10 กิจวัตรดี ๆ ที่ทำในตอนเช้า เพื่อเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

10 กิจวัตรดี ๆ ที่ทำในตอนเช้า เพื่อเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

10 กิจวัตรดี ๆ ที่ทำในตอนเช้า เพื่อเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยรู้หรือไหมว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตกัน วัน ๆ เขาทำอะไรกันบ้าง พวกเขาทำอย่างไรให้มีความเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น?

พวกเขาให้ความสำคัญกับตัวเอง เมื่อตื่นนอน คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่เช็กอีเมลในทันที เพราะเวลาเช้าตรู่ถือว่าเป็นเวลาส่วนตัว เป็นเวลาที่มีคุณค่า ซึ่งไม่ควรจะเสียเวลานี้ไปให้กับเรื่องอื่น รวมถึงพวกเขาจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ได้ ว่าอะไรสำคัญและต้องทำให้เสร็จก่อน

ผู้คนที่ประสบความสำเร็จ เขาทำกิจวัตรอะไรกันบ้างในตอนเช้า ที่เรียกได้ว่าเป็นเวลาส่วนตัวที่มีคุณค่า ลองมาดูกัน

1. ตื่นเช้ามาก ๆ
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก คนที่ประสบความสำเร็จมักตื่นนอนเวลา 05.30 น. หรือ 04.30 น. หรือไม่ก็ 04.00 น. เพราะยิ่งตื่นเช้ามากเท่าไร ก็ยิ่งมีเวลาทำนู่นทำนี่ได้มากขึ้นเท่านั้น และทำให้เรามีเวลาที่จะทำอะไรมากกว่าคนอื่นด้วย จำไว้ว่า “นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนได้ก่อนใคร” แต่การพยายามจะลืมตาตื่นเช้าขนาดนั้นมันยาก ก็ค่อย ๆ ขยับเวลาตื่นดูก็ได้ เดิมตื่นกี่โมงก็ขยับเวลาให้เร็วขึ้น 15 นาที แล้วปรับให้เช้ากว่าเดิมทีละนิด ๆ ครั้งละ 15 นาที

2. ออกกำลังกาย
ออกกำลังกาย ไม่ได้หมายความว่าจะต้องออกแรงหนัก ๆ เหนื่อย ๆ เพราะแค่เล่นโยคะก็คือการออกกำลังกายเหมือนกัน เช่นเดียวกับที่ Steve Murphy ผู้บริหารของ Christie’s ทำ ประโยชน์ของการออกกำลังกายไม่ใช่แค่ทำให้สมองปลอดโปร่งโล่งสบาย สุขภาพกายดีขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น แต่ยังลดความเครียดได้ด้วย นี่จึงเป็นข้อดีที่ว่าทำไมเราควรออกกำลังกาย กระนั้น ถ้าใช้เวลานานเป็นชั่วโมงก็อาจเป็นกิจวัตรที่หนักเกินไป ฉะนั้น แค่วิ่ง กระโดดโลดเต้น หรือเดินเล่นแถว ๆ บ้านสัก 10 นาทีก็ได้แล้ว

3. สร้างแรงบันดาลใจอย่าสม่ำเสมอ
แรงบันดาลใจไม่ได้คงอยู่กับเราตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้ารู้สึกว่าแรงบันดาลใจของตัวเองเริ่มหายไป ก็ต้องสร้างใหม่เข้าไปทดแทน หมั่นสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ คนที่ประสบความสำเร็จจะอุทิศเวลาสำหรับสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองเป็นประจำ พวกเขามักใช้เวลาประมาณ 30 นาที ฟังพวกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้ชีวิต หรือคำพูดให้กำลังใจ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ถ้าจิตใจเราเปี่ยมไปด้วยกำลังใจและแรงบันดาลใจ ก็มีแนวโน้มที่จะทำอะไร ๆ ได้สำเร็จนั่นเอง

4. บันทึกเรื่องราวที่ตัวเองประทับใจ
เวลาที่เจอเรื่องราวดี ๆ หรืออะไรก็ตามที่ประทับใจ อย่าลืมที่จะจดบันทึกมันไว้เป็นความทรงจำดี ๆ หรือแม้แต่สิ่งที่ตัวเองทำแล้วรู้สึกว่าอยากขอบคุณตัวเองก็จดลงไปด้วย คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมองโลกในแง่ดี (แต่ก็ไม่ได้ลืมโลกความเป็นจริง) การรู้จักขอบคุณตัวเองถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง รวมถึงช่วยปรับมุมมองในการมองโลกของตัวเองด้วย ในทุก ๆ เช้า ลองเขียนอะไรก็ได้ที่อยากจะขอบคุณตัวเองอย่างน้อยวันละ 1 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถือเป็นการให้พรดี ๆ กับตัวเอง

5. ถามคำถามที่สำคัญกับตัวเอง
คำถามสำคัญก็มักจะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับมุมมองการใช้ชีวิต เช่น “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะยังต้องการทำในสิ่งที่เรากำลังอยู่หรือไม่” การมองว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตมันอาจสะเทือนใจนิดหน่อย แต่มันทำให้เราได้คำตอบที่ชัดเจนจริง ๆ หากเราตอบว่า “ไม่” หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ก็แปลว่าเราคงต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะมีโอกาสได้ทำอีกหรือไม่

6. กินกบตัวนั้นซะ! ทำงานยากก่อนที่จะขี้เกียจ
ไม่ได้หมายความว่าให้ไปหากบมากินจริง ๆ แต่มันเป็นแนวคิดของ Brian Tracy ผู้เขียนหนังสือ Eat That Frog ซึ่งเขาเสนอว่าช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เรามีพลังใจมากที่สุด จึงมีแนวโน้มที่จะทำอะไรต่ออะไรได้สำเร็จโดยที่ไม่มีใครมารบกวน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุดที่จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเช้าทำสิ่งที่ยากที่สุด (ก่อนที่จะขี้เกียจในตอนสาย ๆ) หยุดผัดวันประกันพรุ่ง ทางที่ดี ทำมันให้เสร็จก่อนที่จะกินอาหารเช้าก็ได้!

7. ติดต่อกับคู่หูคู่คิดของตัวเอง
ใช้เวลาช่วงเช้าสำหรับติดต่อพูดคุยกับคู่หูคู่คิดหรือพันธมิตรที่ดีของตัวเอง ในการพูดคุย แลกเปลี่ยน และวางแผนการงานต่าง ๆ หรือแม้แต่การพูดคุยถึงงานอดิเรกที่จะทำร่วมกัน คนที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่าช่วงเช้าเป็นเวลาที่มีพลังและมีสมาธิมาก จึงเหมาะที่จะปรึกษาพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กับคู่หูคู่คิดของตนเอง รวมถึงยังเป็นช่วงเวลาที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ อาจกำหนดให้วันใดวันหนึ่งในสัปดาห์ เป็นวันที่นัดกินมื้อเช้าด้วยกัน หรือนัดกันไปออกกำลังกาย

8. วางแผนกิจกรรมของทั้งวัน
ถ้าเราไม่ยอมสละเวลาแม้เพียง 2-3 นาทีเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินชีวิตของวันนั้น ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นใช่หรือไม่ เดินถูกทางหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น มาเสียเวลาวางแผนชีวิตอย่างน้อย 10 นาที เพื่อกำหนดเป้าหมายชีวิตในแต่ละวัน ทบทวนตารางงานต่าง ๆ รวมถึงจัดตารางพักของตัวเอง ดีกว่าไปหลงทางหรืองมงายอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ แล้วเสียเวลาไปทั้งวัน การวางแผนจะช่วยให้เราจัดการชีวิตได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น และเครียดน้อยลงด้วย

9. ทำจิตใจให้สบาย
วุ่นวายจนสติแตกมีแต่ทำให้เรื่องแย่ลง ในขณะที่การทำสมาธิช่วยให้เกิดสติและปัญญา ฉะนั้น ลองใช้เวลาสัก 2-3 นาทีนึกถึงสิ่งที่เราใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือนั่งสมาธิให้ตัวเองได้ผ่อนคลายอย่างความเครียด ต้องไม่ลืมว่าอาการป่วยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์นั้น มีความเกี่ยวข้องกับความเครียด ลองออกห่างจากความเร่งรีบ แล้วหันไปเพลิดเพลินกับความเงียบ กำหนดลมหายใจเข้าออก ใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย

10. บอกรักคนในครอบครัว
ปกติคนวัยทำงานก็หมดเวลาไปกับการทำงานมากกว่าอยู่กับครอบครัวอยู่แล้ว จะดีกว่าไหมถ้าจะใช้เวลาช่วงเช้าสักชั่วโมงกับครอบครัว เพราะช่วงเช้าสมองและจิตใจยังไม่ค่อยเครียดหรือว้าวุ่นใจ ถ้ามีลูกก็อย่าเป็นพ่อแม่ที่เอาแต่พูดถึงการเจริญเติบโตของลูก โดยที่แทบจะไม่เคยมีเวลาสนุกกับพวกเขา ไม่เคยถามไถ่ความฝันของลูก ลองช่วยพวกเขาแต่งตัวหรือทำอาหารเช้าให้เด็ก ๆ ถ้ากับพ่อแม่อย่างน้อยก็กินข้าวร่วมกับพวกท่านสักมื้อในทุกวัน แสดงความรักต่อพวกท่านบ้าง แม้ว่าเราจะกำลังทำงานเพื่อครอบครัวแต่ก็ต้องรักษาสมดุลของเวลาด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook