Anti Social Social Club : แบรนด์สตรีท “ต่อต้านสังคม” ที่ใช้เวลาไม่ถึง 5 ปีทำให้สังคมนิยม
หากช่วงนี้คุณมีเวลาไปเดินเล่นที่สยามสแควร์สัก 1 ชั่วโมง แล้วไม่เจอคนใส่เสื้อที่มีคำว่า ANTI SOCIAL SOCIAL CLUB ถือว่าคุณเป็นคนที่โชคร้ายมาก
เพราะในตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะพบกับไอเท็มของแบรนด์ Anti Social Social Club (แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นของเลียนแบบ) เรียกได้ว่านี่คือ หนึ่งในยี่ห้อสตรีทแวร์ที่มาแรงสุดในช่วงนี้ก็ว่าได้
Anti Social Social Club ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 พวกเขาใช้เวลาไม่ถึง 5 ปีด้วยซ้ำในการสร้างความนิยมไปทั่วทั้งโลก...พวกเขาทำได้อย่างไร และคำว่า Anti Social Social Club ที่หมายถึงการต่อต้านสังคมมีที่มาอย่างไร
แฟชั่นสะท้อนเรื่องราวในใจ
ไม่ใช่แค่การเป็นชื่อแบรนด์เท่ๆ เท่านั้น แต่ Anti Social Social Club คือคำที่ใช้อธิบายตัวตนของ นีก เลิร์ก (Neek Lurk) ผู้ก่อตั้งได้เป็นอย่างดี
“มนุษย์ผู้จมอยู่กับความซึมเศร้า ซาดิสต์ และ มาโซคิสต์” นี่คือนิยาม ที่ Hypebeast เว็บไซต์ข่าวสารสตรีทแวร์ระดับโลกให้ไว้กับเลิร์ก เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธ ตรงกันข้ามเขายอมรับว่ามันคือความจริงทั้งหมด
Photo : Classic - My Photos neek supreme
เลิร์ก เป็นคนที่เข้ากับสังคมภายนอกไม่ได้มาตั้งแต่จำความได้ เขาเกิดและเติบโตใน ลาสเวกัส แดนสวรรค์สำหรับนักเสี่ยงโชคและผู้รักในการปาร์ตี้ แต่สำหรับ เลิร์ก เขาบอกว่านี่คือ “เมืองที่เลวร้ายที่สุดในโลก”
“ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียวที่นั่น ผมเก็บตัวอยู่ในห้องนอนของผมตลอดเวลา นอกจากตอนไปโรงเรียนเท่านั้น ผมไม่สามารถไปปาร์ตี้ที่บ้านใครได้เลย เพราะไม่มีสักคนที่รู้การมีอยู่ของผม จนถึงตอนนี้ผมก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ เมื่อปาร์ตี้ปีใหม่ที่ผ่านมา ผมก็หนีขับรถกลับบ้านไปก่อน เพราะผมอึดอัด ไม่รู้จะเข้ากับคนอื่นยังไง”
“ก่อนหน้าที่ผมจะมีแบรนด์ ผมไม่พูดเรื่องความรู้สึกส่วนตัวกับใครมากนัก มนุษย์ทุกคนก็เหมือนกันหมด เต็มไปด้วยความเหงาและเศร้าในใจ” เลิร์ก กล่าวกับ Vice
การที่ เลิร์ก เป็นเด็กไม่เข้าสังคม และเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน ทำให้เขามีเวลามหาศาลที่จะท่องโลกอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งเขาได้พบกับ Niketalk เว็บไซต์สังคมออนไลน์สตรีทแวร์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงยุค 2000’s
ใน Niketalk เต็มไปด้วยเรื่องราวแง่มุมต่างๆ ของสตรีทแวร์ที่ผู้คนทั่วโลกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง
เมื่อ เลิร์ก ได้อ่าน เขาก็เริ่มสนใจสตรีทแวร์มานับตั้งแต่นั้น ถึงขั้นที่ว่า เลิร์ก กลายเป็นหนึ่งสมาชิกผู้มีชื่อเสียงของเว็บบอร์ดเลยทีเดียว หลังจากเริ่มมีความสนใจต่อสตรีทแวร์ เลิร์ก เล่าว่าเขาใช้ความกล้าหาญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เปิดประตูออกจากห้องนอนที่เป็นโลกทั้งใบของเขา ออกมาสู่ “โลกแห่งความจริง” ด้วยการไปสมัครเป็นพนักงานในร้านขายสินค้าแบรนด์ Stussy
“ต้องขอบคุณที่ผมได้ทำงานที่ Stussy มันทำให้ผมได้รับประสบการณ์ชีวิตจริง ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะหลังจากแบรนด์ก่อตั้งขึ้นผมต้องกลับมาใช้เวลาส่วนใหญ่ในโลกอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง”
Photo : www.highsnobiety.com
การได้ออกมาใช้ชีวิต ทำให้ เลิร์ก ที่เคยมืดมนค่อยๆ มีแสงสว่างขึ้นมา ก่อนที่มันจะดับลงอย่างรวดเร็วอีกครั้งด้วยเรื่องของ “ความรัก”
ในปี 2014 เลิร์ก ได้คบหาเป็นแฟนกับหญิงสาวสัญชาติเกาหลีคนหนึ่ง ก่อนที่ต่อมาเธอจะหักอกเขาอย่างไม่ใยดี ทิ้งให้ เลิร์ก ลอยเคว้งคว้างในความว่างเปล่า… หลังจากนั้น เลิร์ก ตัดสินใจย้ายจากลาสเวกัสสู่เมืองลอสแอนเจลิส โดยไม่มีเป้าหมายใดๆ ในชีวิต
“ผมย้ายไปแอลเอโดยไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร นอกจากตระเวนถ่ายรูปด้วยกล้อง Ricoh ของผมเท่านั้น”
เลิร์ก รู้สึกเจ็บปวดกับความรักที่ผิดหวังที่ผ่านมาอย่างมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าจะระบายออกมันมายังไง เขาจึงลงมือผลิตหมวกขึ้นมา 1 ใบ โดยเขียนคำว่า Anti Social Social Club ลงไปเพื่อระบายความในใจของเขา
“ผมสร้างแบรนด์ขึ้นมาโดยยึดมันไว้กับเรื่องราวแย่ๆ ในชีวิตผม ผมเกลียดเธอ (สาวเกาหลีคนนั้น) หมวกที่ผมผลิตขึ้นก็เหมือนข้อความที่ต้องการให้เธอเห็น”
หลังจากนั้น เลิร์ก ก็ผลิตเสื้อยืดที่สกรีนคำว่า Anti Social Social Club แบบเดิมลงไป ก่อนจะถ่ายรูปมันลงในโซเชี่ยลมีเดียส่วนตัว ในตอนนั้นเขาไม่มีความคิดแม้สักนิดเดียวว่ามันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นสร้างอาชีพของเขา และเกิดเป็นแบรนด์ยิ่งใหญ่ระดับโลกในอนาคต
“หลังจากนั้นมีคน 12 คนทักมาขอซื้อเสื้อยืดที่ผมใส่ ผมเลยคิดว่าโอ้ มันเจ๋งดีนะ ถ้าผมทำมันออกมาขาย อย่างน้อยก็มีคน 12 คนที่จะซื้อ”
นอกจากจะได้เงินแล้ว มันยังเป็นหนึ่งในช่องทางระบายอารมณ์ภายในใจของเขาอีกด้วย ทำให้หลังจากวันนั้น Anti Social Social Club ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
Photo : ilovecybershopping.com
ในช่วงแรกของสโลแกน หรือคำสั้นๆ เช่น “Get Weird”, “I Miss You”, และ “Mind Games” ที่กลั่นออกมาจากใจของ เลิร์ก ปรากฎอยู่บนไอเท็มแวร์ของ Anti Social Social Club
เขาเพียงอยากระบายออกมา แต่มันกลับได้รับความสนใจอย่างมหาศาล ถึงแม้ในช่วงเวลาดังกล่าวช่องทางการจำหน่ายจะจำกัดอยู่แค่ออนไลน์ก็ตาม
จนกระทั่งในเดือนเมษายนปี 2015 เป็นครั้งแรกที่ เลิร์ก นำ Anti Social Social Club ของเขาไปเปิดบู๊ทป๊อปอัพในย่านลาเบรีย ลอสแอนเจลิส ผลปรากฏว่ามีผู้คนมาต่อแถวเข้าคิวรอยาวหลายช่วงตึกตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ทำเอา เลิร์ก ถึงกับงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ต่อต้านสังคม แต่สังคมกลับนิยม
เริ่มต้นจากลอสแอนเจลิส แต่ Anti Social Social Club กลับกลายเป็นเหมือนลัทธิบางอย่างที่แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
Photo : @supremeleaknews
“ผมแค่ผลิตสินค้าขึ้นมา และก็ขายมันไป ผมไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มันต่างจากสิ่งที่ผมคิดไว้โดยสิ้นเชิง”
“ผมไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิต ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความรู้สึกล้วนๆ” เลิร์ก กล่าว
กุญแจสำคัญที่ทำให้ Anti Social Social Club โด่งดังเป็นพลุแตกในระยะเวลาอันสั้น ก็เพราะมีเหล่าคนดังจำนวนไม่น้อยใส่ไอเท็มแวร์ของแบรนด์นี้ และถ่ายรูปมันขึ้นโซเชี่ยล บวกกับชื่อแบรนด์ที่ช่างสะดุดตาเสียเหลือเกิน ทำให้แทบทุกคนที่ได้เห็นจะอยากรู้ต่อทันทีว่า Anti Social Social Club มันคือแบรนด์อะไร
“สองเดือนหลังจากที่ผมผลิตหมวกที่มีคำว่า I Miss You ออกมา คิม คาร์เดเชี่ยน ก็หยิบมันมาสวมและถ่ายรูปลงโซเชี่ยล หลังจากนั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
“ผู้หญิงคนนั้น (สาวเกาหลี) ติดเงินผมอยู่ 780 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ไม่เป็นไร ผมได้ใช้ความเกลียดที่มีต่อเธอ แสดงออกผ่าน คิม คาร์เดเชี่ยน จนได้รับเงินกลับมาหลายเท่าตัวแล้ว เป็นหนทางเดียวที่ผมจะชำระความแค้นได้”
Photo : www.hawtcelebs.com
คิม คาร์เดเชี่ยน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะหลังจากนั้นเหล่าคนดังผู้ทรงอิทธิพลแห่งโลกแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น คานเย เวสต์, วิซ คาลิฟา, ทราวิส สกอตต์, จี-ดราก้อน และอีกมากมาย ต่างพากันพร้อมใจใส่เสื้อผ้าของ Anti Social Social Club ราวกับต่อแถวเดินในขบวนพาเหรด
“เมื่อผมสร้างมันขึ้นมา (แนวคิดการต่อต้านสังคม) ผู้คนต่างพากันคิดว่ามันเจ๋ง มันเท่ การที่ จี- ดราก้อนใส่ มันทำให้แบรนด์เข้าไปตีตลาดในวัฒนธรรมประเทศเกาหลีได้”
“ผมทำเงินได้ด้วยวิธีที่แปลกมาก ความคิดแง่ลบของผมทำให้ผมมีรถที่มีฮีทเตอร์ในตัว”
ก้าวต่อไปหลังจากที่แบรนด์โด่งดังมีชื่อเสียงก็หนีไม่พ้นการคอลแลบ หรือร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ ผลิตสินค้าออกมา ร่วมกันกระตุ้นยอดขาย เป็นกลยุทธ์ที่เห็นได้ทั่วไปในการตลาดยุคนี้….Anti Social Social Club ก็เช่นกัน
Photo : www.wehustle.co.uk
Honda, Hello Kitty, Playboy, Bape, Rimowa เหล่านี้เป็นเพียงรายชื่อแบรนด์ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เคยร่วมกันผลิตสินค้ากับ Anti Social Social Club
แต่การร่วมมือครั้งสำคัญที่สุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือกับ BTS วงบอยแบนด์อันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ด้วยสินค้าที่มีภาพของเหล่าสมาชิกในเวอร์ชั่นการ์ตูนน่ารักปรากฏอยู่
นี่แหละคือปัจจัยที่ส่งให้ Anti Social Social Club พุ่งทะยานจากจุดเริ่มต้นสู่จุดสูงสุดแห่งวงการแฟชั่นอย่างรวดเร็วราวกับกระโดดทรัมโบลีน
ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Anti Social Social Club เปรียบเสมือนดาบสองคม แน่นอนว่าข้อดีมันคือ เรื่องเงินทองที่ทุกคนเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แล้วข้อเสียล่ะ?
ถ้าไม่นับเรื่องของเลียนแบบที่ในปัจจุบันเห็นได้บ่อยจนเป็นเรื่องชินตา และคงไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้มากมายแล้ว
Photo : www.theillest.pl
การที่ Anti Social Social Club กราฟพุ่งขึ้นสูงในระยะเวลาอันสั้น แต่ นีก เลิร์ก ผู้ก่อตั้งกลับไม่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับการเป็นนักธุรกิจผู้บริหารเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้การจัดการด้านต่างๆ รวมถึงโครงสร้างองค์กรของ Anti Social Social Club ยังไม่เป็นมืออาชีพเท่าไรนัก สามารถพบเห็นปัญหาต่างๆ ที่มีคนมาบอกเล่าในโลกออนไลน์ได้บ่อยครั้ง
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน Anti Social Social Club ประสบปัญหากับการเก็บค่าจัดส่งที่แพงเกินไป รวมถึงสินค้าที่จัดส่งไปก็มักจะมีตำหนิ เช่นคราบเปื้อน หรือรอยไหม้บุหรี่ ติดมาด้วยอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นเกิดเป็นแฮชแท็ก #wheresmyhoodiebro ขึ้นมาเพื่อตำหนิการทำงานของแบรนด์เลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีประเด็นของการส่งของล่าช้า จนเกิดการตั้งกลุ่ม "Anti Shipping Shipping Club" ขึ้นมาจากการรวมตัวกันของลูกค้าหลายร้อยชีวิตที่ได้รับสินค้าล่าช้าไปเป็นเดือน
ปัญหาเหล่านี้ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย แต่สำหรับแบรนด์เกิดใหม่ที่ความน่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญ มันก็ทำให้ Anti Social Social Club เสียรังวัดไปไม่น้อย
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เกิดปัญหา เลิร์ก ไม่เคยนิ่งเฉย เขาจะออกมาเทคแอคชั่นแบบทันควันอยู่เสมอ เช่น ภายหลังการตั้งกลุ่ม Anti Shipping Shipping Club เพียง 1 วัน เลิร์ก ก็โพสต์ภาพรถบรรทุกที่มีสินค้าบรรทุกอยู่เต็มคัน เพื่อให้ลูกค้าทุกคนไม่ต้องกังวัลใจ สินค้าทุกชิ้นจะไปถึงมืออย่างแน่นอน
ก่อนที่ เลิร์ก จะออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เขาไม่ได้ตั้งใจให้ความผิดพลาดเกิดขึ้น เพียงแต่ยอดสั่งซื้อมันมีมากกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้หลายเท่าตัว
ความสำเร็จของ Anti Social Social Club ส่งผลให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการ “เดินตามรอย” ด้วยการสร้างแบรนด์ขึ้นมา คิดชื่อ แบรนด์เท่ๆ แฝงความหมายถึงความเศร้า ความโดดเดี่ยว
ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นจุดขาย แต่ปรากฏว่ากลับไม่มีแบรนด์ไหนทำสำเร็จ จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกเหมือน Anti Social Social Club ได้เลยแม้แต่แบรนด์เดียว
ถ้า Anti Social Social Club เป็นแบรนด์ที่บริหารโดยนักธุรกิจ ด้วยความสำเร็จระดับนี้ คงต้องรีบฉกฉวยโอกาส สร้างโปรเจ็คใหม่ กวาดกำไรให้มากที่สุดแล้ว...แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนก็น่าจะทราบกันแล้วว่า เลิร์ก นั้นไม่เหมือนใคร และความแตกต่างของเขาก็ส่งผลโดยตรงต่อ Anti Social Social Club
Photo : hypebeast.com
“เรื่องที่แย่คือผมต้องมีความคิดลบ ความเศร้า ความโดดเดี่ยว ใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ผมถึงจะสามารถผลิตสินค้าใหม่ๆ ออกมาได้ แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะหากันได้”
“เคยมีคนพูดกับผมว่า ‘นายแค่ต้องการโต้เถียงกับฉัน เพื่อหาแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์ตัวเอง’ สิ่งที่เขาพูดมันทำลายวันนั้นของผมไปเลย”
“ผมเคยพูดไป 100 ครั้งแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเพราะอารมณ์ของผม ถ้าผมรู้สึกว่าถูกบังคับให้ต้องทำมัน ผมก็จะไม่ทำ”
อย่างไรก็ตาม เลิร์ก ก็ได้กล่าวว่าในอนาคต Anti Social Social Club ก็น่าจะมีสินค้าใหม่ออกมาอีก การที่เขาร่ำรวยเงินทอง ไม่ได้หมายความอาการซึมเศร้า โดดเดี่ยว ต่อต้านสังคมของเขาจะหายไป
“ตราบเท่าที่ผมยังคุมสติไว้ได้ และไม่ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน” เลิร์ก กล่าวทิ้งท้าย
ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของสินค้าของ Anti Social Social Club ก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ทางการ หรือที่ร้าน SLUM LTD สยามสแควร์ซอย 8 ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แหล่งอ้างอิง
https://amuse.vice.com/en_us/article/43zmdb/anti-social-social-club-history
https://amuse.vice.com/en_us/article/438x7n/neek-lurk-money
https://en.wikipedia.org/wiki/Anti_Social_Social_Club
https://hypebeast.com/2015/12/neek-lurk-anti-social-social-club-interview
https://medium.com/@ZachJakuboski/how-anti-social-social-club-is-recovering-from-their-mistake-a17e84e9b0f1