างและสังคมยังไงให้เราอยู่รอดและไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

ส่วนทักษะการพรีเซ็นต์ความเซ็กซี่สำหรับโม่ยคือ เราต้องรู้ว่าเรามีจุดเด่นอยู่ตรงไหน เช่นบางคนอาจจะหน้าอกไม่ใหญ่ แต่สะโพกใหญ่มาก ก้นสวย คุณต้องพรีเซ็นต์ตรงที่มันสวย ที่คุณมั่นใจที่สุดของคุณออกมา นี่คือเคล็ดลับที่ใช้ได้กับการถ่ายรูป ใช้ได้กับทุกอย่าง

 

ส่วนที่โม่ยจังคิดว่ามีเสน่ห์และเซ็กซี่ที่สุดของตัวเอง

สะโพกค่ะ ทุกๆ คนบอกว่าชอบสะโพกของโม่ยมาก มันเป็นเคิร์ฟเป็นทรงที่สวย หลายคนถามว่าทำศัลยกรรมก้นเหรอ ความจริงคือไม่ได้ทำอะไรเลย อาจจะเป็นแต้มบุญของโม่ยสมัยเรียนที่วิ่ง เล่นวอลเลย์ กระโดด เล่นบาส เลยทำให้ร่างกายมันโอเคค่ะ

ยังมีอะไรที่คิดว่าอยากต่อยอดจากสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้บ้าง เห็นว่าอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น

หนูคิดเรื่องเรียนต่อ มีรุ่นพี่แนะนำว่าที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสายอาชีพนะ ถ้าเรามีทุน อายุถึง และภาษาได้ สามารถไปเรียนได้เลย โม่ยมองว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้เรียนต่อและไปอยู่ในประเทศที่เป็นต้นกำเนิดคอสเพลย์ด้วย ถ้าให้พูดเปรียบเทียบกับไทย ไทยการคอสเพลย์อาจจะไม่บูมมาก คนเข้าถึงไม่มาก อาจจะเพราะประเทศเราไม่ใช่ต้นกำเนิดของตัวการ์ตูนที่เราแต่งกัน การสนับสนุนจะไม่เยอะเท่ากับประเทศต้นกำเนิด อย่างของไทยคอสเพลเยอร์บางคนมาเดินงานเขาไม่ได้เงินนะคะ แต่ที่ญี่ปุ่นการออกมาเดินงานคอสเพลย์ครั้งหนึ่งแล้วมีคนสนใจ มันคือการสร้างคอนเน็กชั่นให้เขา และที่ญี่ปุ่นเขาจะมีเอเจนซี่จ้างมาทำงานหรือหางานให้ แต่ในไทยไม่มี ที่ญี่ปุ่นสินค้าใดๆ ก็ตามถ้ามีตัวการ์ตูน มีคาแร็กเตอร์เขาจะจ้างคอสเพลเยอร์มาโปรโมต และคอสเพลเยอร์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก พูดตรงๆ เลยนะ โม่ยอยู่ทั้งวงการคอสเพลย์และถ่ายแบบเซ็กซี่ คนจะถามว่าคอสเพลย์ไปเดินงานทำไม คอสเพลย์เป็นยังไงเหรอ คือการแต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนใช่ไหม ทุกคนแทบจะไม่รู้ว่าคอสเพลย์เป็นอาชีพที่ต่อยอดสร้างรายได้ได้ ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างหนึ่ง และคนคอสเพลย์ในไทยก็ไม่ได้เยอะมากพอที่จะได้รับการสนับสนุน โม่ยเลยตัดสินใจว่าจะลองไปสู้ที่ญี่ปุ่นดู คนอาจจะบอกว่า เฮ้ยย เธอเป็นไม่ได้หรอกอย่าไปเลย โม่ยก็จะบอกว่าทำไมฉันต้องฟังคุณ ฉันอยากทำ ถ้าฉันทำไม่ได้ก็อยู่ที่ตัวฉัน คือถ้าหนูไม่ยอมแพ้หนูก็จะไปต่อเรื่อยๆ แต่ถ้าหนูยอมแพ้หนูก็จะอยู่แค่เมืองไทยไม่ได้ไปญี่ปุ่น

 

ดาวน์โหลดได้แล้วที่

https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARS_PLUS/7b8e2110-5e49-4c26-a3ee-5e9bca324675/mars-plus-moiichan

https://www.mebmarket.com/ebook-136767-Mars-plus-Moii-chan

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ mars plus จัดหนัก! E-Photobook "โม่ยจัง" คอสเพลเยอร์ตัวแม่ของวงการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook